เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 328 เก่งมากเลยนะ
บทที่ 328 เก่งมากเลยนะ
ออกคำสั่งให้ออกไปตามหาพวกเสี่ยวชิ่งแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินจึงรีบไปยังตระกูลหล่อน
สอบถามทุกคนที่ตระกูลหล่อน จนในที่สุดถึงได้ข่าวจากคนสวนคนหนึ่ง
เขาคิดอยู่พักหนึ่งพลางขมวดคิ้วขึ้น : “ก่อนหน้านี้ผมเห็นเด็กอยู่สองสามคนเดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูจริงๆครับ แต่ผมไม่ได้สังเกตให้ละเอียด ก็เลยทำงานต่อ ตอนนั้นตรงหน้าประตูก็มีรถคันนึงจอดอยู่ด้วยครับ”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้วจึงขมวดคิ้วขึ้น
“ก่อนหน้านี้ เวินหงไห่ได้มาที่นี่หรือเปล่า?”
คนสวนคนนั้นส่ายหน้า
“ไม่ได้ยินว่าเขามาเลยครับ ถ้าหากมาจริงๆ พวกเราก็คงจะได้รับข่าวบ้างแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดพลางขมวดคิ้วขึ้นมา และขณะที่เตรียมตัวจะออกไปนั้น จู่ๆพ่อบ้านก็วิ่งเข้ามาจากทางด้านนอก
“คุณเวินครับ พบตัวพวกเสี่ยวชิ่งแล้วครับ!”
“พบแล้วหรือ? ที่ไหนคะ? พวกเขาเป็นอะไรกันหรือเปล่า?” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
พ่อบ้านหอบไปพลางเอ่ยพูดกับเธอไปพลาง : “ก่อนหน้านี้มีคนเห็นพวกเขาอยู่แถวชานเมืองครับ”
“พวกเขาไปทำอะไรที่ชานเมือง?”
พ่อบ้านส่ายหน้า
“ตรวจสอบข่าวของเด็กๆสามคนนี้แล้ว เหมือนกันครับ คุณจะไปดูไหมครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับไปมองคนที่ตระกูลหล่อนที่อยู่ด้านหลัง พลางพยักหน้า : “ไปค่ะ ไปตอนนี้เลย!”
เมื่อพูดจบแล้วนั้น เธอกับจี้จิ่งเชินจึงรีบขึ้นรถไป มุ่งหน้าไปยังชานเมือง
เวลานี้ที่กำลังประมูลตัวแทนอำนาจยุทโธปกรณ์อยู่นั้น
คุณนายหล่อนเพิ่งจะเสร็จสิ้นการอธิบาย ทุกคนต่างพากันพยักหน้า แล้วเธอก็กลับไปยังตำแหน่งของเธอ
ตัวแทนอำนาจครั้งนี้มีเพียงตระกูลเวินและตระกูลหล่อนเพียงสองตระกูลเท่านั้นที่แย่งชิงกัน ผลสุดท้ายก็คงจะเกิดขึ้นกับสองตระกูลนี้นั่นเอง
คุณนายหล่อนที่เพิ่งจะนั่งลงนั้น ฉวีผิงที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นมาเบาๆ : “ดูแล้วพวกเขาจะพอใจกับแผนที่คุณเตรียมมานะครับ”
ได้ยินที่เขาพูดแล้วนั้น คุณนายหล่อนเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นนายทหารที่นั่งอยู่ทางด้านหน้าสองสามคนที่แสดงอาการพอใจออกมา ดูแล้วพวกเขามองเห็นความสำคัญของแผนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเสนออย่างเห็นได้ชัด
เธอปิดข้อมูลในมือ มุมปากปรากฏรอยยิ้มแห่งความพอใจออกมา
“เป็นอย่างนั้นจริงๆ”
ว่าแล้วนั้น หล่อนหลีจึงเงยหน้าขึ้นไปมองเวินหงหยู้ที่อยู่ตรงข้าม แล้วยิ้มให้เขาอย่างช้าๆ
เวินหงไห่ที่มองเห็นสายตาของทั้งสองคน จึงกัดฟันขึ้นมาทันใด
มองไปยังนายทหารที่กำลังปรึกษาหารือกันอยู่นั้น ดูจากท่าทางของพวกเขาแล้ว มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเลือกตระกูลหล่อน
พวกเขาพลิกอ่านข้อมูลในมือกันอย่างต่อเนื่อง แล้วก็มีเอ่ยถามรายละเอียดกับหล่อนหลีขึ้นมาบ้าง
ความหมายในน้ำเสียง คนที่มีสายตาเฉียบแหลมต่างก็พากันดูออก
ครั้งนี้ ตระกูลเวินจะสูญเสียตัวแทนอำนาจยุทโธปกรณ์ไปอย่างนั้นหรือ?
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น
แต่ละคนต่างพากันหันไปมองโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงดังขึ้นมาอยู่บนโต๊ะ แล้วพากันเงียบ
นายทหารสองสามนายมองตากัน แล้วหนึ่งในนั้นจึงยื่นมือออกไปรับ
“สวัสดีครับ?”
ไม่รู้ว่าทางปลายสายนั้นพูดอะไร ส่วนคนที่รับสายนั้นรีบยืนตัวตรงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว การแสดงออกของเขาเองก็ดูจริงจังด้วยเช่นกัน
“ครับ พวกเราจะต้องจัดการอย่างยุติธรรมครับ”
“ท่านวางใจได้เลยครับ ครับผม สวัสดีครับ”
วางสายแล้วนั้น เขาหันกลับมามองทุกคนที่อยู่ตรงนั้น แล้วหยุดมองที่ร่างของหล่อนหลีพักหนึ่ง
พลางค่อยๆเอ่ยขึ้นมา : “ทุกท่านครับ ฝ่ายที่จะได้รับอำนาจตัวแทนยุทโธปกรณ์ครั้งนี้ พวกเราได้ผลลัพธ์ออกมาแล้วครับ”
คุณนายหล่อนมองไปยังโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะ แล้วมองดูท่าทางนายทหารที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ในใจรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไรนัก
และเป็นอย่างที่คิดไว้ นายทหารคนนั้นลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยพูดต่อ : “ผู้ที่ได้รับอำนาจตัวแทนยุทโธปกรณ์อีกสามปีต่อจากนี้ไปนั่นก็คือตระกูลเวินครับ!”
เขายกมือขึ้นชี้ไปทางเวินหงไห่ เพื่อเป็นการประกาศผล
เวินหงไห่ได้ยินผลนี้แล้ว แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกอึ้งไป ไม่คาดคิดว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาจะเลือกตระกูลเวิน!
เขายืนขึ้นอย่างประหลาดใจ
“ขอบคุณครับ! ตระกูลเวินจะต้องเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องของคุณอย่างแน่นอน!”
หล่อนหลีนั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้ขยับไปไหน เพียงแค่คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วนั้นขมวดมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ใครเป็นคนโทรเข้ามา?
ไม่คิดว่าจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินครั้งสุดท้ายของพวกเขาแบบนี้
ก่อนที่จะรับสาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับแผนงานของตระกูลหล่อน แต่เพียงแค่รับโทรศัพท์ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของพวกเขาไปได้โดยสิ้นเชิง
หล่อนหลีมองพิจารณากลั่นกรองแต่ละคนอยู่ในใจอีกครั้งหนึ่ง แล้วจู่ๆก็นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา!
หรือว่าจะเป็นชายแก่เวินฉี่คนนั้น?
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว หล่อนหลีกลับยิ้มมุมปากออกมาอย่างช้าๆ รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้น
ยังจะมีหน้ามาพูดว่าเป็นการแข่งขันที่ยุติธรรมอีกอย่างนั้นหรือ?
สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ว่าใช้สถานะของตัวเองมากดดันคนอื่นหรอกหรือไง?
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับอำนาจนี้ไป แล้วอย่างไรกัน?
หล่อนหลีเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเวินหงหยู้ที่อยู่ตรงข้ามเธอ
เวินหงหยู้ราวกับว่ามองความคิดของเธอออก จึงพยักหน้าลงให้เธอเล็กน้อย
หล่อนหลียิ้มมุมปากขึ้นมา ด้วยแววตาที่รอคอยปรารถนา
แผนที่รอมาหลายปี ในที่สุดก็สามารถดำเนินได้แล้วเสียที
รถยนต์สีดำขับอยู่บนถนนอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เห็นพวกเสี่ยวชิ่งก่อนหน้านี้
ไม่นาน รถยนต์หลายคันก็จอดอยู่ด้านนอกตึกอาคารร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ในชานเมือง
จี้จิ่งเชินลงจากรถ พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้น : “ที่นี่แหละครับ! คนที่พักอยู่บริเวณใกล้ๆโรงงานนี้บอกว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นเด็กๆสามคนเดินเข้าไป แล้วก็ยังไม่ได้ออกมาเลยด้วยครับ น่าจะเป็นพวกเสี่ยวชิ่งนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมามองดูตึกร้างตรงหน้า แล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เข้าไปดูกันค่ะ”
โรงงานขนาดใหญ่ ทุกคนช่วยกันหาดูทีละห้องๆ
ตามหากันเป็นเวลากว่าชั่วโมง กลับไม่มีใครหาเจอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนวิ่งเข้าไปด้านในอย่างร้อนรน และเพิ่งจะวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวนั้น จู่ๆก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังขึ้น
เธอหยุดเดิน แล้วตั้งใจฟัง เธอหันกลับไปมองห้องอีกฝั่งหนึ่ง
ประตูเหล็กบานใหญ่ปิดอย่างแน่นหนา เสียงร้องไห้ดังมาจากทางด้านใน
เวินเที๋ยนเที๋ยนแนบประตูฟัง ยิ่งมั่นใจว่าด้านในนั้นมีคนอยู่
“ที่นี่ค่ะ”
จี้จิ่งเชินเดินมา แล้วให้เธอหลบไปจากตรงประตู
“ผมเอง”
พูดเสร็จแล้วนั้น เท้าขวาออกแรงถีบไปที่ประตูเหล็ก
ได้ยินเพียงแค่เสียงดังโครม ประตูเหล็กพังลงมา ควันและฝุ่นลอยฟุ้งเต็มไปหมด
เวินเที๋ยนเที๋ยนปิดปากปิดจมูกตัวเอง แล้วมองไปยังด้านใน
ภายในห้องที่ไม่ใหญ่นี้ มีเด็กสามคนนั่งขดตัวกันอยู่ตรงมุมด้านใน นั่งก็คือพวกเสี่ยวชิ่งที่พวกเธอกำลังตามหาอยู่นั่นเอง!
เสี่ยวชิ่งนั่งอยู่บนพื้นอย่างเด็ดเดี่ยว เขาเม้มปากแน่น ใบหน้าบึ้งตึง พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ออกมา
เด็กอีกสองคนที่อายุยังน้อย ถูกเขาโอบกอดเอาไว้ ทั้งสองคนร้องไห้กันอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว
ประตูใหญ่พังลงมา เสี่ยวชิ่งเงยหน้าขึ้นมา เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยืนอยู่ตรงประตูในเวลานี้ ทันใดนั้นเองเขาเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกใจ
“คุณลุงจี้…..พี่เที๋ยนเที๋ยน…..”
เขาตะโกนออกมา เด็กทั้งสองคนที่กำลังร้องไห้อยู่นั้นจึงเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว จึงรีบวิ่งเข้าไปกอดเธอในทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกพวกเด็กๆพุ่งมาชนจนเซถอยหลังไปจนเกือบจะล้มลงไปที่พื้น
จี้จิ่งเชินยื่นมือออกมาพยุงเธอเอาไว้ และยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมานั้น ตัวเขาเองก็ถูกชนเข้าด้วยเช่นกัน
เขาก้มลงมามอง เสี่ยวชิ่งพุ่งเข้ามากอดเขา กอดเอวของเขาเอาไว้แน่น
จี้จิ่งเชินก้มมองด้วยความตกใจ เห็นเสี่ยวชิ่งถูไถไปมาอยู่กับเสื้อผ้าของตัวเอง น้ำตาคลออยู่ในดวงตาของเขา
เขาเงยหน้าขึ้นมา แล้วพูดขึ้นอย่างกล้าหาญ : “คุณลุงจี้ครับ ผมไม่ได้ร้องไห้นะ”
จี้จิ่งเชินรู้สึกอึ้ง เขายื่นมือมาวางเอาไว้บนศีรษะของเขา แล้วลูบเบาๆ
“อืม เก่งมากเลยนะ”