เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 304 กุหลาบขาว
บทที่ 304 กุหลาบขาว
จี้จิ่งเชินหน้าตาเคร่งขรึม เขาดึงสายตากลับมาด้วยความไม่พอใจ
เอาเถอะ ถึงอย่างไรแล้วเขาก็ไม่ได้ต้องการให้เด็กพวกนี้อยู่กับเธอทั้งวันแน่
เขาแค่ต้องการให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่กับเขา อยู่ข้าง ๆ เขาก็เพียงพอแล้ว
แต่ไม่นานนักจี้จิ่งเชินก็พบว่าสิ่งที่เขาได้คาดหวังเอาไว้นั้นโดนเด็ก ๆ พวกนี้ทำพังทลายลงไปหมดแล้ว
เช้าวันต่อมา จี้จิ่งเชินก็ถูกเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็ก ๆ รบกวนจนต้องตื่นขึ้นมา
เสียงหัวเราะพร้อมทั้งเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังมาจากด้านนอก
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วลุกขึ้นนั่งขึ้นอย่างหงุดหงิด เขาเอามือไปเปิดม่านดูก็เห็นเด็ก ๆ พวกนั้นกำลังเล่นปาหิมะกันอยู่
เขาเดินลงมาที่ด้านล่าง และเห็นว่าพ่อบ้านกับแม่ครัวกำลังยืนดูเด็ก ๆ เหล่านี้เล่นกันอยู่ด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มเบิกบานใจ เขาก็เดินเข้าไปเตือนในทันที
พวกเขาไม่รู้ว่าเด็ก ๆ เหล่านี้เริ่มเล่นปาหิมะกันตั้งแต่เมื่อไหร่ บริเวณลานบ้านถึงได้เลอะเทอะได้ถึงขนาดนี้
จี้จิ่งเชินขมวดผมคิ้วขึ้น เขากำลังจะพูดแต่ทันใดนั้นก้อนหิมะก้อนหนึ่งก็กระเด็นมากระทบกับหน้าผากของเขา!
เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว ใบหน้าก็เผยให้เห็นถึงความเจ็บของแรงกระทบนั้น
คนที่ยืนอยู่รอบ ๆ ข้างเมื่อเห็นจี้จิ่งเชินเช่นนี้แล้วก็สูดลมหายใจเข้าอย่างแรงด้วยความตกใจ พร้อมทั้งนิ่งเงียบลง
จี้จิ่งเชินขมวดปมคิ้วแน่นขึ้น เอามือปัดหิมะออกพร้อมทั้งค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา
ส่วนเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นผาหิมะกันอยู่นั้นเมื่อเห็นเช่นนี้แล้วก็ตกใจจนหน้าซีดเซียวราวกระดาษขึ้นมาทันที พร้อมทั้งหยุดเล่นโดยกะทันหัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาเพราะกลัวว่าเขาจะโกรธไปมากกว่านี้
พ่อบ้านรีบเดินเข้ามาที่จี้จิ่งเชิน
“คุณผู้ชายเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ? ”
พ่อบ้านพูดไปด้วยพร้อมทั้งช่วยจี้จิ่งเชินปัดหิมะออก จากนั้นก็รีบอธิบายว่า: “พวกเขายังเด็ก ไม่ทันเห็นว่าคุณผู้ชายเดินมา คุณผู้ชายอย่าถือสาพวกเขาเลยนะครับ”
จี้จิ่งเชินคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะขอร้องแทนเด็ก ๆ พวกนี้
เพิ่งจะย้ายเข้ามาเมื่อวานก็สนิทกับพวกเขาแล้วอย่างนั้นเหรอ?
จี้จิ่งเชินหน้าดำคร่ำเครียด และจ้องเขม็งไปที่เด็ก ๆ เหล่านั้น
เมื่อเด็ก ๆ เหล่านั้นเห็นสายตาของเขาก็ตกใจกลัวจนตัวสั่นขึ้นอีกครั้งจนไม่กล้าที่จะเปล่งเสียงอะไรออกมา
จี้จิ่งเชินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า: “เวลาก่อนเจ็ดโมงครึ่งทุกคนต้องเงียบสงบ ห้ามส่งเสียงดัง อย่าให้ฉันต้องพูดเป็นรอบที่สอง!พวกเธอ……”
เขายังพูดไม่ทันจบ สายตาของเขาก็หันไปเห็นต้นกุหลาบขาวที่อยู่ข้าง ๆ
ใบของต้นกุหลาบขาวร่วงหล่นลงมาทั้งหมด และบนต้นก็มีก้อนหิมะที่เกาะอยู่เต็มไปหมด
เด็กกลุ่มหนึ่งเอามือกวาดหิมะที่เกาะอยู่บนต้นไม้มาปั้นเป็นก้อนหิมะ และข้าง ๆ ก็เป็นดอกกุหลาบตูมที่จี้จิ่งเชินรอมานาน
แต่ตอนนี้กิ่งของมันได้หักลงแล้ว
เกล็ดหิมะกระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ เห็นได้ชัดว่าถูกแรงกระทบจากก้อนหิมะจนหัก
และทันใดนั้นสีหน้าก็จี้จิ่งเชินก็ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด เขาเม้มปากอย่างแรง และดวงตาดำโตขึ้นด้วยความโกรธมาก
พ่อบ้านเห็นกุหลาบขาวนั้นที่ยังไม่เบ่งบานแต่ได้หักลงแล้วก็ตกใจเป็นอย่างมาก
“คุณผู้ชายครับ พวกเขาไม่ได้ตั้งใจแน่ ๆ ครับ”
เขาจำได้อย่างดีว่าในคืนนั้นจี้จิ่งเชินเดินตามหากุหลาบขาวนี้ท่ามกลางหิมะทั้งคืนจนตัวเขาหนาวสั่นไปทั้งตัว ยากมากกว่าจะเจอกุหลาบขาวนี้
หลังจากนั้นเพื่อรอมันเบ่งบานเขาก็ดูแลมันดีมาโดยตลอด
แต่นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะหักลงแล้วจริง ๆ
เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เมื่อสักครู่นี้ทำไมตนเองถึงไม่ดูดี ๆ คิดถึงไม่ว่าจะลืมได้
ตอนนี้บรรยากาศได้เงียบสงัดลงอย่างน่ากลัว จี้จิ่งเชินเดินเข้าไปด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม เขาเดินเข้าไปคุกเข่าลงตรงต้นกุหลาบขาว
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งจะตอบตกลงกับเขาเมื่อสองวันที่ผ่านมาว่าเมื่อดอกกุหลาบขาวนี้เบ่งบานเธอจะมาดูด้วยกัน
แต่ตอนนี้ดอกด้านนอกเพิ่งจะเริ่มบานเอง
เขามองดูกุหลาบขาวอยู่ครู่ใหญ่กว่าเขาจะลุกขึ้นมา พร้อมทั้งจ้องมองเด็ก ๆ ที่อยู่ตรงนั้นด้วยตาเขม็ง
เด็ก ๆ เห็นสายตาที่เยือกเย็นของเขาก็ตกใจจนอกสั่นขวัญหายกลัวตัวกลมไปหมด
“ต่อไปนี้ห้ามทุกคนมาเล่นที่บริเวณต้นกุหลาบขาวเด็ดขาด! ”
เด็กบางคนได้ยินแล้วก็ตกใจจนร้องไห้ขึ้น
“หนูขอโทษค่ะ……”
เสียงเล็ก ๆ กล่าวคำขอโทษของเด็ก ๆ เหล่านี้ดังขึ้น แต่จี้จิ่งเชินก็ไม่สนใจ เขาหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่สนใจอะไรเลย
พร้อมทั้งถามว่า: “อาหารเช้าเตรียมเรียบร้อยหรือยัง?”
แม่ครัวตกใจจึงพูดด้วยความตะกุกตะกักว่า: “อ้อ คุณผู้ชายขอโทษค่ะ ดิฉันยังไม่ได้เตรียมอาหารเช้าเลยค่ะ……”
จี้จิ่งเชินได้ยินคำนี้ก็หันไปมองเธอทันที
แม่ครัวยิ้มอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
“เด็ก ๆ ตื่นเช้ามาคงจะหิวแล้ว ถ้าอย่างนั้นดิฉันไปเตรียมติ่มซำให้พวกเขาก่อนนะคะ”
สีหน้าของจี้จิ่งเชินเคร่งขรึมมาก
“งั้นก็รีบไปเตรียมสิ”
“ค่ะ ค่ะ ค่ะ ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
แม่ครัวตอบพร้อมทั้งรีบเข้าไปในห้องครัว
เมื่อจี้จิ่งเชินเดินไปพ่อบ้านถึงจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก พร้อมทั้งยื่นมือไปลูบหัวเด็ก ๆ เบา ๆ
จี้จิ่งเชินรอมาประมาณยี่สิบนาทีแม่ครัวก็ยังไม่มาเสิร์ฟอาหารเช้า จากนั้นเขาก็ออกจากบ้านด้วยความเหนื่อยใจทันที
เดินทางมาจนกระทั่งถึงบริษัทหล่อนซื่อ สีหน้าของเขายังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่นัก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเขาก็ถามด้วยความแปลกใจว่า: “จี้จิ่งเชิน คุณเป็นอะไรไปเหรอ? เด็ก ๆ ยังคงเชื่อฟังไหม?”
จี้จิ่งเชินขยิบมุมปากเล็กน้อยพร้อมทั้งนึกถึงเรื่องกุหลาบขาวเมื่อเช้านี้
“เชื่อฟังดี พวกเขาโอเคดี”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความแปลกใจ และเธอรู้สึกได้ว่าสีหน้าของจี้จิ่งเชินนั้นไม่ค่อยจะดีนัก เธอจึงถามต่อว่า: “คุณทานอาหารเช้ามาหรือยัง?”
“ผมไม่หิว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มเล็กน้อยพร้อมทั้งหยิบอาหารเช้าออกมา
“ฉันเตรียมอาหารเช้ามา มาทานด้วยกันนะ”
ภายในกล่องอาหารมีแซนวิชและซูชิ
เมื่อจี้จิ่งเชินเห็นหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนคิ้วที่ขมวดปมของเขาก็ค่อย ๆ คลายออกอย่างช้า ๆ
“ดอกกุหลาบขาวที่ผมหาเจอครั้งที่แล้วที่ผมบอกคุณตอนนี้มีปัญหานิดหน่อย”
ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็พอจะเดาออกเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรหรอก คราวหน้าไว้เราไปหาด้วยกันบางทีอาจจะยังมีก็ได้”
พูดจบเธอก็หันไปยิ้มกับจี้จิ่งเชิน
จี้จิ่งเชินนิ่งอึ้งไป และเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตนนั้นไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยนนานแล้ว
ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถึงจะพยักหน้าตอบรับ
ดู ๆ ไปแล้วเด็กพวกนั้นก็ช่วยได้เหมือนกัน
ถ้าอย่างนั้นเขาก็ควรจะอดทนต่อไปให้พวกเขาอยู่ที่คฤหาสน์ต่อ
หลายวันต่อมาเวินเที๋ยนเที๋ยนก็มาที่คฤหาสน์บ่อยจริง ๆ
แต่ไม่เหมือนกับที่จี้จิ่งเชินคิดไว้ก็คือเวลาที่เธอมาเธอมักจะใช้เวลาอยู่กับเด็ก ๆ เป็นส่วนมาก
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายไปหาแต่เด็ก ๆ เหล่านั้นก็ยังคงมีหลายวิธีที่จะดึงดูดให้เวินเที๋ยนเที๋ยนสนใจแต่พวกเขา
และแม้ว่าจี้จิ่งเชินจะอยู่แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั่งมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ข้าง ๆ ก็เท่านั้น
เด็ก ๆ เหล่านี้ยังกลัวเพราะการปรากฏตัวของจี้จิ่งเชินจนกระทั่งไม่กล้าเปล่งเสียงอะไรออกมา
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเวินเที๋ยนเที๋ยนก็หันไปมองจี้จิ่งเชินสองสามรอบ
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดออกมาว่าจะเขาออกไปจากตรงนี้แต่สายตาของเธอนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
หากเขายังอยู่เด็ก ๆ เหล่านี้ก็ยังคงกลัวไม่กล้าทำอะไรพอดี
เมื่อเขาก้าวเท้าออกจากห้องไปเด็ก ๆ เหล่านี้ก็ยิ้ม และหัวเราะด้วยความเบิกบานใจทันที
สีหน้าของจี้จิ่งเชินไม่ค่อยดีนัก เมื่อเดินออกไปเขาก็เจอกับพ่อบ้านที่กำลังถือขนมเข้ามาพอดี
ดูเหมือนว่าคนทั้งคฤหาสน์นี้จะต้องรับ และยินดีกับการมาของเด็ก ๆ เหล่านี้หมดยกเว้นจี้จิ่งเชิน
ตั้งแต่เด็ก ๆ เหล่านี้เข้ามาเวลาการเตรียมอาหารของแม่ครัวก็เปลี่ยนไปด้วย
หลาย ๆ ครั้งเมื่อจี้จิ่งเชินตื่นมาแม่ครัวมักจะเตรียมกับข้าวให้กับเด็ก ๆ เหล่านี้ก่อนเสมอ แต่จี้จิ่งเชินต้องรอจนเด็ก ๆ เหล่านี้กินเสร็จอาหารเช้าของเขาถึงจะเริ่มได้
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้เขาก็ไม่สามารถนั่งจ้องมองอยู่ข้าง ๆ ได้
เพราะเพียงแค่เด็ก ๆ เหล่านี้เห็นเขาก็พากันกลัวจนตัวสั่นแล้ว
อีกอย่างเขาก็ไม่อยากจะขู่ต่อหน้าเด็ก ๆ เหล่านั้นด้วย หากเสียงดังขึ้นมาเด็กจะร้องไห้ได้
จึงทำให้จี้จิ่งเชินปวดหัวเป็นอย่างมาก