เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 303 คุณลุงจี้
บทที่ 303 คุณลุงจี้
หลังจากนั้นสองวัน คฤหาสน์ของจี้จิ่งเชินได้ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อต้อนรับเด็ก ๆ เรียบร้อยแล้ว
พ่อบ้านเปิดประตูต้อนรับด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มเบิกบานใจเพื่อต้อนรับเด็ก ๆ ตัวเล็กตัวน้อยเข้ามาในคฤหาสน์
เด็ก ๆ มีหน้าตาที่ยิ้มแย้มเบิกบานใจ ในมือของพวกเขานั้นถืออมยิ้ม พ่อบ้านนำทางพาพวกเขาไปยังที่พัก
ยังดีที่คฤหาสน์แห่งนี้มีพื้นที่ที่กว้างใหญ่มาก ถึงแม้ว่าไม่ได้อยู่ตึกเดียวกับจี้จิ่งเชิน ตึกอื่น ๆ สามารถรองรับเด็ก ๆ ได้
และอีกอย่างยังกว้างขวางมากด้วย
ก่อนหน้านี้ที่พ่อบ้านได้ยินว่าจี้จิ่งเชินจะเอาเด็กสามสิบกว่าคนมาอยู่ในคฤหาสน์เขายังรู้สึกตกใจเลย
เขาคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าทำไมคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบเสียงดังอย่างจี้จิ่งเชินจู่ ๆ ถึงได้ออกหน้ารับเด็กสามสิบกว่าคนมาที่บ้านได้?
การฆ่าให้ตายทั้งเป็นของเด็กสามสิบกว่าคนนั้นมันน่ากลัวยิ่งกว่าระเบิดปรมาณูหลายเท่า
แต่เมื่อนึกถึงเวินเที๋ยนเที๋ยนเขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที เขายิ้มพร้อมทั้งจัดเก็บห้องและออกมา
ขณะนี้นั้นเขาได้เงยหน้ามองจี้จิ่งเชินและเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ด้านนอก
จี้จิ่งเชินอยู่ในสีหน้าที่ปกติ ใบหน้าของเขาไม่แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ และความรู้สึกใด ๆ เลย มีเพียงแต่เวลาที่เขามองหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน สีหน้าเขาถึงจะอบอุ่นขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นที่มองไปยังเด็ก ๆ
เด็ก ๆ เหล่านั้นถืออมยิ้มแล้ววิ่งมาหาเธอด้วยความเบิกบานใจพร้อมทั้งแบ่งอมยิ้มให้กับเธอ
แค่ดูก็รู้แล้วว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นมีค่าต่อจิตใจของเด็ก ๆ เหล่านี้มาก
เป็นเพราะอย่างนี้นี่เองจี้จิ่งเชินถึงยอมให้เด็ก ๆ มาอยู่ที่นี่เป็นเวลาสองเดือน
พ่อบ้านยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความประทับใจ ในใจก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้
หากภายภาคหน้าลูกของคุณหนูเวินกับคุณผู้ชายออกมาควรจะชื่อว่าอะไรดีนะ?
พอความคิดนี้โผล่ขึ้นมาเขาก็อดคิดต่อไม่ได้
พ่อบ้านขมวดคิ้วขึ้นก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีความคิดสะเพร่าแบบนี้มาก่อน
จะว่าไปคิดตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป ไม่อย่างนั้นหากเกิดมาแล้วเพิ่งคิดก็คงจะวุ่นวายน่าดู
พ่อบ้านจับมือตนเองไว้แน่น ลักษณะท่าทางเคร่งขรึม และรู้สึกว่าตนเองแบกรับภาระไว้หนักเหลือเกิน
ดู ๆ แล้วคงจะต้องไปฝึกเรื่องของการตั้งชื่อไว้บ้างแล้วสิ
ขณะที่คิดนั้นเขาก็พาเด็ก ๆ เข้าไปข้างใน
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนดูจนกว่าเด็กคนสุดท้ายเดินเข้าไปในห้อง จากนั้นเธอหันหน้าไปพูดกับจี้จิ่งเชินว่า: “ฉันขอบคุณคุณมากจริง ๆ นะ ถ้าหากไม่มีคุณฉันก็คงจะหาที่ที่เหมาะกับเด็ก ๆ ไม่ได้”
ในใจของจี้จิ่งเชินตอนนี้มีเด็ก ๆ เหล่านี้ซะที่ไหนกันล่ะ? ในสายตาของเขามีแต่เวินเที๋ยนเที๋ยนต่างหาก
“ ไม่เป็นไรเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดต่ออีกว่า: “ชีวิตความเคยชินของเด็ก ๆ เหล่านี้ฉันจะค่อย ๆ บอกให้แม่บ้านที่นี่ก็แล้วกัน และฉันก็คงจะแวะมาหาพวกเขาที่นี่บ่อย ๆ ดังนั้นต่อไปนี้ฉันคงต้องมาที่นี่บ่อยหน่อยนะ ได้หรือเปล่า?”
“ได้สิ”จี้จิ่งเชินตอบ
ตอบว่าได้ได้ยังไง? ในเมื่อในใจเขาต้อนรับตลอดเวลาอยู่แล้ว
แค่คิดถึงเวลาสองเดือนหลังจากนี้ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนจะต้องมาที่นี่และเจอเขาทุกวัน จี้จิ่งเชินก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
จี้จิ่งเชินมองดูเวลาพร้อมทั้งพูดขึ้นว่า: “ถึงเวลาแล้ว ไปทานข้าวกันก่อนเถอะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับไปมองเด็ก ๆ ที่กําลังจัดเตียงของตัวเองอยู่
“วันนี้ฉันว่าฉันทานข้าวกับพวกเขาดีกว่า หากคุณหิวก็ไปทานก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวฉันรอเด็ก ๆ เก็บของเสร็จแล้วค่อยตามไปทีหลัง”
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ยินเช่นนี้แล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
คฤหาสน์ที่นี่ต่างก็มีห้องอาหารในตัวของมัน
แต่ตอนนี้เด็ก ๆ ย้ายเข้ามาอยู่เขาจึงจ้างพ่อครัวคนใหม่มาดูแลชีวิตประจำวันของเด็ก ๆ
ตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนบอกว่าจะทานข้าวที่นี่ นั่นก็แสดงว่าจะทานกับเด็ก ๆ ไม่ใช่กลับไปทานกับเขา
ขณะนี้จี้จิ่งเชินตระหนักถึงความสำคัญแล้ว
เป็นไปได้ไหมว่าหลังจากนี้ทุกครั้งเวลาที่เธอมาที่นี่เธอจะทานข้าวกับเด็ก ๆ เหล่านี้ที่นี่ทุกครั้ง……
เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วจี้จิ่งเชินก็รู้ว่าความคิดของเขาก่อนหน้านี้นั้นมันสวยงามเกินไปแล้ว
หรือบางทีต่อไปเด็กพวกนี้จะแย่งเวินเที๋ยนเที๋ยนไปจากเขา
เขาขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายก็พูดว่า: “ผมรอคุณกับเด็ก ๆ แล้วทานพร้อมกันจะดีกว่า”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำนี้แล้วก็พยักหน้าตอบด้วยความยินดี
“ดีเลย คุณจะได้ทำความรู้จักกับเด็ก ๆ ด้วย”
ชั้นแรกของหอคอยเป็นห้องขนาดใหญ่ซึ่งเหมาะแก่การจัดเลี้ยง
แต่ตอนนี้ได้จัดเป็นห้องอาหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับเด็ก ๆ และทุกคนที่มารับประทานอาหารที่นี่
เด็กสามสิบกว่าคนมารวมตัวกัน แต่ละคนพูดกันคนละประโยคก็สามารถทำให้ที่นี่เสียงดังมาก
ตั้งแต่จี้จิ่งเชินนั่งลงเขาก็ขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา
เขาจ้องมองดูเด็กที่กำลังส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอยู่ด้วยตาเขม็ง
พ่อบ้านและแม่ครัวนำอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะ และเสียงที่เจี๊ยวจ๊าวของเด็ก ๆ ก็เริ่มเงียบสงบลง สายตาของพวกเขาจ้องมองที่อาหารที่มีหน้าตาน่าทานอยู่บนโต๊ะ
จี้จิ่งเชินสาบานเลยว่าเขาได้ยินเสียวน้ำลายไหล
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูเด็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้าก็ยิ้มขึ้นมาพร้อมทั้งพูดว่า: “เด็ก ๆ คะ ตอนนี้พวกเรามาอยู่ที่นี่ก็ถือเป็นการรบกวนเจ้าของมากแล้วนะคะ”
เด็ก ๆ หันหน้าไปมองจี้จิ่งเชิน พร้อมทั้งตะโกนว่า: “คุณลุงจี้!”
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ยินคำนี้ก็โกรธจนหน้าดำทันที
ทำไมกัน ไม่ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะสอนยังไงเด็ก ๆ พวกนี้ก็เรียกเขาว่าคุณลุงจี้ไป?
จี้จิ่งเชินรู้สึกว่าเด็ก ๆ พวกนี้ตั้งใจเรียกชื่อเขาแบบนั้น
เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นพร้อมทั้งพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า: “ทานข้าวกันเถอะ”
เขาพูดเช่นนี้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเด็ก ๆ ยังไม่กล้าที่จะลงมือทาน
ในความคิดของพวกเขาคฤหาสน์ที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้มีแค่ในเทพนิยายเท่านั้น
และตรงหน้าพวกเขาก็คือจักรพรรดิที่โหดเหี้ยม และเคร่งขรึมในนิทาน
และบวกที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเคยบอกกับพวกเขาว่าอย่าทำให้จี้จิ่งเชินโกรธ ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้พวกยิ่งกลัว
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นว่าเด็ก ๆ ไม่กล้าลงมือทานก็เลยพูดว่า: “เด็ก ๆ ทานกันได้เลยนะคะ หิวกันแล้วใช่ไหม?”
แต่เด็ก ๆ เหล่านี้ก็ยังคงมองจี้จิ่งเชินด้วยความเกรงใจ และเห็นได้ชัดกว่าพวกเขากลัวจี้จิ่งเชินมาก
ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้จี้จิ่งเชินขมวดปมคิ้วขึ้น
เด็กพวกนี้ ให้มาอยู่กินที่นี่ก็ถือว่าไม่เลวแล้วนะ
ตกลงแล้วยังจะต้องปลอบอีกเหรอ?
เขาทำสีหน้าที่เคร่งขรึมพร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า
“กินข้าว”
เด็ก ๆ ได้ยินน้ำเสียงนี้ของเขาก็ตกใจจนสั่นไปหมด และบางคนก็เบะปากจะร้องไห้รีบลงมือกินข้าวด้วยความตกใจ แต่ก็กินแบบสั่น ๆ
เมื่อจี้จิ่งเชินเห็นเช่นนี้แล้วก็ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้เปล่งเสียงอะไรออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนทำได้เพียงแต่ยิ้มอย่างจำใจ เพราะรู้ว่าพวกเขาตกใจกับการกระทำของจี้จิ่งเชิน
อย่าว่าแต่เด็ก ๆ เลย ขนาดเธอเองตอนที่เจอจี้จิ่งเชินครั้งแรกก็ตกใจเขาจนอกสั่นขวัญหายเช่นกัน
ดู ๆ แล้วกว่าจี้จิ่งเชินจะเข้ากับเด็ก ๆ ได้ก็คงต้องใช้เวลานานพอสมควร
เธอหันไปพูดกับจี้จิ่งเชินว่า: “พวกเขาเพิ่งจะรู้จักคุณก็เลยไม่ค่อยคุ้นชินนะ เดี๋ยวผ่านไปสักช่วงหนึ่งก็คงจะดีขึ้น”
จี้จิ่งเชินเงยหน้าไปมองก็เห็นพ่อบ้านกำลังเช็ดปากให้กับเด็ก ๆ อยู่
ทั้งสองก็เพิ่งจะรู้จักกัน เพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรก แต่ทำไมถึงดูเข้ากันได้ดีมาก
เด็กคนนั้นเพิ่งจะยิ้มกับพ่อบ้าน แต่เมื่อหันมาเห็นหน้าเขาก็กลัวจนตัวสั่น พร้อมทั้งรีบก้มหน้าหลบตาก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อ