เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 313 คุณนายหล่อนไปที่ไหนกัน
บทที่313 คุณนายหล่อนไปที่ไหนกัน
วันถัดมา หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนตื่นขึ้น ก็มุ่งหน้าเดินลงมาชั้นล่าง
เมื่อเดินผ่านห้องของจี้จิ่งเชิน ก็เห็นว่าประตูห้องของเขาเปิดอยู่ ก็เลยจะเดินเข้าไปทักทายเขาสักหน่อย
แต่เพียงชั่วพริบตา กลับเห็นว่ามีเด็กน้อยยืนอยู่ข้างหลังจี้จิ่งเชิน
มองดูดีๆแล้ว ไม่ใช่เสี่ยวชิ่งจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรอกเหรอ?
เธอประหลาดใจจนเบิกตาโพลง
ทั้งสองคนดูเหมือนพึ่งจะตื่น อย่างนั้นแล้ว เมื่อคืนเสี่ยวชิ่งนอนอยู่ที่ห้องจี้จิ่งเชินเหรอ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองพวกเขาอย่างประหลาดใจ แต่ยังไม่ทันจะได้พูด เสี่ยวชิ่งก็เห็นเธอเข้าก่อน
เขาขยี้ตา แล้ววิ่งมาด้วยความดีใจ
“พี่เที๋ยนเที๋ยน อรุณสวัสดิ์ครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยื่นมือไปโอบเขามาในอ้อมแขน แล้วลูบหัวของเขา แต่สายตาก็ยังคงมองไปที่จี้จิ่งเชิน
จี้จิ่งเชินหันหน้ามามอง แต่สีหน้ายังคงไม่ดีอยู่ และเวินเที๋ยนเที๋ยนยังเห็นขอบตาดำทั้งสองข้างของเขาได้อย่างชัดเจน
ราวกับว่าเมื่อวานไม่ค่อยได้นอน
จี้จิ่งเชินยังคงมองดูพวกเขาอยู่ไกลๆ จนกระทั่งเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินมา
“เมื่อคืนเสี่ยวชิ่งนอนกับนายหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
จี้จิ่งเชินกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย สุดท้ายแล้วก็พยักหน้า
“เมื่อคืนฝนตกน่ะ”
พอพูดจบ เขาก็มองไปที่เสี่ยวชิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างไม่พอใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งคิดไม่ถึงว่า จี้จิ่งเชินจะยอมให้เสี่ยวชิ่งเข้าไปในห้องของเขา
เธอยังอยากจะถามรายละเอียดให้มากกว่านี้ แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่อยากที่จะคุยเยอะ จึงพูดขึ้นว่า:“ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ลงไปกินข้าวเช้ากันเถอะ”
พอพูดจบ เขาก็เดินนำลงไปชั้นล่าง
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่แผ่นหลังของเขา และมองไปที่เสี่ยวชิ่งที่ดูอารมณ์ดีอย่างชัดเจน และเดินตามพวกเขาลงไป
แม่ครัวเตรียมอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนขอให้เสี่ยวชิ่งอยู่กินอาหารเช้าด้วยกันก่อน
ทั้งสามคนนั่งกันอย่างเรียบร้อย พ่อบ้านที่เดินเข้ามา
และเห็นภาพนี้ ก็นึกว่าตัวเองกำลังฝันอยู่
ฝันว่าผ่านไปหลายปี คุณท่าน คุณชายน้อย และคุณเวิน
ครอบครัวพวกเขาทั้งสามคน นั่งอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
แต่เมื่อเขาขยี้ตา และมองดูอีกรอบ ถึงจะพบว่าคนที่นั่งอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นไม่ใช่คุณชายน้อย แต่เป็น เสี่ยวชิ่งจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
บรรยากาศก็ไม่ถือว่ามีความสุขอะไร อย่างน้อยสีหน้าของจี้จิ่งเชินก็ดูไม่ดีซะแล้ว
พ่อบ้านที่ยังดึงสติกลับมาไม่ได้ชั่วขณะ ก็นึกไม่ถึงเลยว่าจี้จิ่งเชินที่ไม่ค่อยชอบพวกเขาเท่าไหร่นัก จะยอมให้พวกเขาปรากฏตัวบนโต๊ะอาหารได้
ในการคาดเดาของเขา ถึงแม้ว่าทั้งสองคนปรากฏตัวที่โต๊ะอาหารพร้อมกัน ก็เป็นไปได้เพียงแค่ว่า เด็กจะอยู่ในจาน แล้วจี้จิ่งเชินจะถือมีดและส้อมอยู่ในมือ
แทนที่จะนั่งเคียงข้างกันเหมือนตอนนี้
พ่อบ้านเดินเข้าไปด้วยตัวสั่นๆ และยืนสังเกตอยู่ข้างๆ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นก็จะได้ดึงตัวจี้จิ่งเชินเอาไว้ได้ง่าย
แต่รอมาทั้งเวลาอาหารเช้าแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรอย่างที่เขาคิดเกิดขึ้น
ทั้งสามคนกินอาหารเช้าอย่างสงบจนเสร็จ และจึงเดินจากไป
พ่อบ้านมองไปที่พวกเขาด้วยความประหลาดใจ
จี้จิ่งเชินและเวินเที๋ยนเที๋ยนออกไปที่ตระกูลหล่อน
เมื่อขึ้นรถได้ไม่นาน เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พูดขึ้นว่า:“ขอบใจนะ”
จี้จิ่งเชินหันมามองเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดต่อว่า:“เสี่ยวชิ่งบอกฉันว่า เพราะนายกังวลว่าเขาจะมาหาฉัน มารบกวนฉันตอนนอน เลยให้เขาเข้าไปในห้องแล้วก็นอนกับนาย”
คิดไม่ถึงว่า เด็กคนนั้นจะเอาเรื่องนี้ไปบอกเวินเที๋ยนเที๋ยน
จี้จิ่งเชินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ตอนแรกเขามาเคาะห้องฉันก่อน แล้วบอกฉันว่า เพราะไม่อยากรบกวนเวลาเธอพักผ่อน เลยมาหาฉัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“เสี่ยวชิ่งคงจะอายน่ะ ที่พูดแบบนั้นออกไปเพราะคงจะเขิน เขาชอบนายมากนะ ไม่ใช่แค่เพียงเขา เด็กๆคนอื่นก็ชอบนายด้วย”
จี้จิ่งเชินกำลังที่จะพูดแย้ง แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้ ก็กลับไม่พูดออกมา
สีหน้าของเขาดูเฉยเมยและพลางพูดขึ้นว่า:“เพียงแค่พวกเขาไม่มารบกวนชีวิตของฉัน พวกเขาอยากอยู่นานแค่ไหน ก็อยู่ไปเถอะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่เขา ราวกับว่าสามารถมองทะลุภาพลวงตาที่จี้จิ่งเชินแสดงออกมาได้ และมองเห็นถึงภายในใจของเขา
เมื่อถึงบริษัท เวินเที๋ยนเที๋ยนก็โทรหาคุณนายหล่อนอีกครั้ง แต่ก็ยังคงโทรไม่ติด
นี่ก็หลายวันแล้ว ถึงแม้ว่าจะไกลมากๆแต่ก็คงจะถึงตั้งนานแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รับสายตลอดแบบนี้
“หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นกังวลขึ้นมาชั่วขณะ
คิดดูให้ดีๆแล้ว ในคืนนั้นที่พ่อบ้านมาบอกเธอ ว่าคุณนายหล่อนจะไปสัมมนา ก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลกๆ
จริงๆแล้วเธออยากที่จะไปหาคุณนายหล่อน แต่พ่อบ้านก็ห้ามเธอเอาไว้
แม้กระทั่งวันที่สอง ที่เธอไปหาตั้งแต่เช้า แต่ก็ไม่เจอ
พ่อบ้านกับคุณนายหล่อนไม่อยู่บ้านเพราะไปสัมมนางั้นก็แล้วไป
แต่ช่วงนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่เห็นเวินหงหยู้เลย
นี่ยิ่งทำให้เธองงเข้าไปใหญ่
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จี้จิ่งเชินก็เดินเข้ามาจากข้างนอก เมื่อเห็นสีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มใจ ก็พูดขึ้นว่า:“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้ามองไปที่เขา พลางขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า:“ฉันก็ยังคงโทรหาคุณนายหล่อนกับพ่อบ้านไม่ติดอยู่ดี เหมือนพวกเขาจะหายตัวไปเลย และไม่ใช่แค่ไม่เจอพวกเขานะ แม้กระทั่งเวินหงหยู้ก็หายไปด้วย”
เธอมองไปที่โทรศัพท์ตัวเอง พลางพูดขึ้นว่า:“ฉันรู้สึกมาตลอดว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ”
จี้จิ่งเชินมองไปที่เธอ พลางนึกถึงวันนั้นที่มีคนที่อ้างว่าเป็นลูกน้องของเวินหงหยู้โทรศัพท์มาหา
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้นมาว่า:“จริงๆแล้วเมื่อวานซืน ฉันได้รับข้อความจากเวินหงหยู้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างประหลาดใจ
“ข้อความอะไรหรอ?”
“ลูกน้องของเวินหงหยู้โทรศัพท์มาหาฉัน ให้ฉันดูแลเธอให้ดีๆ เพราะอย่างนั้นเมื่อวานฉันเลยให้เธออยู่ที่ปราสาทนี้ยังไงล่ะ ฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ จะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆซะแล้ว”
“เขาโทรหาเธอหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่
หลังจากที่สังเกตมานาน เหมือนเธอจะสามารถเดาอะไรได้เล็กน้อยถึง ความสัมพันธ์ของคุณนายหล่อนและเวินหงหยู้
แต่ว่าทำไม ตอนนี้ เวินหงหยู้ถึงมาติดต่อจี้จิ่งเชินล่ะ?
หรือว่าจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องถึงคุณนายหล่อน?
เธอค่อยๆนั่งลง พลางขมวดคิ้วครู่หนึ่ง
“บางทีอาจจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆก็ได้ วันทั้งวันติดต่อพวกเขาไม่ได้ ฉันก็เป็นกังวลทั้งวัน คืนนี้ฉันจะกลับตระกูลหล่อนสักหน่อย ดูว่าที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
จี้จิ่งเชินที่ไม่วางใจพูดขึ้นว่า:“ฉันจะไปกับเธอด้วย”
“ได้”
พอพูดจบ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เงยหน้ามองจี้จิ่งเชิน
“ขอบใจนะที่นายบอกเรื่องพวกนี้กับฉัน”
แววตาของจี้จิ่งเชินเปลี่ยนเป็นดูอบอุ่นเป็นพิเศษ “ฉันเคยบอกเธอแล้ว ว่าหลังจากนี้ฉันจะไม่ปิดบังเธออีกต่อไป”
เขาดึงมือเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ พลางพูดขึ้นว่า:“ทุกๆเรื่องจะมีฉันที่คอยเคียงข้างเธอ ฉันกับเธอจะแก้ปัญหาไปด้วยกัน”
“อื้ม”
ช่วงบ่าย ทั้งสองคนก็ออกจากบริษัท แล้วเดินทางไปถึงตระกูลหล่อน
เดิมทีนึกว่าจะเจอเบาะแสอะไรบางอย่างจากตระกูลหล่อน แต่หามาแล้วรอบนึง แต่กลับไม่มีข่าวอะไรเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนพบคนรับใช้สองคนที่วันนั้นบอกว่าคุณนายหล่อนได้ออกไปแล้ว
“พวกเธอเห็นกับตาตัวเองเลยหรอว่าคุณนายหล่อนออกไปแล้ว?”
ทั้งสองคนส่ายหน้าไปมา พลางพูดขึ้นว่า:“พวกเราฟังมาจากพ่อบ้านค่ะ ถ้าหากคุณหนูถาม ก็ให้บอกคุณไปว่าคุณนายได้ออกไปแล้ว เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล”
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ได้ฟัง ในใจก็รู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีก