เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 317 เยี่ยมเยียนตระกูลเวิน
บทที่317 เยี่ยมเยียนตระกูลเวิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพียงรู้สึกว่าปลายนิ้วของเธอนั้นเย็นเฉียบขึ้นมา หลังจากนั้นก็เห็นบนนิ้วของเธอมีแหวนสวมอยู่หนึ่งวง
“นี่……หรือว่านายจะพกติดตัวตลอดเวลาเลยหรอ?”
แววตาของจี้จิ่งเชินเปล่งประกายด้วยความภาคภูมิใจ เขามีความสุขราวกับว่าบรรยากาศรอบๆกำลังร้องเพลงอยู่เลย
เขาก้มศีรษะลง แล้วจูบลงตรงนิ้วมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่สวมแหวนอยู่
“ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมให้เธอได้มีโอกาสถอดมันออกอีกแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนดึงเขาขึ้นมาจากพื้น จี้จิ่งเชินจึงอยากที่จะจูบเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบหันไปมองด้านข้าง ก็เห็นว่าพ่อบ้านกำลังมองพวกเขาพลางยิ้มไปด้วย
เธอจึงรีบผลักจี้จิ่งเชินออกไป
“พ่อบ้านมองพวกเราอยู่นะ”
จี้จิ่งเชินที่ถูกห้ามเอาไว้ ก็หันไปมองบ้าน
ก็เห็นว่าพ่อบ้านกำลังยิ้มและมองมาทางพวกเขาอยู่จริงๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโล่งใจ
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว พลางออกคำสั่งว่า:“หันหลังไป”
พ่อบ้านอึ้งเล็กน้อย และก็ไม่ได้ตอบสนองใดๆ
จี้จิ่งเชินจึงพูดขึ้นอีกครั้ง:“หันหลังไป”
ครั้งนี้พ่อบ้านจึงจะเข้าใจ และรีบหันหลังไปแต่โดยดี
เมื่อเขาพึ่งจะหันหลังไป จี้จิ่งเชินก็โอบเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยน และอุ้มเธอลอยขึ้นมาจากพื้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกอุ้มขึ้นมาสูงกว่าจี้จิ่งเชินเสียอีก เธอก้มศีรษะลงมา จับที่ศีรษะของจี้จิ่งเชิน และจูบเขา
พ่อบ้านหันหลังให้พวกเขา และยืนตรง โดยที่ไม่กล้าหันหลังกลับไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง จี้จิ่งเชินจึงจะให้เขาหันกลับมาได้
พ่อบ้านหันหน้ามา ก็เห็นว่าจี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่นั่งอยู่หลังรถนั้น แก้มแดง และก้มหน้าลงโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
เห็นเขาที่ชอบมองไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยน จี้จิ่งเชินจึงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจเล็กน้อยว่า:“ขึ้นมาได้แล้ว พวกเราจะกลับแล้ว”
พ่อบ้านรีบผละสายตาออก แล้วพยักหน้า จากนั้นก็ขึ้นรถ
รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากสุสานในเขตชานเมืองสุสาน และเตรียมจะมุ่งหน้าไปที่ตระกูลหล่อน
หลังจากที่กลับไปแล้ว ทั้งสองคนก็จัดการกับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มค้นหาที่อยู่ของคุณนายหล่อนอย่างไม่หยุดยั้ง
ตามหามาแล้วสามวัน แต่ก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไร
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่โดนบังคับจนไม่มีทางออก ก็กัดฟันและตัดสินใจว่า:“ไม่ได้การละ ฉันต้องไปที่ตระกูลเวินสักหน่อย”
ที่คุณนายหล่อนหายตัวมันมีความเกี่ยวข้องกับเวินหงไห่ และคนที่หายตัวไปด้วยก็คือเวินหงหยู้ พวกเขาต้องรู้ข้อมูลอะไรบางอย่างแน่นอน
ถึงแม้ตอนนี้จะไม่รู้ที่ซ่อนตัวของคุณนายหล่อน แต่อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าคุณนายหล่อนได้รับบาดเจ็บอะไรกันแน่ แล้ววันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น
เมื่อพูดจบ เธอหันไปมองจี้จิ่งเชิน มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะห้ามเธอไว้
จี้จิ่งเชินมองดูท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ดูร้อนรน
อยากที่จะเข้าไปในตระกูลเวินลึกๆละก็ จริงๆแล้วมันค่อนข้างจะเสี่ยง
แต่ถ้าไปสักครั้ง บางทีก็อาจจะมีประโยชน์อะไรบ้างก็ได้
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงพยักหน้า
“ฉันจะไปกับเธอด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบพยักหน้า
“โอเค”
บ่ายวันนั้น จี้จิ่งเชินก็ได้พาเวินเที๋ยนเที๋ยนมาถึงด้านนอกของคฤหาสน์ตระกูลเวิน
ตระกูลเวินแตกต่างจากตระกูลที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยตระกูลอื่น และไม่ได้อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ที่หรูหราหรือคนรวยอยู่กัน ดูจากภายนอกแล้ว ก็เป็นเพียงแค่คฤหาสน์ธรรมดาๆ
เนื่องจากตระกูลเวินอยู่ในกองทัพมาหลายชั่วอายุคน และกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดก็อยู่ในกองทัพเช่นกัน เพราะฉะนั้นตระกูลเวินจึงตั้งอยู่ในค่ายทหารมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
แต่ที่แตกต่างจากค่ายทหารที่อื่นก็คือ พวกเขาเป็นเจ้าของของพื้นที่ทั้งหมด
ใครที่อยากจะเข้าไป ต้องผ่านการตรวจสอบที่เข้มงวด และต้องผ่านการยินยอมจากเข้าของเสียก่อน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูถึงจะยอมปล่อยพวกเขาเข้าไป
และที่ตั้งของตระกูลเวินก็ตั้งอยู่ที่ค่ายทหารที่เข้มงวดที่สุด เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าอยู่ข้างนอกก็มีอาวุธปืนอยู่ครบครัน ใครที่บุกรุกเข้ามา ชีวิตของพวกเขาก็ตกอยู่ในความอันตรายได้ตลอดเวลา
เวินเที๋ยนเที๋ยนหวนนึกไปถึงครั้งก่อน ที่ตัวเองถูกท่านแม่ทัพเวินพาตัวไป แต่ไม่ได้พามาที่นี่ แต่กลับพาไปสำนักงานในเขตชานเมือง
เมื่อเทียบกับลูกชายของฉันแล้ว กฎระเบียบของที่นี่ถือว่าหละหลวมมากแล้ว
รถของจี้จิ่งเชินค่อยๆเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ไม่มีท่าทีที่จะหยุดลง
เมื่อไปถึงประตู จึงค่อยๆลดความเร็วลง
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนหนึ่งก็ไม่ได้เข้ามาขวางเขาเอาไว้ และที่ขั้นที่ขวางอยู่ด้านหน้าก็ค่อยๆเปิดออกเองอัตโนมัติ
รถของจี้จิ่งเชินก็ขับเข้าไปข้างใน
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า:“นายเข้ามาได้ยังไง?”
จี้จิ่งเชินจึงตอบว่า:“เมื่อก่อนฉันกับตระกูลเวินมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันน่ะ”
รถค่อยขับเข้าไปข้างใน ผ่านเส้นทางที่ยาวไกล ในที่สุดก็ได้มาถึงด้านหน้าของคฤหาสน์เสียที
มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ทั้งสองฝั่งของคฤหาสน์ เมื่อเห็นรถขับเข้ามา ก็ได้เดินเข้าไปหา
เมื่อพวกเขาได้เห็นก็จำได้ว่าเป็นจี้จิ่งเชิน จึงถามขึ้นว่า:“คุณจี้ ไม่ทราบว่าคุณมาหาใครครับ?”
“ฉันมาหาคุณชายรองของตระกูลเวิน มีเรื่องที่จะคุยด้วยนิดหน่อย”
น้ำเสียงของบอดี้การ์ดฟังดูขวานผ่าซากมาก
“คุณชายรองของตระกูลเวินไม่อยู่ โปรดมาในวันอื่นเถอะครับ”
จี้จิ่งเชินหันไปมองเวินเที๋ยนเที๋ยนแวบหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนคำพูดว่า:“ในเมื่อเขาไม่อยู่ งั้นฉันก็อยากจะเจอท่านแม่ทัพเวินซะหน่อย”
คนคนนั้นจึงจะพยักหน้า
“ตามผมมาครับ”
เมื่อทั้งสองคนลงจากรถ จี้จิ่งเชินก็เอื้อมมือไปดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ จึงจะเดินตามบอดี้การ์ดคนนั้นเข้าไปในคฤหาสน์
บอดี้การ์ดคนนั้นพาพวกเขามานั่งตรงที่ห้องรับแขก แล้วจึงมุ่งหน้าขึ้นไปยังชั้นบน
“เดี๋ยวผมจะไปรายงานท่านแม่ทัพเวิน พวกคุณทั้งสองรอก่อนนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก ก็มองซ้ายมองขวา
ดูท่าทางแล้วคฤหาสน์หลังนี้ค่อนข้างที่จะมีอายุแล้ว ของถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ แสดงให้เห็นถึงความเคร่งครัดตามสไตล์ทหาร
“นายรู้จักกับตระกูลเวินได้ยังไง?”
“เมื่อก่อนที่ฉันทำงานอย่างหนักในห้างสรรพสินค้า เคยได้มีพรหมลิขิตที่ได้เจอน่ะ ไม่เพียงแค่ท่านปู่เวินเท่านั้นนะ คนของตระกูลเวินหลายคน ฉันก็เคยพบมาก่อน”จี้จิ่งเชินพูดขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
เมื่อกำลังจะพูด กลับได้ยินเสียงคนพูดดังขึ้น
“หมิงเฮ่า!รอก่อน!อย่าวิ่งไปทั่วสิ!”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ก็รู้สึกว่าคุ้นหู จึงหันไปดูด้วยความสงสัย
หลังจากนั้น ก็เห็นเด็กคนนึงวิ่งเข้ามาจากประตูข้างนอก
เขาวิ่งตรงเข้ามาที่ห้องรับแขก เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินที่อยู่ในห้องรับแขก จึงหยุดฝีเท้าลง และมองพวกเขาด้วยความระมัดระวังไปชั่วขณะ
“พวกคุณเป็นใคร?”
ในมือของเขาถือปืนสีดำอยู่หนึ่งกระบอก เมื่อเขาพูดขึ้นก็เล็งปืนไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยนทันที
มือซ้ายวางไว้บนมือขวา ท่าทางดูได้มาตรฐานมากๆ
ถ้าหากอายุดูไม่ได้ดูเด็กเกินไป เขาก็เหมือนทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกตลก แต่จี้จิ่งเชินที่ได้เห็นท่าทางของเขาแล้ว ก็เข้ามาขวางให้เวินเที๋ยนเที๋ยนหลบอยู่ข้างหลังทันที
เขาหรี่สายตาที่เย็นชาลง และมองเด็กที่อยู่ตรงหน้าด้วยความระมัดระวัง
จริงๆแล้วเด็กน้อยไม่ได้ดูน่ากลัว แต่ในมือของเขา กลับเป็นปืนจริง
ตระกูลเวิน เอาปืนจริงให้เด็กเล่นงั้นหรอ!
ทั้งสองคนกำลังคุมเชิงกันอยู่ สถานการณ์ดูเคร่งเครียดมาก
หลังจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าจากรองเท้าซ่อนสูงดังขึ้นจากด้านนอกประตู
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองอีกครั้ง ก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย
ผู้ที่มาเยือนนั้นตัวสูงโปร่ง และเดินเข้ามาจากข้างนอกประตูด้วยความโมโห และเดินตรงมายังด้านหน้าของเด็กน้อย จากนั้นก็แย่งปืนของเขามา
“ป้ารองบอกแล้วไง ว่าเด็กจะเล่นปืนไม่ได้!ถูกยึด!”
เด็กน้อยที่ถูกแย่งอาวุธไป ก็ขึ้นเสียงสูงด้วยความไม่พอใจ
“นี่เป็นของที่คุณพ่อให้ผม!ผมจะเล่นยังไงก็ได้!”
เสียงของหลวนจื่อฟังดูจะเสียงดังมากกว่าเขาเสียอีก
“บอกว่าไม่อนุญาตให้เล่นก็คือไม่อนุญาต!ระวังตัวไว้เถอะเดี๋ยวฉันกลับไปจะไปบอกแม่ของเธอ และเธอกลับไปทำการบ้านของเธอซะ!”
เด็กน้อยที่ได้ยิน ก็จ้องมองเธออย่างไม่พอใจ และกำลังจะหันหลังและวิ่งออกไปข้างนอก แต่กลับถูกหลวนจื่อดึงปกเสื้อเอาไว้ก่อน
“ไม่อนุญาต……”
เธอดึงเวินหมิงเฮ่าเอาไว้ และกำลังตำหนิ
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ข้างหลังของจี้จิ่งเชินก็เดินออกมา แล้วตะโกนชื่อเธอ
“หลวนจื่อ?”