เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 314 ลูกวัวที่พึ่งเกิดไม่กลัวเสือร้าย
บทที่314 ลูกวัวที่พึ่งเกิดไม่กลัวเสือร้าย
หรือว่าที่แท้แล้วคุณนายหล่อนจะไม่ได้ปรากฏตัวที่ตระกูลหล่อนมาก่อน?
หรือว่า ตอนที่พ่อบ้านบอกเธอ คุณนายหล่อนได้ออกไปแล้ว?
ที่เขาพูดแบบนี้ เพื่อที่จะไม่ให้เธอตรวจสอบ และไปหาคุณนายหล่อน?
แต่ทำไมต้องทำแบบนี้?
นี่เป็นคำสั่งของคุณนายหล่อน หรือเป็นความคิดของเขาเอง?
ในใจเธอไม่เป็นสุข และรู้สึกเหมือนว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับคุณนายหล่อน
จี้จิ่งเชินเอื้อมมือออกไปดึงเธอ และลูบลงตรงคิ้วที่ขมวดอยู่ของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ไม่ต้องกังวลหรอกนะ คุณนายหล่อนไม่ตกอยู่ในอันตรายง่ายๆหรอก ฉวีผิงก็ภักดีต่อตระกูลหล่อนจะตาย คงไม่ทำอะไรที่ไม่ดีต่อคุณนายหล่อนกับตระกูลหล่อนหรอก”
“บางทีอาจจะเป็นคำสั่งของคุณนายหล่อนก็ได้ เดี๋ยวเธออยากจะปรากฏตัวก็คงจะออกมาเองแหละ”
เมื่อนึกถึงคำพูดของเวินหงหยู้ เขาก็พูดขึ้นอีกว่า:“ช่วงนี้ เธออยู่ที่ปราสาทไปก่อนชั่วคราว อย่าพึ่งกลับไปก่อน”
ในเมื่อเวินหงหยู้ให้จี้จิ่งเชินดูแลเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็คงจะมีเหตุผลของเขาแน่ๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับส่ายหน้าไปมา
“ไม่ได้ ถ้าหากตอนนี้ฉันไปละก็ ตระกูลหล่อนก็จะไม่มีใครคุมนะ”
เธอมองไปยังเหล่าคนที่กำลังตกตะลึงและทำอะไรไม่ถูกที่อยู่ตรงหน้า
“ฉันจะอยู่ที่นี่ รอจนกว่าพ่อบ้านและคุณนายหล่อนจะกลับมา ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ฉันจะได้รับมือได้ง่ายหน่อย”
จี้จิ่งเชินมองไปที่เธอ แต่ก็ไม่ได้บังคับอะไรอีก
“ได้ แต่เธอต้องรับปากฉัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามเธอต้องบอกฉัน ฉันอยู่เสมอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรอข่าวของคุณนายหล่อนและพ่อบ้านอย่างเคร่งเครียด
แต่ไม่ทันไร ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาหาซะงั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่พึ่งเดินเข้าตระกูลหล่อนได้ไม่นาน ก็เห็นคนรีบเดินออกมาจากข้างใน แล้วเรียกเธอ
“คุณหนูคะ มีคนมาหาคุณชายเวินค่ะ”
ตอนนี้มีคนมาหาเวินหงหยู้?
“ใคร?”
ผู้ช่วยส่ายหน้าไปมา
“ไม่แน่ใจเมื่อกันค่ะ แต่ดิฉันได้เชิญไปนั่งที่ห้องรับแขกแล้ว พึ่งจะมาถึงไม่กี่นาทีเองค่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไป ในใจก็คิดไตร่ตรองไม่หยุด
ตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวคุณนายหล่อนเลย กลับมีคนมาหาเวินหงหยู้แล้ว
อีกฝั่งเป็นใครกันแน่?
เธอเดินเข้าไปในห้องรับแขก พอเปิดประตู ก็พบกับคนคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้แกะสลักรูปดอกแพร์ และนั่งด้วยแผ่นหลังที่ตรงทื่อ
ดูท่าทางแล้วอายุจะไม่ต่างจากเวินหงหยู้เท่าไหร่ ผมสั้นและเป็นลอนเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็รีบหันหน้ามาทันที
สายตาที่แหลมคมทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดเดินในชั่วพริบตา สักพักจึงจะเดินเข้าไป
ตลอดทางที่เดินมา สายตาของอีกฝั่งมองและพิจารณาเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างไม่เกรงกลัว
“คุณนะหรอคือเวินเที๋ยนเที๋ยน?”
เมื่ออีกฝั่งพูดขึ้น น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความยั่วยุ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่เขา
“ขอโทษนะคะ คุณคือ?”
คนคนนั้นกลับไม่อธิบาย แต่กลับพูดขึ้นอย่างเย่อหยิ่งว่า:“ฉันมาหาเวินหงหยู้ เขายังหลบอยู่ข้างใน ไม่กล้าออกมาหรอ?”
พอได้ยินแบบนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า:“ขอโทษนะคุณเป็นใคร?แม้กระทั่งชื่อก็ไม่กล้าบอกฉัน ตระกูลหล่อนไม่ต้อนรับคนแบบนี้”
เมื่อได้ยิน ชายคนนั้นก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา
เขาหันหน้ามามองเวินเที๋ยนเที๋ยน ราวกับว่าขณะนี้เข้าพึ่งจะเผชิญหน้ากับเธอสักที
“น่าแปลกจริงๆ เธอไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่ในข้อมูลบอกไว้เลย”
เขาจ้องมองเวินเที๋ยนเที๋ยน พลางพูดขึ้นว่า:“ฉันเป็นน้องชายของเวินหงหยู้ ให้เขาออกมาเจอฉันหน่อย”
น้องชาย?
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างตกใจ
ผมที่หยักศกของคนตรงหน้านั้นจริงๆแล้วก็คล้ายเวินหงหยู้จริงๆ ถ้ามองอย่างละเอียดละก็ อวัยวะบนใบหน้าทั้งห้าก็มีความคล้ายอยู่
จากนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็มองดูท่าทางที่เขานั่ง เพียงมองแค่แวบเดียวก็รู้เลยว่าเป็นคนที่เคยเป็นทหารมาก่อน
คนตระกูลเวิน ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ก็ล้วนแต่ต้องเข้าร่วมกองทัพทั้งนั้น
เวินหงหยู้ก็เช่นกัน
เธอมองไปยังคนที่จู่ๆก็ปรากฏออกมาตรงหน้า
ในตอนแรกเวินหงหยู้กับตระกูลเวินนั้นได้ตัดความสัมพันธ์กันไปแล้ว เหมือนว่าจะเป็นเพราะสิทธิ์ในการช่วงชิงรับมรดกที่ล้มเหลว จึงถูกไล่ออกมา
แต่ตระกูลเวินมีผู้ชายทั้งหมดสองคน คนแรกคือเวินหงหยู้ คนที่สองคือเวินหงไห่ที่อยู่ตรงหน้า
การต่อสู้แย่งชิงมรดกของตระกูล ก็อาจจะเกิดขึ้นได้เพียงแค่ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนเท่านั้น
จากการที่คำนวณดูแล้ว ดูเหมือนว่าที่เวินหงหยู้ออกจากตระกูลเวิน ก็เป็นเวินหงไห่ที่อยู่ตรงหน้า
คนที่อยู่ตรงหน้า เป็นศัตรูไม่ใช่มิตร
เมื่อตระหนักถึงจุดนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่แววตาของเขาก็มีความระมัดระวังตัวขึ้นไม่น้อย
“ตอนนี้คุณชายเวินไม่ได้อยู่ที่ตระกูลหล่อนแล้ว นายมาช้าไป”
“หนีไปแล้ว?”
เวินหงไห่หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วหันหน้าไปมอง แววตาเต็มไปด้วยความประชดประชัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ในใจก็ยิ่งไม่เป็นสุข คนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้มีความประทับใจเลยแม้แต่น้อย
หวนนึกถึงเมื่อก่อน ที่ได้พบกับพ่อของเวินหงหยู้ ก็มีความรู้สึกแบบนี้เช่นกัน
ดูเหมือนว่าเวินหงหยู้จะไม่เข้ากันกับคนในครอบครัว ยิ่งเป็นนิสัยและบุคลิกแล้วก็ยิ่งแตกต่างกันเข้าไปใหญ่
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น คาดไม่ถึงว่าเวินหงไห่จะพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า:“คิดไม่ถึงว่าเขาจะขี้ขลาดขนาดนี้ ขนาดผู้หญิงของเขาได้รับบาดเจ็บยังไม่กล้าโผล่หน้ามาเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ได้ยินประโยคนี้ ก็ขมวดคิ้วอย่างรวดเร็ว และมองไปที่เขาอย่างประหลาดใจ
“นายหมายความว่ายังไง?ใครได้รับบาดเจ็บ?”
เวินหงไห่มองไปที่เธอพลางหัวเราะ
“เธอไม่รู้หรอกเหรอ?ดูเหมือนว่าจะมีอีกหลายเรื่องที่พวกเขาไม่ได้บอกเธอนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนใจหายไปชั่วขณะ เธอเม้มปากและมองไปที่เขา
เวินหงไห่ค่อยๆพูดขึ้นว่า:“ฉันแค่ได้ยินมาว่าคุณนายหล่อนได้รับบาดเจ็บ ก็เลยมาดูสักหน่อย”
เขาหัวเราะก่อนจะพูดขึ้นว่า:“คุณนายหล่อคงยังจะอยู่ที่โรงพยาบาล?เธอได้รับบาดเจ็บไม่น้อย สองเดือนก็คงจะยังไม่หายดีหรอก แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่า เธอรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอะไร ฉันยังอยากให้เธอพาฉันไปเยี่ยมด้วยตัวเองอยู่เลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนสั่นสะท้านไปทั้งตัว ราวกับสายฟ้าฟาด
“คุณนายหล่อนได้รับบาดเจ็บ?เธอได้รับบาดเจ็บอะไร?สาหัสไหม?”เธอถามขึ้นอย่างร้อนรน
คนคนนั้นมองดูเวินเที๋ยนเที๋ยน เห็นว่าเธอนั้นไม่รู้จริงๆ จึงส่ายหน้า
“ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้บอกเธอจริงๆ ในเมื่อเธอไม่รู้ งั้นฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดอะไรมากแล้ว”
เมื่อพูดจบ เขาก็ลุกขึ้น แววตาเย็นชา
“มาเสียเที่ยวจริงๆ”
เมื่อพูดจบ เวินหงไห่ก็หันหลังและเดินจากไป
“ไปไม่ได้!”
จู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ตะโกนขึ้นมา
และรีบพูดกับบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างนอกว่า:“ขวางเขาเอาไว้!”
บอดี้การ์ดดจำนวนนึงรีบโผล่ออกมาจากความมืด แล้วขวางประตูเอาไว้
เวินหงไห่หยุดลง แล้วมองคนที่อยู่ตรงหน้า และพูดเสียงเบาๆว่า:“นายกล้ามากนะ ที่เข้ามาขวางทางฉัน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไปหา และไม่ได้ถูกรู้สึกถูกคุกคามแต่อย่างใด
“นายรู้ได้ยังไงว่าคุณนายหล่อนได้รับบาดเจ็บ?นายทำอะไรกับเธอ?”
เวินหงไห่หันมามอง และจุ๊ปากพลางพูดขึ้นว่า:“คุณเวิน เธอพูดแบบนี้มันไม่ถูก ฉันพูดซะเมื่อไหร่ ว่าฉันเป็นคนทำร้ายคุณนายหล่อน?ฉันก็แค่ได้ยินคนอื่นๆพูดมาก็เท่านั้น ก็เลยจะมาเยี่ยมด้วยความเป็นมิตรเท่านั้น”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจ้องมองตรงไปที่เขา ราวกับว่าพยายามที่จะมองให้ทะลุคำโกหกของเขา
“เรื่องที่คุณนายหล่อนได้รับบาดเจ็บแม้กระทั่งฉันก็ยังไม่รู้ เขาตั้งใจจะปิดบัง แล้วจะให้นายได้ฟังคำจากปากคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องได้ยังไงกัน?”
“ตระกูลหล่อนและตระกูลเวินเป็นศัตรูกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ตอนนี้คุณนายหล่อนได้รับบาดเจ็บ นายก็รีบมาที่ตระกูลหล่อน ยังจะพูดอีกหรอว่านายกับคุณนายหล่อนไม่ได้เกี่ยวอะไรกัน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปที่ด้านหน้าพวกเขา พร้อมกับเอ่ยคำอย่างหนักแน่นและกล้าหาญ
“ตกลงแล้วนายทำอะไรกับเธอกันแน่?”
เวินหงไห่ก็หุบยิ้มขึ้นมา สายตาแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งและอันธพาล
“เธอจะใส่ร้ายคนอื่นอย่างหยาบคายไม่ได้ การทำร้ายคนไม่ว่าจะมากหรือน้อย แต่ถ้าทำไม่ถูก ก็ซวยได้เหมือนกัน ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว และมองไปที่เขาที่ไม่ได้พูดอะไร
เวินหงไห่ยกเท้าเพื่อที่จะออกไปด้านนอก
เวินเที๋ยนเที๋ยนตะโกนขึ้นว่า:“อย่าให้เขาออกไปได้นะ!”
เวินหงไห่มองบอดี้การ์ดที่ขวางเขาอยู่ตรงหน้าสี่ห้าคน
“จะพึ่งพวกเขา เธออยากจะขวางคนตระกูลเวินเอาไว้หรอ?ช่างไม่รู้กำลังของตัวเองซะจริง”
“ลูกวัวที่พึ่งเกิด ช่างไม่กลัวเสือร้ายเลยจริงๆ”