เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 334 เดิมทีที่นี่ก็เป็นบ้านของเธอ
บทที่ 334 เดิมทีที่นี่ก็เป็นบ้านของเธอ
“พวกคุณไม่สามารถข่มขู่คุณนายหล่อนได้หรอก!”
เมื่อได้ฟังประโยคนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยน เวินฉี่ก็แค่ยิ้ม และยืนขึ้น
“เธอรู้ได้ยังไงว่าเขาจะไม่ถูกพวกฉันข่มขู่?”
เขาเดินเข้าไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วสังเกตหน้าตาและเส้นผมของเธอย่างละเอียด
“คล้ายกันขนาดนี้ ทำไมตอนแรกฉันถึงดูไม่ออกนะ……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วและมองเขาด้วยความสงสัย
“คุณต้องการจะทำอะไรกันแน่?”
เวินฉี่นำมือทั้งสองข้างของเธอวางบนไม้เท้า แล้วค่อยๆพูด: “พวกฉันแค่รับเธอกลับมาบ้านก็เท่านั้นเอง ที่นี่คือที่ที่เธอควรอยู่ต่างหาก”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟังประโยคนี้ ก็ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปอีก
“คุณกำลังพูดอะไรอยู่กันแน่? ที่นี่ไม่ใช่บ้านของฉันสักหน่อย”
เวินฉี่ก็หัวเราะแบบพอใจมากยิ่งขึ้น
“ดูเหมือนหล่อนหลีจะไม่ได้บอกอะไรเธอสักอย่างเลยใช่ไหม เธอถึงยังไม่รู้เรื่อง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความระแวดระวัง เธอไม่เข้าใจเลยว่าคำพูดพวกนี้ที่เวินฉี่พูด มันหมายความว่าอะไร
เวินฉี่กลับไม่ได้พูดต่อ แต่กลับโบกมือให้กับสามสี่คนที่พาเธอเข้ามา
“พาคุณเวินไปพักผ่อนในห้อง”
“ครับ”
พวกเขาพยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียงกัน และหันมาจับเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้ง แล้วพาเธอขึ้นไปชั้นบน
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยายามขัดขืนแบบไม่หยุด
“คุณรับปากฉันเรื่องงานแต่งแล้ว! และอย่าได้คิดมากลับคำเอาตอนนี้! เพราะฉันจะไม่ยอมให้พวกคุณทำลายงานแต่งเด็ดขาด”
ตอนนี้เวินฉี่กลับไปนั่งที่โซฟาเรียบร้อยแล้ว และเมื่อได้ฟังคำพูดนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็ฮึมเสียงเย็น
“ผู้หญิงอย่างหล่อนหลีไม่กล้าเล่าความจริงให้เธอฟัง เพราะกังวลว่าหลังจากเธอรู้ความจริง เธอกับเขาจะมองหน้ากันไม่ติดล่ะสิ?”
เมื่อได้ฟังประโยคนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
“ความจริงอะไร? คุณกำลังพูดอะไรอยู่?”
ยังไม่ทันที่เวินฉี่จะตอบคำถามของเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ถูกผลักเข้าไปในห้อง แล้วตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังปัง!!!
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ทันได้ยืนมั่นคง ก็รีบพุ่งไปทุบที่ประตู
“เปิดประตู!”
แต่ประตูกลับถูกล็อคจากด้านนอก อยู่ๆก็มีเสียงของเวินหงไห่ดังขึ้นมา
“ตอนนี้เธอกำลังขอให้พวกฉันปล่อยเธอออกไป แต่อีกสองสามวัน ฉันกลัวว่าแม้แต่เธอก็อยากจะตีตัวออกห่างจากหล่อนหลี”
จู่ๆเขาก็พูดขึ้นมา แล้วเดินออกไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงทุบอยู่ที่ประตู แล้วพูดไม่หยุด: “คุณปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ ตระกูลเวินที่สง่างามก็ยังคงเป็นตระกูลทหาร ถึงได้กักขังคนอื่นตามอำเภอใจแบบนี้ ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ ”
แต่ไม่ว่าเธอจะทุบประตูยังไง ข้างนอกก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนตะโกนจนคอแห้งไปหมด จนสุดท้ายจึงได้ละความพยายามไป
เธอหมุนตัว และสังเกตห้องที่อยู่ข้างหน้าเธอ
ภายในห้องว่างเปล่ามีเครื่องใช้ภายในบ้านแค่ไม่กี่ชิ้น ก็เหมือนกับห้องนอนแขกธรรมดาๆห้องหนึ่ง
เธอเดินไปข้างๆหน้าต่าง แต่กลับพบว่าหน้าต่างได้ถูกล็อคไว้แล้ว และไม่สามารถเปิดได้
และถึงแม้เธอคิดจะหนีออกจากทางหน้าต่าง แต่มันก็ไม่มีวิธี
จี้จิ่งเชินได้หาเวินเที๋ยนเที๋ยนทั้งข้างในและข้างนอกโบสถ์ไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ก็ยังหาไม่เจอ
เมื่อโทรหา กลับไม่มีคนรับสาย และพอโทรไปหลายๆรอบ จู่ๆโทรศัพท์ของอีกฝ่ายก็ปิดเครื่องไป
จี้จิ่งเชินรู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที เขาเดินเข้าไปในโบสถ์ และเมื่อเห็นหล่อนหลีกับเวินหงหยู้กำลังแลกแหวนกันอยู่ เขาก็คิดอยู่สักพัก แล้วตัดสินใจยังไม่ไปบอกพวกเขา แต่เลือกไปหาฉวีผิง
“ผมเดินหาเวินเที๋ยนเที๋ยนทั้งข้างในและข้างนอกโบสถ์แล้ว แต่กลับหาเธอไม่เจอ เธอไม่อยู่ที่นี่ ”
จากเดิมทีบนใบหน้าของฉวีผิงนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีกับสองคนที่อยู่ตรงกลางโบสถ์ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของจี้จิ่งเชินแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“คุณจี้ แล้วคุณได้โทรหาคุณเวินหรือยังครับ?”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า
“ไม่มีคนรับสายครับ จนสุดท้ายก็ปิดเครื่องไป ผมกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
ฉวีผิงขมวดคิ้ว พลางคิดและพูดขึ้นมา: “ทุกคนที่มาร่วมงานแต่งในวันนี้ จำเป็นต้องถือบัตรเชิญจึงจะสามารถเข้ามาในงานได้ และที่ประตูก็มีคนคอยเฝ้าอยู่ตลอด คงไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้นได้นะครับ ”
ในขณะที่พูด เขาก็ยืนขึ้น แล้วพูด: “งั้นเราออกไปหาด้วยกันดีกว่าครับ”
ทั้งสองคนจึงหันหลังให้กลับกลุ่มคนในโบสถ์ แล้วเดินออกจากโบสถ์ไป
ตรงประตูมีคนเฝ้าประตูยืนอยู่สองคน จี้จิ่งเชินจึงเดินเข้าไปถาม: “มีคนที่น่าสงสัยเดินเข้าออกไหม?”
คนเฝ้าประตูทั้งสองคนส่ายหน้า
“พวกผมยืนดูอยู่ตรงนี้ตลอด และคนที่เข้าไปก็มีบัตรเชิญทุกคนครับ”
ฉวีผิงขมวดคิ้ว แล้วหันไปมองจี้จิ่งเชิน
“แล้วคุณเวินจะหายไปได้ยังไงล่ะครับ?”
จี้จิ่งเชินเหลือบไปมองกองบัตรเชิญที่วางไว้ จู่ๆก็เห็นว่าในกองบัตรเชิญนั้นมีบัตรเชิญของตระกูลเวินอยู่ด้วย
สีหน้าของเขาหนักอึ้งขึ้นมาทันที
“มีคนตระกูลเวินมาด้วยเหรอ?”
คนเฝ้าประตูตะลึงไปสักพัก แล้วพยักหน้า
“คุณชายรองของตระกูลเวินมาแล้วครับ แต่เขาถือบัตรเชิญเข้ามาครับ……”
ทั้งสองคนตอบกลับด้วยความสั่นๆ และเมื่อเห็นว่าสีหน้าของฉวีผิงกับจี้จิ่งเชินยิ่งดูหน้าเสียขึ้นไปอีก ก็พูดไปแค่ครึ่งเดียวแล้วไม่กล้าพูดต่ออีกเลย
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วไว้แน่น แล้วนำบัตรเชิญที่อยู่บนโต๊ะใบนั้นขึ้นมาดู
“พวกเขานำตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยนไป ตอนนี้ผมจะไปตระกูลเวิน”
ฉวีผิงจึงรีบตามไปทันที
“ผมว่าเราไปด้วยกันดีกว่านะครับ”
พูดเสร็จ ทั้งสองคนก็หมุนตัว และกำลังเตรียมตัวจะออกไป
“พ่อบ้าน เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
จู่ๆเสียงของหล่อนหลีก็ดังขึ้นมาจากข้างหลัง“พวกคุณจะไปที่ไหนกัน?”
ฉวีผิงหันกลับไป ก็เจอหล่อนหลีกับเวินหงหยู้ที่กำลังเดินมาทางพวกเขา จนในที่สุดเขาก็พูดออกไป: “คุณเวินหายตัวไปครับ พวกผมคิดว่าคุณชายรองของตระกูลเวินน่าจะเป็นคนจับตัวเธอไป ก็เลยกำลังจะไปดูที่ตระกูลเวิน คุณนายหล่อน คุณ……”
ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดเสร็จ สีหน้าของหล่อนหลีก็เปลี่ยนไปทันที
“เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมพวกคุณถึงไม่ยอมบอกฉัน?”
ฉวีผิงพูดด้วยความกังวล: “ขอโทษครับ เป็นเพราะผมกลัวว่างานแต่งงานของคุณนายหล่อนจะดำเนินการได้ไม่ปกติ ผมเลยตัดสินใจจะบอกคุณนายหลังจากได้ข่าวแล้วครับ”
คุณนายหล่อนเม้มปากไว้แน่น
“เป็นความผิดของฉันเอง ฉันน่าจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเขาจะทำแบบนี้ แต่กลับถูกความสุขมาครอบงำ……”
เธอถอนหายใจหนึ่งที “ฉันจะไปกับพวกคุณด้วย”
พูดเสร็จ หล่อนหลีไม่ทันได้เปลี่ยนชุดเจ้าสาว เธอก็หมุนตัวและไปตระกูลเวินกับจี้จิ่งเชินและฉวีผิง
พวกเขามาถึงหน้าบ้านของตระกูลเวินด้วยความร้อนรน จนเข้ามาถึงในห้องรับแขก เพราะแม้แต่ทหารที่เฝ้าอยู่ประตูหน้าบ้านก็ไม่สามารถขัดขวางพวกเขาได้
เมื่อจี้จิ่งเชินเข้ามาถึงห้องรับแขก ก็มุ่งตรงจะเดินขึ้นชั้นบน แต่กลับถูกทหารขัดขวางไว้อีกรอบ
ในขณะที่กำลังถกเถียงกันอยู่ ก็มีเวินฉี่เดินลงมาจากข้างบน
“เสียงดังเอะอะโวยวาย มีปัญหาอะไรกัน?”
เขายืนอยู่ตรงบันได และเห็นว่าข้างล่างมีคนอยู่หลายคน
ทันทีที่เห็นว่าบนร่างของหล่อนหลีกับเวินหงหยู้ยังสวมชุดแต่งงานกันอยู่ ก็หัวเราะขึ้นมา
“คุณนายหล่อน วันนี้เป็นวันสำคัญของเธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่ไปอยู่ที่โบสถ์ แล้วมาทำอะไรตระกูลเวินล่ะ? ”
คุณนายหล่อนขมวดคิ้วไว้แน่น และเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความข่มขู่
“คุณพาเวินเที๋ยนเที๋ยนไปไว้ที่ไหน?”
เวินฉี่มองไปที่เธอและพูดออกมาตรงๆโดยไม่ได้หลอก: “เวินเที๋ยนเที๋ยนเธออยู่ตระกูลเวินจริงๆ”
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ยิน ก็รีบกำหมัดแน่น
“แล้วเธออยู่ไหน?”
พูดเสร็จ เขาก็เตรียมจะเดินขึ้นไปชั้นบนอีกครั้ง
แต่เวินฉี่กลับหัวเราะขึ้นมา
“ตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่ตระกูลเวินอย่างสุขสบายดี และถ้าตามหลักแล้วเธอก็เป็นคนของตระกูลเวิน เพราะฉะนั้นเธอควรที่จะต้องอยู่ที่นี่ ”
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ยินประโยคนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีด้วยความไม่เข้าใจ
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของเขา เวินฉี่ก็ยิ้มด้วยความพอใจ
“คุณนายหล่อน คุณว่าจริงหรือไม่จริง?”
หล่อนหลีกำหมัดแน่นทันที
“เที๋ยนเที๋ยนไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเวินของพวกคุณ อย่าดึงเธอมาเกี่ยวข้องเพราะความแค้นของพวกเรา”
“เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องนะ?”
เวินฉี่หัวเราะออกมาเสียงเย็น
“คุณนายหล่อน ถึงตอนนี้แล้วเธอยังไม่กล้าพูดอีกเหรอ? หรือเพราะกลัวว่าถ้าพูดออกมาแล้ว แม้แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็จะไปจากเธอ”