เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 479 เธอก็กำลังโตขึ้นทีละนิดเหมือนกัน
บทที่ 479 เธอก็กำลังโตขึ้นทีละนิดเหมือนกัน
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนปลอดภัย จี้จิ่งเชินก็ไม่ได้รู้สึกคับแค้นใจอะไรแล้ว
“ ทำตามแผนเดิม และพยายามลดเวลาลง อย่างอื่นผมทนได้ ”
“ แต่…… ”
หมอจางยังอยากห้ามปราม แต่เห็นสายตาของจี้จิ่งเชินมีความแน่ใจแบบนี้ เขาจึงรู้สึกจนปัญญา
คนสองคนที่อยู่ตรงหน้า คนนึงพยายามให้เขาลดเวลาในการรักษาลง อีกคนกลับบังคับและขอให้หยุดการรักษา
ตกลงจะให้เขาทำยังไงกันแน่?
“ ทราบแล้วครับ ผมจะทดลองวิธีใหม่ดูอีกครั้ง ”
หลังจากที่ตรวจดูขาทั้งสองข้างของจี้จิ่งเชินเสร็จแล้ว หมอจางถึงค่อยออกไป
ประตูห้องผู้ป่วยถูกปิดลงอีกครั้ง จี้จิ่งเชินมองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยังคงหลับสนิท เขานั่งลง หลังจากนั้นก็ดึงพรมที่อยู่ข้างๆ และยื่นมือสองข้างออกมาเพื่อเตรียมห่มให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
เขาเพิ่งวางพรมลงไป อยู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ขยับตัว และตื่นขึ้น
พอลืมตาขึ้นมา เธอก็เห็นจี้จิ่งเชินอยู่ใกล้กับใบหน้าของตัวเอง
เธอชะงักไปนิดหน่อย หลังจากนั้นก็กระพริบตา และสายตาของเธอถึงค่อยไปหยุดที่บนใบหน้าของเขา
“ จี้จิ่งเชิน? ”
น้ำเสียงของเธอเบามาก ถึงกับยังคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่
วินาทีต่อมา เธอก็ตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างลวกๆ ถึงกับชนมือของจี้จิ่งเชินจนหลุดออกไป
“ นายเป็นยังไงบ้าง? ขายังเจ็บหรือเปล่า? ”
“ ต้องการฉีดยาชาอีกไหม หรือจะให้หมอเข้ามาดูอาการ? ”
เธอเดินไปเดินมาอย่างเป็นกังวล สักพักก็คลำหน้าผากของจี้จิ่งเชินดูว่ามีไข้หรือเปล่า
สักพักก็เตรียมไปดูอาการขาทั้งสองข้างของเขา
จี้จิ่งเชินยื่นมือออกไปดึงเธอให้นั่งลง
“ ไม่ต้องแล้ว เมื่อสักครู่ หมอจางเข้ามาตรวจดูแล้ว เจ็บนิดหน่อย แต่ผมทนได้ ”
เป็นไปได้ยังไง?
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่อยากจะเชื่อ ในหัวของเธอถึงกับปรากฏภาพเมื่อวาน ตอนที่ขาทั้งสองข้างของจี้จิ่งเชินชุ่มไปด้วยเลือด เห็นแล้วก็ทำให้รู้สึกหวาดกลัว
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ได้ฟังพวกบอดี้การ์ดพูดถึงสถานการณ์ของเขาแล้ว เธอก็ยิ่งรู้ว่าจี้จิ่งเชินเจ็บปวดขนาดไหน
จะไปเจ็บนิดหน่อยได้ยังไง?
จะไปทนได้ยังไง?
แต่จี้จิ่งเชินกลับจับมือของเธอไว้แน่น
“ ผมจะไม่หยุดทำการฟื้นฟูสมรรถภาพ ”
คำพูดประโยคเดียว ถึงกับทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนสงบลงทันที
เธอหันไปมองจี้จิ่งเชิน คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันนิดหน่อย
ผ่านไปสักพัก เธอถึงพูดห้ามขึ้นมา: “ ต่อให้นายยืนไม่ได้ ฉันก็จะไม่ไปจากนาย ฉันไม่ถือสาอะไรเลย…… ”
“ ผมถือสา ”
จี้จิ่งเชินพูดเสียงดังขึ้นนิดหน่อย จนทำให้ขัดคำพูดของเธอ
เห็นสายตาตกใจของเวินเที๋ยนเที๋ยน จี้จิ่งเชินจึงถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา
“ ผมถือสา ”
“ ผมอยากเป็นคนแรกที่โผล่ไปหาคุณในตอนที่คุณเผชิญกับอันตราย ผมอยากแบกคุณไว้ด้านหลังตอนคุณรู้สึกเหนื่อย ”
“ ผมอยากกอดคุณข้ามผ่านเส้นทางยาวไกลที่แสนยากลำบากและฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆกับคุณ ”
“ แต่ทั้งหมด ตอนนี้ผมยังทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น ต่อให้เหลือโอกาสเพียงสิบเปอร์เซ็นต์ ผมก็อยากจะลองดูสักครั้ง ”
เขากำมือแน่น น้ำเสียงของเขาแน่วแน่มาก
“ เวินเที๋ยนเที๋ยน ผมถือสา ”
“ ถ้ามีแค่ผมคนเดียว ผมก็ไม่กลัวอะไรหรอก คำพูดที่ไม่น่าฟังกว่านี้ ผมก็เคยได้ยินมาแล้ว แต่คุณไม่ใช่ คุณไม่ได้รับความเป็นธรรม ผมทนไม่ได้ที่เห็นคนอื่นใช้สายตาที่แตกต่างมองคุณ ผมทนไม่ได้หรอก ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอ้าปากจะพูดห้ามเขา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด
“ ฉันรู้ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจับมือของเขาอีกครั้ง และพูดขึ้น: “ ถ้านายอยากลองดู ฉันจะอยู่กับนาย ครั้งนี้ นายไม่ต้องไล่ให้ฉันไปไหนอีกแล้ว ฉันจะไม่ไปจากนายอย่างเด็ดขาด ”
พูดจบ เธอก็รู้สึกเคืองตา หลังจากนั้นก็ก้มลงไปจูบริมฝีปากของจี้จิ่งเชิน
เธอทำได้แล้ว
ต่อให้จี้จิ่งเชินถอยหลัง เธอก็กล้าที่จะเดินไปข้างหน้า
เธอทำได้แล้ว
ตัวเธอกำลังโตขึ้นทีละนิด
จี้จิ่งเชินทำให้เธอขยัน และความเปลี่ยนแปลงทุกอย่างของเธอก็เพื่อที่จะสามารถเดินเคียงคู่ไปกับจี้จิ่งเชินได้ไกลยิ่งขึ้น
เพียงแค่หวังว่าเส้นขนานของพวกเขาทั้งสองคนจะสามารถเข้าใกล้กันมากยิ่งขึ้น
เธอก็กำลังเติบโตขึ้นทีละนิดเหมือนกัน
พวกบอดี้การ์ดได้ยินหมอจางบอกว่าจี้จิ่งเชินฟื้นแล้ว พวกเขาจึงรีบพากันเข้ามาอย่างรวดเร็ว
พวกเขาเพิ่งผลักประตูห้องผู้ป่วยเข้ามา ก็เห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเข้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มตัวลงคล้อยตามการกระทำของจี้จิ่งเชิน
ผ้าม่านถูกดึงออก แสงแดดทะลุหน้าต่างเข้ามา และสาดส่องลงมาบนตัวของพวกเขา
เงียบสงัด และสวยงามมาก
ทั้งสองคนชะงักไปทันที หลังจากนั้นก็แอบย่องกลับไป และปิดประตูลงอย่างเงียบๆ
ภายในห้อง ไม่มีใครมารบกวนพวกเขาทั้งสองคนอีกแล้ว
และก็ไม่มีคนมาพูดทำลายบรรยากาศที่เข้ากันได้ดีแบบนี้อีก
ผ่านไปสองสามวัน บาดแผลบนขาของจี้จิ่งเชินก็ค่อยๆเริ่มฟื้นสภาพ ไม่นานก็สามารถเริ่มทำการรักษาได้แล้ว
จนถึงตอนนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงรู้ว่าการทำฟื้นฟูสมรรถภาพที่จี้จิ่งเชินเข้ารักษานั้นเจ็บปวดขนาดไหน!
เพิ่งผ่านไปแค่สิบนาที บนเสื้อเชิ้ตกับบนหน้าผากของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อมากมาย
เธอยืนอยู่ด้านข้างด้วยความรู้สึกที่เป็นกังวล มีหลายครั้งที่เธอจะเข้าไปพยุงเขา แต่สุดท้ายก็อดกลั้นตัวเองไว้ได้ก่อน
เหมือนที่จี้จิ่งเชินเคยพูดไว้ นั่นคือศักดิ์ศรีของเขา
ครั้งนี้หมอจางกำชับว่าคนนอกห้ามเข้าไปช่วย ต้องพึ่งตัวของจี้จิ่งเชินคนเดียวเท่านั้น
ผ่านไปยี่สิบนาที จี้จิ่งเชินก็รู้สึกเหนื่อยล้า
เขาเพิ่งลงมา เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รีบเข้าไปเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้เขาทันที สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
สีหน้าของจี้จิ่งเชินขาวซีด เหงื่อไหลลงมาตามขมับกับคาง
ทุกครั้งที่เห็นจี้จิ่งเชินมีสภาพเช่นนี้ เธอก็แทบอยากจะยุติแผนทำการฟื้นฟูสมรรถภาพลงสะเดี๋ยวนั้น
แต่พอปะทะเข้ากับสายตาแน่วแน่ของจี้จิ่งเชิน เธอจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงมุมปากลงไป
ในเมื่อจี้จิ่งเชินเชื่อมั่นในตัวเองขนาดนี้ เธอก็ต้องยืนอยู่ข้างเขา และสนับสนุนเขา
เพิ่งสิ้นสุดจากงานบนมือ ทางสถานีตำรวจก็ส่งข่าวมาบอก
ก่อนหน้า ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนออกมาจากตระกูลเฟิงเธอก็ได้ไปแจ้งความกับทางตำรวจทันที เธอบอกเรื่องทั้งหมดที่ตัวเองประสบพบเจอตอนอยู่ที่ตระกูลเฟิงและยังบอกการคาดสถานการณ์ของเขาให้กับทางตำรวจได้รู้อีกด้วย
ทางตำรวจก็บอกว่าจะตรวจสอบคนให้ผ่านไปสองวัน ในที่สุดก็ส่งข่าวมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนพาจี้จิ่งเชินกลับไปส่งที่ห้องผู้ป่วย หลังจากที่เธอจัดเก็บเสร็จแล้ว เธอถึงค่อยออกจากโรงพยาบาล และมาที่สถานีตำรวจ
ตำรวจสองนายเมื่อครั้งก่อนกับตำรวจเหยียนเจิ้งได้ยืนรออยู่ข้างๆแล้ว สีหน้าของพวกเขาเคร่งขรึมผิดปกติ
“ หาเบาะแสเจอหรือยัง? ” พอเวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งลง เธอก็พูดถามขึ้นทันที
ทางตำรวจส่ายหน้า
“ คุณเวิน ตอนที่คุณอยู่ที่ตระกูลเฟิงคุณแน่ใจว่าคุณเห็นภาพวาดแปลกประหลาดภาพนั้นกับห้องนั้นจริงๆใช่ไหม? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไปนิดหน่อย เธอรู้สึกไม่เข้าใจ
“ แน่ใจค่ะ ฉันเห็นอย่างชัดเจน ความเป็นมาของภาพวาดภาพนั้นเฟิงหมิงยังเป็นคนบอกกับฉันเองอยู่เลย มีอะไรไม่ถูกต้องหรอคะ? ”
เหยียนเจิ้งพูดขึ้นอย่างลำบากใจ: “ วันที่คุณบอกพวกเรา พวกเราได้เข้าไปตรวจสอบที่ตระกูลเฟิงแต่กลับไม่พบภาพวาดที่คุณบอก และห้องนั้นก็ไม่มีอยู่จริงครับ ”
“ เป็นไปไม่ได้! ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วทันที ต่อให้เฟิงหมิงสามารถเอาภาพวาดนั้นไปซ่อน แต่ห้องนั้นไม่สามารถหายไปไหนได้นี่นา!
“ พวกเราทำการค้นหาสามรอบแล้วครับ แต่ยังคงไม่พบเบาะแส เพราะฉะนั้น พวกเราจึงหวังให้คุณไปกับพวกเรา ถ้าคุณไปด้วย คงจะหาทางเข้าห้องนั้นเจอ ”
“ ฉัน? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมีความลังเล ประสบการณ์เหล่านั้นน่ากลัวเกินไป แค่นึกถึง ก็ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวแล้ว
แต่ถ้าไม่ไป หรือจะให้เฟิงหมิงทำผิดกฎหมายต่อไปอย่างนั้นหรอ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนลังเล สุดท้ายเธอก็พยักหน้า
“ ได้ค่ะ ”
ตำรวจทั้งสองนายเผยสีหน้าดีใจขึ้นมา
“ ดีครับ ผมจะไปทำเรื่องหมายค้นเดี๋ยวนี้ พรุ่งนี้จำเป็นต้องเชิญคุณให้ไปกับพวกเราด้วยครับ! ”