เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 307 กุหลาบขาวที่หักไป
บทที่ 307 กุหลาบขาวที่หักไป
เสื้อเชิ้ตของจี้จิ่งเชินที่เด็กทั้งสองคนได้จับไว้ถูกตัดออกไป ยังดีที่ถูกตัดไปแค่สองรู
จี้จิ่งเชินวางร่างของเด็กทั้งสองลงบนเตียง เมื่อเห็นทั้งสองยังคงจับเศษเสื้อของเขาอยู่ สีหน้าของเขาก็สับสนขึ้นมาทันที
เด็กที่กำลังนอนหลับช่างไร้เดียงสา นุ่มนวล และอ่อนโยนมาก
เขามองเด็กทั้งสองอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งเสียงเรียกของพ่อบ้านดังขึ้น จี้จิ่งเชินเลยหันไปมอง
“กลับกันเถอะครับ”
เขายืนขึ้นพร้อมทั้งเอาผ้าห่มคลุมให้กับทั้งสอง จากนั้นก็เดินออกไป
เมื่อพ่อบ้านเห็นการกระทำของเขาเช่นนี้แล้วก็ยิ้มขึ้นมาด้วยความเบิกบานใจ
ดูเหมือนว่าเด็กสองคนนี้จะทำให้จี้จิ่งเชินเปลี่ยนไปแล้วล่ะสิ
เช้าวันต่อมา เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้เรื่องที่เด็กสองคนหายเข้าไปในป่าเมื่อวาน เธอก็ตกใจเป็นอย่างมากเหมือนที่จี้จิ่งเชินตกใจเมื่อวานเลย
ต่อให้เธอรู้แล้วว่าเมื่อวานจี้จิ่งเชินได้ไปช่วยเด็ก ๆ ออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่อย่างไรแล้วหลังเลิกงานเธอก็จะไปดูเด็ก ๆ ให้เห็นกับตาว่าเด็ก ๆ นั้นปลอดภัยจริง ๆ
ณ คฤหาสน์ของจี้จิ่งเชิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกอดเด็กทั้งสองพร้อมทั้งหมุนดูตัวของพวกเขาอย่างละเอียด เมื่อเห็นว่าเด็ก ๆ ไม่ได้รับบาดเจ็บเธอก็โล่งใจทันที
จี้จิ่งเชินมองดูท่าทางของเธออยู่จากทางด้านหลัง เขาก็รู้สึกดีใจมากที่ตนเองได้ช่วยเด็ก ๆ ให้กลับมาได้อย่างปลอดภัยได้
การตัดสินใจเมื่อวานของเขานั้นถูกต้องที่สุด ถ้าหากยังหาตัวเด็ก ๆ ไม่เจอแล้วเรียกเธอมาที่นี่ เธอจะต้องเป็นกังวลมากแน่ ๆ
ในขณะที่เขากำลังคิดในใจอยู่นั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น และถึงแม้ว่าเด็ก ๆ ทั้งสองจะถูกกอดอยู่ในอ้อมอกของเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่สายตาของทั้งสองนั้นก็ยังคงมองมาที่เขา
เขาหันไปมองเด็ก ๆ ทั้งสอง จากนั้นปฏิกิริยาของทั้งสองก็เหมือนเดิม กลัวเขาจนรีบหลบสายตาไป
แต่ผ่านไปครู่หนึ่งทั้งสองก็แอบมองเขาอีกครั้ง
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้นแต่ก็ไม่ได้เปล่งเสียงพูดอะไรออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนกอดเด็กทั้งสองคนพร้อมทั้งปลอบใจพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง
เด็กทั้งสองกลับมีท่าทีที่นิ่งสงบมาก
“เที๋ยนเที๋ยน ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราหรอกนะ พวกเราไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
“ใช่ คุณลุงจี้ไปช่วยพวกเราออกมา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองจี้จิ่งเชินที่อยู่ด้านหลัง
จี้จิ่งเชินพูดด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยว่า: “ผมก็แค่กลัวว่าพวกเขาจะเดินหลงเข้าไปในป่าทึบแล้วเจอกับสัตว์ร้าย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นว่าเขายังคงปากแข็งอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะขำเล็กน้อย
“ยังไงก็ขอบคุณคุณมากเลยนะที่ช่วยเด็ก ๆ เอาไว้”
พูดจบเธอก็หันกลับมาที่เด็กทั้งสอง จากนั้นเธอก็เห็นกับถุงห่อด้วยผ้าเล็ก ๆ ที่แขวนติดอยู่บนตัวของเด็กทั้งสองคน
“นี่คืออะไรเหรอ? ”
เมื่อเธอเปิดดูก็พบว่าด้านในเป็นเศษเสื้อเล็ก ๆ สีเหมือนกัน ลักษณะเหมือนกันของทั้งสองคน
ดูเหมือนจะเป็นเศษเสื้อผ้าที่มาจากตัวเดียวกัน
“อันนี้คืออะไรเหรอ?”
จี้จิ่งเชินเห็นเขาก็จำได้ทันทีว่ามันคือเศษผ้าเสื้อที่ตัดจากมาเสื้อเชิ้ตของเขา
เขาจ้องมองเด็กทั้งสองด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองคนนี้จะเก็บเศษเสื้อของเขาเอาไว้ทำไม?
จี้จิ่งเชินก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมทั้งดึงมือเวินเที๋ยนเที๋ยนออกจากเด็กทั้งสอง และพูดว่า: “ไปทานข้าวกันก่อนเถอะ แม่ครัวได้เตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองหน้าจี้จิ่งเชิน และดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยากให้เธอนั้นถามต่อ เธอก็เลยพยักหน้า
“อืม งั้นฉันไปทานกับคุณที่บ้านใหญ่ก็แล้วกันนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยน สายตาของจี้จิ่งเชินก็เปล่งประกายขึ้นทันที เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความดีอกดีใจเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่ที่เด็ก ๆ เหล่านี้ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ทานข้าวกับเด็ก ๆ ทุกครั้ง แม้กระทั่งเขาก็ต้องย้ายมาทานข้าวที่นี่ด้วยเช่นกัน
คำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยนคำนี้ ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องร่วมสนุกกับเด็ก ๆ เหล่านี้แล้ว จี้จิ่งเชินดีใจเป็นอย่างมาก
จากนั้นเขาก็พาเวินเที๋ยนเที๋ยนไปยังบ้านใหญ่ทันที
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็กลับมาที่เด็ก ๆ อีกครั้ง และเธอก็ได้เจอกับเด็กทั้งสองคน
เธอเห็นเศษผ้าที่อยู่ในมือของเด็กทั้งสองก็ถามขึ้นว่า: “อันนี้เอามาจากไหนเหรอคะ?”
ดูจากท่าทางเมื่อสักครู่นี้ของจี้จิ่งเชิน เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกได้ทันทีว่าจะต้องเกี่ยวกับจี้จิ่งเชินแน่ ๆ ก็เลยอดไม่ได้ที่จะกลับมาถาม
เด็กทั้งสองกำเศษผ้าไว้ในมือแน่น และตอบว่า: “เอามาจากเสื้อของคุณลุงจี้ค่ะ”
“เมื่อวานนี้คุณลุงจี้เข้าไปอุ้มพวกเราออกมาจากในป่า ตอนแรกคุณลุงจี้อุ้มพวกเราจนพวกเราหลับไป พอตื่นขึ้นมาก็เหลือแค่เศษผ้านี้แล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขอเศษผ้ามาดู เห็นได้ชัดว่าเศษผ้านี้ใช้กรรไกรตัดออกมา
เมื่อมองจากเศษผ้านี้แล้ว เธอก็พอจะนึกภาพขึ้นในหัวได้ว่า เมื่อวานตอนที่จี้จิ่งเชินออกไปจากห้องเสื้อของเขาขาดเป็นรูแน่ ๆ
เมื่อนึกได้เช่นนี้แล้วเธอก็อดที่จะขำออกมาไม่ได้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเกรงกลัวจี้จิ่งเชินมาก แต่ในทางกลับกันพวกเขาก็ชอบจี้จิ่งเชินมากด้วยเช่นกัน ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่เอาเศษเสื้อของเขาเก็บไว้กับตัวขนาดนี้หรอก
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งลง และอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ว่า: “พอจะเล่าให้พี่ฟังได้ไหมว่าเมื่อวานนี้มันเกิดอะไรขึ้น? และจี้จิ่งเชินไปช่วยออกมาได้ยังไง?”
เด็กทั้งสองได้ยินคำถามนี้แล้วก็ตอบเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความตื่นเต้น ต่างคนก็ต่างจะแย่งกันเล่า
เวินเที๋ยนเที๋ยนตั้งใจฟังอย่างละเอียด จากการเล่าของเด็ก ๆ ทั้งสองคนนี้จี้จิ่งเชินเปรียบเสมือนอัศวินขี่ม้าขาวไปช่วยพวกเธอออกมา
ไม่รู้ว่าหากจี้จิ่งเชินรู้แบบนี้เขาจะคิดยังไง
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดยิ้มไม่ได้ แต่ในขณะที่เธอกำลังจะพูดนั้น เด็กคนหนึ่งก็ขมวดคิ้วขึ้น และสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
“เป็นอะไรไปเหรอ? ”
เด็กน้อยคนนี้ส่ายหน้า ในดวงตาของเธอก็มีน้ำใส ๆ คลั่งอยู่เล็กน้อย
“แต่คุณลุงจี้ไม่ได้ชอบเราแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยื่นมือไปลูบหัวของเขาเบา ๆ พร้อมทั้งพูดว่า: “เมื่อวานเขาเป็นคนเข้าไปช่วยทั้งสองคนออกมาด้วยตัวเขาเองเลยนะ เขาต้องชอบทั้งสองแน่ ๆ”
เด็กน้อยก้มหน้าและพูดว่า: “แต่เราทำดอกไม้ของคุณลุงหัก ดอกไม้ดอกนั้นที่อยู่ในสวน มันยังไม่บานแต่พวกเราก็ทำมันหักแล้ว เป็นเพราะตอนที่เราเล่นปาหิมะกัน ไม่ทันระวังก็เลยไปโดนดอกไม้จนหัก”
เด็กน้อยอีกคนหนึ่งได้ยินเช่นนี้แล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย
“วันนั้นคุณลุงจี้โกรธ และดูเหมือนจะโกรธมากด้วย หลังจากนั้นก็ห้ามไม่ให้เราเข้าไปเล่นที่สวนกุหลาบขาวอีก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนย้อนกลับไปนึกดู
จากที่เด็ก ๆ ได้ย้ายเข้ามาอยู่วันที่สอง และหลังจากที่เขาเข้าบริษัทไปสีหน้าก็เขาก็ไม่ค่อยดีนัก และอารมณ์ก็ไม่ค่อยจะดีด้วย แถมวันนั้นยังบอกอีกว่าไม่สามารถไปดูดอกกุหลาบขาวได้อีกแล้ว
เดิมทีเธอก็คิดว่ากุหลาบขาวนั้นจะแข็งจนหักไป คิดไม่ถึงเลยว่าเด็ก ๆ จะเป็นคนทำหัก
เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วเธอก็ขมวดคิ้วขึ้น
เด็กคนนั้นก็จับมือเธอไว้แน่นพร้อมทั้งพูดว่า
“พี่สาว คุณลุงจี้จะโทษพวกเราไหม? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มมองดูสายตาที่ไร้เดียงสาคู่นี้ “เราไปดูดอกไม้ดอกนั้นกันดีไหม บางทีอาจจะโชคดีทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้นะ”
“ได้สิ”
พูดจบเด็กน้อยทั้งสองคนก็จูงมือเวินเที๋ยนเที๋ยนไปยังสวนดอกกุหลาบขาวนั้น
ดอกกุหลาบขาวที่หักยังคงเกาะอยู่บนกิ่งที่ต้นของมัน พวกเขาชี้ให้เวินเที๋ยนเที๋ยนดู
“อยู่นั่นไง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งยอง ๆ ลงแล้วมองก็พบว่าจริง ๆ แล้วกุหลาบขาวดอกนี้ยังไม่ตาย แต่เพียงแค่กิ่งของมันหักลงก็เท่านั้น
กลีบของมันมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเล็กน้อย แต่เนื่องจากมันได้รับสารอาหารไม่เต็มที่จึงทำให้กลีบของมันดูอ่อนแอ
ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปกลัวว่ามันจะเหี่ยวเฉาเสียก่อนที่จะเบ่งบาน
เด็กน้อยทั้งสองนั่งยอง ๆ ลงมองดูข้าง ๆ ด้วยความกังวล
“พี่สาว พวกเราจะทำยังไงดี? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไปคิดมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบกรรไกรขึ้นมา และตัดส่วนที่หักออกไป
ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางออกสักหน่อย พวกเรากลับไปทำให้กุหลาบขาวดอกนี้เบ่งบานใหม่กันเถอะ ถ้าทำได้จี้จิ่งเชินก็จะไม่โทษเด็ก ๆ แล้วนะ
เมื่อเด็กน้อยทั้งสองได้ยินเช่นนี้แล้วก็พยักหน้าด้วยความดีใจ และเดินกลับไปกับเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างเร็ว