เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 274 เมื่อไหร่คุณถึงจะพูด
บทที่ 274 เมื่อไหร่คุณถึงจะพูด
หมินอันเกอได้ยินประโยคนี้ ก็ชะงักเล็กน้อย
จากนั้นยื่นนิ้วชี้ไป จิ้มไปที่หน้าผากของหลวนจื่อ ให้เธอกลับไปนั่งที่
“เด็กไม่ควรยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่”
หลวนจื่อเม้มปากอย่างไม่พอใจ
“เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้แก่กว่าฉัน ฉันจะเป็นเด็กได้ไง?”
หมินอันเกอหันไปมองเธอ
“ดูสภาพคุณตอนนี้ ก็แค่เด็ก”
พูดจบ เขาก็เหยียบคันเร่ง พร้อมกับพูดไปว่า “ตอนนี้ผมจะส่งคุณกลับโรงแรม ติดต่อที่บ้านคุณด้วย”
หลวนจื่อกอดอก พูดอย่างไม่พอใจ “กลับไปกลับไป เอาแค่ให้ฉันกลับไป”
“ตอนแรกไม่ใช่คุณบอกฉันเหรอว่าต้องทำตามใจตัวเอง?อีกอย่างยังเป็นคุณที่ช่วยฉันออกมาจากตระกูลหลวน”
พูดถึงเรื่องนี้ หมินอันเกอก็ทำอะไรไม่ถูกยิ่งขึ้น ในใจมีความเสียใจ
เขาขมวดคิ้ว หน้าผากขึ้นเส้นเลือด กัดฟันแน่น
“ถ้าไม่ใช่คุณหลอกผม ว่าพวกเขาขังคุณ ผมจะให้คุณออกไปเหรอ?”
หลวนจื่อแลบลิ้น
“งั้นคุณก็หลอกง่ายมาก”
หมินอันเกอโบกมือ
“ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ต้องติดต่อคนที่บ้าน ว่าพวกเขาเห็นด้วยไหมที่จะให้คุณอยู่ต่อ”
หลวนจื่อหันไปมองนอกหน้าต่างด้วยความไม่พอใจ ไม่พูดอะไรอีก
ในหัวเธอกลับมีคำพูดเมื่อกี๊ของหมินอันเกอออกมา
ถึงตอนนี้ข้างกายเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่มีจี้จิ่งเชินแล้ว หมินอันเกอก็ไม่ยอมทำอะไร ยอมปกป้องอย่างนี้เรื่อยๆ
จากความลังเลของเขา เขาน่าจะยังรักพี่เวินอยู่ลึกๆ
หลวนจื่อลูบหน้าผากตัวเอง ถ้าเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยนล่ะก็ หมินอันเกอไม่ยอมทำอะไรหยาบคายแน่
คิดไป เขาก็ขมวดคิ้ว สายตามีความทุกข์มาก
ประสิทธิภาพการกระทำของตระกูลหล่อนน่าทึ่งเสมอ
เมื่อแผนเริ่มขึ้น ก็จะรีบทำให้สำเร็จอย่างรวดเร็ว มากไปกว่านั้นตอนนี้ห่างจากเทศกาลตรุษจีนไม่มากแล้ว
ทุกคนต่างถูกโยกย้ายขึ้นมา พยายามทำให้เสร็จก่อนตรุษจีน หยุดพักผ่อนกลับบ้าน
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนยุ่งอยู่นั่นเอง รถสีดำที่ไม่อยู่ในสายตาคันหนึ่ง ก็ค่อยๆมาจอดตรงหน้าบ้านตระกูลหล่อน
ประตูรถเปิดออก จี้จิ่งเชินออกมาจากด้านใน มาตรงหน้าฉวีผิง
“ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณนายหล่อน”
ฉวีผิงก้มหน้าลงเล็กน้อย พูด “คุณนายบอกไว้ ถ้าคุณมา สามารถพาคุณไปพบเธอได้เลย”
พูดจบ เขาก็หมุนตัว พาจี้จิ่งเชินเดินไปด้านใน
สวนดอกไม้ของตระกูลหล่อนต่างเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ มองไป เต็มไปด้วยหิมะสีขาวแวววับระยับตา
จี้จิ่งเชินสวมเสื้อโค้ตขนสีดำ ใบหน้าเย็นชาตามฉวีผิงผ่านไปที่สวนดอกไม้ มาถึงห้องทำงานคุณนายหล่อน
“ในที่สุดคุณก็มาแล้ว”
คุณนายหล่อนมองเห็นเขา ก็ค่อยๆเปิดประตู
จี้จิ่งเชินยืนตรงกลางห้องทำงาน มองเธอแล้วพูด “ผมไม่หวังว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้”
“นี่เป็นการตัดสินใจของเธอเอง”
จี้จิ่งเชินไม่เชื่อคำนี้
“คุณควรจะเข้าใจวิธีการของจี้หยวนวู่เป็นอย่างดี คุณควรจะเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอเหมือนผม”
คุณนายหล่อนพยักหน้า เอาแว่นกรอบทองบนใบหน้าวางลงบนโต๊ะ ค่อยๆพูด “เพราะไม่อยากให้เที๋ยนเที๋ยนเจ็บปวด ฉันเลยตัดสินใจร่วมมือกับคุณ ห้ามตระกูลจี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ คุณคิดว่าฉันจะทำเรื่องที่ทำดีไม่ได้รับอะไรตอบแทนแบบนี้เหรอ?”
จี้จิ่งเชินฟังจบ พูดด้วยเสียงเย็นชา “ไม่มีคุณ ผมจะต้องทำให้ได้”
คุณนายหล่อนค่อยๆยิ้มออกมา“แน่นอน แต่ว่าต้องนานแค่ไหน?”
“ในมือตระกูลจี้สรุปมีสิ่งอะไรที่จะสามารถมาคุกคามคุณได้?ตราบใดยังเหลืออีกอย่าง อนาคตของคุณกับเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่รับประกันใดๆ”
เธอมองหน้าของจี้จิ่งเชินที่ดูแย่ยิ่งขึ้น พูดต่อ “ฉันไม่หวังว่าจะเห็นเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้งเพราะว่าเธอเสียใจ”
เธอมองจี้จิ่งเชิน พูดตรงๆ “ความจริงแล้ว ในใจฉันคุณไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด”
จี้จิ่งเชินรู้จุดนี้อยู่แล้ว
สายตาเขาหม่นลง
“นี่คือครั้งสุดท้าย ผมได้กลับมาแล้ว ก็จะไม่ออมมืออีกต่อไป”
“งั้นจี้คางล่ะ?จำได้ว่าเขาเหมือนจะไม่แย่กับคุณ เรื่องเมื่อก่อนพวกนั้น เหมือนจะไม่เกี่ยวกับเขาด้วย”
สายตาของจี้จิ่งเชินเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
“เรื่องทุกอย่าง เพราะว่าเขาทั้งนั้น บางทีเฝ้าดูอย่างนิ่งก็เป็นความผิดอย่างหนึ่ง”
พูดถึงจี้คาง เขาก็ขมวดคิ้ว
ช่วงนี้เขาไม่เห็นคนนี้เลย
ปกติจี้คางมักจะโทรหาเขาหรือไม่ก็มาเจอเขาเอง ถึงแม้มักจะถูกปฏิเสธ แต่ว่าไม่เคยยอมแพ้เลย
แต่ช่วงนี้ จี้คางกลับไร้ร่องรอยไป
คุณนายหล่อนค่อยๆถอนหายใจ ไม่จำเป็นต้องเถียงกับจี้จิ่งเชินต่อ
“เที๋ยนเที๋ยนเข้าไปในบริษัท น่าจะเพราะคุณ เธอจะต้องรู้แน่ว่าคุณถูกคุกคาม จึงอยากเอาวิธีนี้มาช่วยคุณ”
“จี้จิ่งเชิน คุณอย่าคิดว่าคนของตระกูลหล่อนธรรมดาไป ถือเป็นเที๋ยนเที๋ยน ก็สามารถทำคนเดียวได้”
จี้จิ่งเชินได้ยินประโยคนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
คุณนายหล่อนบอกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนคือคนของตระกูลหล่อน?
น้ำเสียงนี้ ไม่ใช่ ทัศนคติต่อลูกสาวบุญธรรม
คุณนายหล่อนพูดต่อ “มีจุดหนึ่งคุณต้องเข้าใจ ถ้าคุณไม่เข้าใจดีๆ รอเที๋ยนเที๋ยนไปจากคุณ ถึงตอนนั้น……”
“ไม่มีตอนนั้น”
ยังไม่ทันรอคุณนายหล่อนพูดจบ จี้จิ่งเชินก็พูดตัดบทเธอ
“ผมไม่ให้เที๋ยนเที๋ยนอยู่กับใครทั้งนั้นนอกจากผม”
พูดไปสายตาเขาก็เป็นประกาย เหมือนเลือดแพร่ไปทั่ว
คุณนายหล่อนเห็น จึงขมวดคิ้ว
“อาการป่วยของคุณดีหรือยัง?”
จี้จิ่งเชินสองมือไว้ด้านหลัง พูดอย่างเย็นชา “หายาที่สามารถควบคุมได้แล้ว แค่ใช้ระยะยาวก็จะไม่มีปัญหาอะไร”
ฟังเขาพูดขนาดนี้ คุณนายหล่อนจึงค่อยๆวางใจ
เธอพูดช้าๆ “คุณจะให้เที๋ยนเที๋ยนรอต่อไปไม่ได้นะ ถ้าหากถึงเวลาหยุดลง คุณห้ามลังเลคนพวกนั้นของตระกูลจี้อีก”
จี้จิ่งเชินรู้ แต่เขายังกังวลเล็กน้อย
ในช่วงนี้ เขาไม่รู้ว่าตัวเองใช้จิตใจมากแค่ไหน ถึงจะควบคุมตัวเองไม่ให้หาเวินเที๋ยนเที๋ยน
มองเธอกับหมินอันเกอเข้าออกไปด้วยกัน
มองเธอที่ค่อยๆแสดงพรสวรรค์ออกมา ปรากฏตรงหน้าผู้คน
เห็นคนที่นับวันมากขึ้นเรื่องใช้สายตามองไปที่เธอ
คิดถึงครั้งที่แล้วภาพที่เห็นในร้านกาแฟ จี้จิ่งเชินกำมือขึ้นทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งออกมาจากบริษัท จากนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
เธอหยิบมาดู เห็นเป็นเบอร์แปลกที่คุ้นเคย
เบอร์นี้สองสามวันนี้โทรหาเธอแปลกๆ แต่พอรับไป ไม่กี่วิก็วางสายลง
พอหลายครั้ง เวินเที๋ยนเที๋ยนสังเกตเห็นตัวตนของอีกฝ่าย แค่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย
แต่ว่าวันนี้เห็นหลวนจื่อกลับมาจากต่างประเทศเพื่อหมินอันเกอโดยเฉพาะ อีกอย่างพยายามอยากเข้าใกล้หมินอันเกอมากขนาดนั้น ท่าทีของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เปลี่ยน
มองเบอร์บนโทรศัพท์ เวินเที๋ยนเที๋ยนกดรับ
“ฮัลโหล สวัสดี ฉันเวินเที๋ยนเที๋ยนเอง”
เหมือนเดิม อีกฝ่ายไม่พูดอะไร
เวินเที๋ยนเที๋ยนรอสักพักหนึ่ง ตอนที่อีกฝ่ายจะวางสายนั้น ก็พูดทันที “จี้จิ่งเชิน เมื่อไหร่คุณถึงจะพูด?”
เธอพูดจบ อีกฝ่ายก็เงียบลง
ผ่านไปนาน ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดว่าเขาจะวางสายอีกครั้ง เสียงทุ้มๆที่คุ้นเคยก็เข้ามา
“เที๋ยนเที๋ยน”
เขาจริงๆด้วย
เท้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆหยุดลง ตรงหน้าอาคารตระกูลหล่อน วางสายในมือลง