เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 326 คุณยังมีกะจิตกะใจอยู่ที่นี่อีกหรือ
บทที่ 326 คุณยังมีกะจิตกะใจอยู่ที่นี่อีกหรือ
คิดแล้ว จี้จิ่งเชินจึงหันกลับมาแล้วสั่งพ่อบ้านไว้ : “ไปวาดหน้าของเที๋ยนเที๋ยนใหม่ ตาเอียงไปหมดแล้ว”
แล้วนั้นก็หันหลังกลับออกมา
เขาเดินไปพลางเอ่ยถามขึ้น : “รับเด็กๆไปหมดแล้วใช่ไหม?”
“เหลืออีก7คนสุดท้ายครับ ช่วงบ่ายนี้ก็สามารถย้ายไปได้หมดแล้วครับ”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า : “พาพวกเขาไปแล้วก็จัดการเรื่องที่พักให้เรียบร้อย มีเวลาว่างแล้วฉันกับเที๋ยนเที๋ยนจะไปหาพวกเขา”
“ครับ คุณผู้ชาย”
จี้จิ่งเชินก้มลงไปแล้วขึ้นรถคันที่จอดอยู่ด้านนอกคฤหาสน์ แล้วค่อยๆขับออกไป
พ่อบ้านมองรถที่ค่อยๆขับออกไปไกล แล้วหันหลังกลับไปเพื่อที่จะเตรียมพาเด็กๆที่เหลือนั้นไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เดินไปได้เพียงครึ่งทางนั้นก็มีคนวิ่งมาหาเขาอย่างรีบร้อน
เมื่อเห็นพ่อบ้านแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนรน : “พ่อบ้าน! หาตัวคุณเจอเสียที!”
พ่อบ้านเห็นท่าทางลนลานของเขาแล้ว จึงขมวดคิ้วขึ้น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงทำให้พวกเธอดูร้อนรนขนาดนี้?”
“เมื่อครู่ผมเตรียมจะพาเด็กๆอีก7คนที่เหลือไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่พบว่ามีเด็กสามคนหายไปครับ!”
พ่อบ้านได้ยินแล้ว สีหน้าเปลี่ยนทันที
“คนทั้งคนจะหายไปได้อย่างไร? หาดีแล้วหรือ?”
“หาแล้วครับ! พวกเราแทบจะพลิกคฤหาสน์หาแล้ว! แต่จนถึงตอนนี้พวกเราก็ยังหาตัวเด็กไม่เจอเลยครับ!”
พ่อบ้านเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง : “พวกเธอพาฉันไปดู วันนี้คุณผู้ชายกับคุณเวินมีธุระสำคัญ จะให้เกิดเรื่องขึ้นที่นี่ไม่ได้”
“ครับ”
ชายคนนั้นจึงพาเขาไปตึกทางฝั่งตะวันตกอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ เด็กๆทั้งสามคนที่พวกเขากำลังตามหากันอยู่นั้นเดินอยู่บนถนน พวกเขากำลังเดินไปทางบ้านตระกูลหล่อน
“เสี่ยวชิ่ง ไปจากตรงนี้ ก็จะถึงบ้านพี่เที๋ยนเที่ยนแล้วจริงๆใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ!” เสี่ยวชิ่งพยักหน้าอย่างมั่นใจ “เมื่อก่อนเราเคยมาครั้งนึง เลี้ยวไปก็ถึงแล้ว”
เขาหันมามองทั้งสองคน : “พวกนายไม่เชื่อเราหรือ? ไม่นานก็ถึงแล้ว”
เด็กทั้งสองคนดูลังเลเล็กน้อย
“ถ้าหากพวกเราไม่กลับไปอีก คุณปู่พ่อบ้านจะโกรธเอาได้นะ”
“รอให้พวกเราได้เจอพี่สาวก่อน ไม่นานหรอกก็จะกลับไปแล้ว”
ว่าแล้วเสี่ยวชิ่งก็มองไปรอบๆ ขมวดคิ้วพลางบอกกับทั้งสองคน : “เหมือนว่าจะเป็นที่นี่นะ เดี๋ยวเราไปถามก่อนแล้วกัน”
พูดจบแล้ว เขาก็เดินไปยังรถคันที่จอดอยู่ตรงหน้าประตู
เขาเคาะประตูรถ กระจกรถค่อยๆเปิดลดลงมา คนที่อยู่ข้างในหันมาหา
เมื่อเห็นเด็กๆสามคนอยู่ด้านนอกนั้น จึงขมวดคิ้วขึ้น
“มีอะไรหรือ?”
เด็กทั้งสามคนรู้สึกกลัวจนรวมกลุ่มกันเอาไว้
เสี่ยวชิ่งรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยถาม : “คุณลุงครับ ขอถามหน่อยนะครับเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ?”
อีกฝ่ายหนึ่งได้ยินชื่อนี้แล้ว จึงมองพิจารณาพวกเขาอย่างละเอียด
“พวกเธอมาหาเวินเที๋ยนเที๋ยนหรือ?”
“ครับ” เสี่ยวชิ่งพยักหน้า “เธออยู่ที่นี่ใช่ไหมครับ?”
คนนั้นมองพวกเขาทั้งสามคน
ผู้ช่วยที่นั่งอยู่ข้างๆเขา ยื่นหน้ามา แล้วพูดออกมาเบาๆ : “เด็กพวกนี้ดูเหมือนกับว่าจะเป็นเด็กที่อยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เดียวกับเวินเที๋ยนเที๋ยนในก่อนหน้านี้ เธอให้ความสำคัญกับเด็กๆพวกนี้มาก แล้วยังสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าใหม่ให้พวกเขาอีกด้วยนะครับ”
“อย่างนั้นหรือ?”
คนคนนั้นได้ยินคำพูดนี้แล้ว จึงยิ้มออกมาอย่างช้าๆ แล้วมองไปยังเด็กทั้งสามคนนั่น
“พวกเธออยากจะไปหาเขา ฉันสามารถพาพวกเธอไปได้นะ”
ทั้งสามคนไม่กล้าพูดอะไรออกมา เสี่ยวชิ่งยิ่งรู้สึกตกใจเขามากขึ้นจึงถอยหลังออกมา แล้วรีบส่ายหน้า
“ไม่ ไม่ต้องรบกวนคุณลุงหรอกครับ พวกเราไปกันเองได้”
เมื่อพูดจบแล้วนั้น จึงดึงเด็กทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆ แล้วพากันวิ่งไปอีกทางหนึ่ง
แต่วิ่งไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็ถูกคนจับตัวเอาไว้ได้
“ปล่อยนะ!”
เด็กๆทั้งสามคนพากันดิ้นไม่หยุด กลับยังถูกพาตัวมาตรงหน้ารถคันนั้นอีกด้วย
คนที่นั่งอยู่ด้านในมองพวกเขา แล้วเอ่ยขึ้น : “พวกเธอไม่ใช่ว่าจะไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยนหรอกหรือ? ฉันพาพวกเธอไปได้นะ”
เสี่ยวชิ่งส่ายหน้าด้วยความตกใจ น้ำตาคลอ
“ไม่ต้องแล้วครับ! พวกเราไม่ไปหาแล้ว! ปล่อยผม!”
คนคนนั้นกลับหัวเราะขึ้น สั่งให้บอดี้การ์ดพาพวกเขาขึ้นรถ
รอจนเอาตัวไปแล้วนั้น ผู้ช่วยจึงได้เอ่ยถามขึ้น
“คุณชายรองเวินยังจะไปพบเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ไหมครับ?”
เวินหงไห่หันมามองบ้านหลังใหญ่ของตระกูลหล่อนที่มีเพียงกำแพงกั้นอยู่นี้ แล้วจึงยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้เรารอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นฝ่ายมาหาพวกเราเองดีกว่า”
อีกทางด้านหนึ่งเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินเข้าไปในห้องประชุม เห็นเพียงแค่เวินหงหยู้ที่นั่งอยู่ด้านในเพียงคนเดียวเท่านั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอยู่ไกลๆ ไม่ได้เดินเข้าไปหา แล้วนั่งลงข้างๆ
ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที ชายหลายคนในเครื่องแบบทหารเดินเข้ามาจากทางด้านนอก
เมื่อพวกเขาเข้ามาแล้ว ก็กวาดตามมองไปจนทั่วห้องประชุม
“คุณชายรองเวินจะมาหรือเปล่าครับ?”
เวินหงหยู้ค่อยๆยิ้มออกมา พลางตอบ : “น้องชายผมติดธุระ มาไม่ได้ครับ การประชุมวันนี้ผมเป็นคนเข้าร่วมเองครับ”
ทหารทั้งสองนายพยักหน้า แล้วเดินมานั่งตรงตำแหน่งด้านหน้าโต๊ะประชุม
“การเปลี่ยนตัวแทนอำนาจยุทโธปกรณ์ทุกๆสามปี ทุกท่านคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว”
เขามองเวินหงหยู้ เวินเที๋ยนเที๋ยน และจี้จิ่งเชินที่นั่งอยู่ทั้งสองฝั่ง พลางเอ่ยขึ้น : “เริ่มเลยครับ”
พูดจบแล้วนั้นเวินหงหยู้ จึงลุกขึ้นยืนก่อน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นทางตระกูลเวินเริ่มก่อนเลยแล้วกันนะครับ”
แล้วเขาก็เดินขึ้นไปยังด้านบนเวที แล้วจึงอธิบายแผนของตัวเอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังอยู่ข้างๆ
ก่อนหน้านี้ เธอเองก็เคยศึกษากรณีการร่วมงานของเวินหงหยู้ตอนที่อยู่ตระกูลเวิน แต่ละโครงการนั้นช่างเป็นที่น่าสะดุดตายิ่งนัก
ตอนนี้เขานำเสนอโครงการ ไม่ว่าจะดูจากทางด้านไหนนั้น ก็ล้วนแต่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ไม่มีช่องโหว่เลยแม้แต่นิดเดียว
เธอหันมาสบตากับจี้จิ่งเชิน แล้วกำแผนโครงการที่อยู่ในมือแน่น
แต่ที่พวกเขาคิดออกมานั้นก็ไม่ได้แย่ บางทีมีโอกาสที่จะแย่งชิงมาได้
ไม่นาน เวินหงหยู้ก็เสร็จสิ้นการอธิบายของตัวเอง แล้วจึงเดินลงมาจากเวที
นายทหารสองสามนายฟังจบแล้วนั้น ต่างพากันพยักหน้า และจากนั้นก็หันไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยนแทน
“ต่อไป ก็เป็นตระกูลหล่อนแล้วใช่ไหมครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า ลุกขึ้นแล้วเดินไปด้านบนเวที
มองดูนายทหารที่ดูน่าเกรงขามสองสามคนทางด้านล่าง ทันใดนั้นเองเวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เธอมองไปทางจี้จิ่งเชินแวบหนึ่ง ถึงได้เอ่ยพูดขึ้น : “ตระกูลหล่อนมีแนวความคิดใหม่เกี่ยวกับยุทโธปกรณ์ครั้งนี้ค่ะ……”
เพิ่งจะพูดมาถึงตรงนี้นั้น จู่ๆประตูห้องก็ถูกคนเปิดออกมาดัง ปึง!
ทุกคนต่างพากันหันไปมองในเวลาเดียวกัน ยังไม่ทันได้เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูนั้นเป็นใคร เสียงหัวเราะของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้น
“เริ่มกันแล้วหรือ ผมมาช้าไปหรือเปล่า?”
เวินหงไห่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู มองคนที่อยู่ข้างใน แล้วสายตาก็จ้องมองอยู่ที่ร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยน ค้างไว้เช่นนั้นไม่กี่วินาทีถึงได้ก้าวเข้ามาด้านใน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเวินหงไห่ที่เดินเข้ามาในเวลานี้ ในใจรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา
เวินหงไห่ก้าวเข้ามาด้านใน แล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงด้านหน้านายทหารสองนาย
“คุณพ่อฝากผมมาทักทายทั้งสองท่านครับ”
เมื่อทั้งสองคนได้ยินชื่อของนายพลจึงรีบลุกขึ้นยืนทันที
ตั้งแต่เดินเข้ามาพวกเขาก็มีใบหน้าที่เคร่งขรึมอยู่ตลอด จนตอนนี้กลับหัวเราะออกมาแล้ว
“ไม่หรอกครับ พวกเราเพียงแค่ทำไปตามความยุติธรรมเท่านั้นเอง”
“รบกวนด้วยนะครับทั้งสองท่าน”
เวินหงไห่ยิ้มออกมาอย่างดูมีความเกรงใจ แล้วหลังจากนั้นถึงได้นั่งลงข้างๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองสองสามคนนั้น แล้วจึงเอ่ยพูดขึ้นต่อ : “สำหรับเรื่องยุทโธปกรณ์ในครั้งนี้พวกเรา…..”
เพิ่งจะเอ่ยขึ้นมา ก็ถูกเสียงไอของเวินหงไห่ขัดขึ้นมาเสียแล้ว
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่บนเวที แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ : “คุณเวิน ถึงตอนนี้แล้ว คุณยังมีกะจิตกะใจอยู่ที่นี่อีกอย่างนั้นหรือ?”