เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 270 อำนาจสูงสุด
บทที่ 270 อำนาจสูงสุด
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งจะรู้จากปากของผู้จัดการหยาง ว่าคนในตระกูลหล่อนจะมาบริษัทด้วยตัวเองน้อยมาก ส่วนมากก็จะเป็นการควบคุมอยู่ไกลๆมากกว่า
เพราะฉะนั้นการมาของเวินเที๋ยนเที๋ยนครั้งนี้ จึงกลายเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในบริษัทหล่อนซือไปโดยปริยาย
ก่อนหน้านี้ คุณนายหล่อนก็เคยออกคำสั่งมาอย่างชัดเจนว่า จะสละอำนาจทั้งหมดให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน
และหลังจากได้รู้ข้อมูลพวกนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งจะเข้าใจ ว่าทำไมทุกคนถึงได้ดูกังวล เมื่อได้เจอเธอ
แม้แต่ผู้จัดการหยางที่อยู่ข้างหน้าของเธอ ก็พูดไปด้วยแล้วเช็ดเหงื่อไปด้วย
พูดไปสักพัก เขาก็นำเอกสารสองสามชุดที่อยู่บนโต๊ะส่งให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน
“นี้เป็นเอกสารที่ต้องจัดการภายในสองสามวันนี้ครับ คุณเวิน ไม่ใช่สิ รองประธานลองดูสิครับ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงนำเอกสารที่อยู่ข้างบนสุดขึ้นมาเปิดดู
อีกฝ่ายก็แนะนำขึ้นมาทันทีด้วยความกระตือรือร้น: “นี้เป็นโครงการสั่งซื้อที่ใหญ่ที่ของบริษัทหล่อนซือเมื่อเร็วๆนี้ครับ จำนวนเงินมากกว่าห้าพันล้าน ”
เมื่อพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็เงยหน้ามองเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วไม่ยอมพูดต่อ
เวินเที๋ยนเที๋ยนดูการกระทำของเขา แล้วถามด้วยความสงสัย: “มีอะไรเหรอ?”
“พวกเราเพิ่งจะได้รับข่าวเมื่อสักครู่เองครับ ว่าจู่ๆบริษัทเอ็มไอกรุ้ปก็ได้เปลี่ยนใจ และจะมาแย่งโครงการนี้กับพวกเราครับ”
พอพูดเสร็จ เขาจึงสังเกตสีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ใครๆก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินไม่ธรรมดา แล้วยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนอีกมากมาย
เมื่อเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ยอมพูดอะไร ผู้จัดการหยางจึงพูดขึ้นมาทันที: “พวกเรากำลังคิดอยู่ว่าจะสละหรือไม่สละโครงการสั่งซื้อนี้……”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนฟังแล้ว รีบส่ายหัวทันที
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจะเป็นคนรับผิดชอบโครงการสั่งซื้อนี้เอง”
เมื่อผู้จัดการหยางได้ยินประโยคนี้ ก็กำลังจะถามคำถามขึ้นมา ทันใดนั้น ก็ได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้นมาอีก: “ฉันไม่มีวันยอมให้จี้จิ่งเชินเอาโครงการสั่งซื้อนี้ไปได้เด็ดขาด”
เขาตะลึงไปสักพัก และมองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความตกใจ ไม่เข้าใจว่าประโยคนี้ของเธอหมายความว่าอะไร
แต่คำพูดของคนตระกูลหล่อนกก็เป็นคำพูดที่คาดการณ์อะไรไม่ได้อยู่แล้ว และเขาก็ไม่กล้าถามมาก ก็เลยทำได้แค่พยักหน้า
“ครับ เดี๋ยวผมจะให้พวกเขาเตรียมเอกสารแล้วรีบนำมาให้ที่ห้องนะครับ”
“รบกวนด้วยนะ”
ผู้จัดการหยางรู้สึกตกใจกับประโยคนี้มาก ตกใจจนสั่นไปทั้งร่าง และเขาก็ค่อยๆเดินออกไปอย่างสั่นเทา
หลายวันผ่านไป เวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆคุ้นชินกับบริษัทมากขึ้น
คนที่ก่อนหน้านี้ชอบตัวสั่นตลอดเมื่ออยู่ต่อหน้าของเธอ เมื่อได้รู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคนง่ายๆ ก็ค่อยๆผ่อนคลายลงและไม่นานก็กลายมาเป็นฝ่ายเดียวกัน
แต่ในเสียงพวกนี้ ก็มีบางคนที่รู้สึกไม่ชอบเวินเที๋ยนเที๋ยนเหมือนกัน
รู้สึกว่าอายุของเธอยังน้อยไป และไม่เคยผ่านการประเมินและการฝึกอบรมอย่างมืออาชีพมาก่อน แต่พอเข้ามาในบริษัทเธอกลับได้อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจสูงสุด
เมื่อเวินเที๋ยนได้ยินข่าวลือพวกนี้ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แฝงไว้ด้วยความกลั่นแกล้ง และทั้งหมดก็เป็นพนักงานเก่าของบริษัท
เวินเที๋ยนเที๋ยนทุ่มเททั้งร่างกายและจิตใจให้กับโครงการที่เขารับผิดชอบอยู่ และไม่ได้ไปสนใจกับความไม่พอใจของพวกเขา
ผ่านไปสองวัน ตัวแทนของทุกบริษัทที่เข้าร่วมโครงการนี้ ก็มารวมตัวกันในห้องสำนักงาน
พวกเขาทั้งหมดมาเพื่องานประมูลครั้งนี้ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า
ผู้ที่จะเป็นเจ้าของโครงการนี้ โดยพื้นฐานแล้วถ้าไม่ใช่ของตระกูลหล่อน ก็เป็นของบริษัทเอ็มไอกรุ้ป
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้ามา ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มานั่งอยู่ในห้องประชุมแล้ว
ทันทีที่เขาเดินเข้ามาถึงในห้อง ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่ร้อนแรง
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมอง ก็เห็นจี้จิ่งเชินนั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอพอดี แล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาเคร่งขรึม
ถึงแม้จะรู้ว่าการเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้เธอจะต้องได้เจอกับจี้จิ่งเชินแน่นอน แต่เมื่อเห็นว่าเขาได้มานั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอจริงๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกกดดันขึ้นมาทันที
เธอเหลือบมองเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันหน้ากลับมาแล้วเดินไป
เมื่อจี้จิ่งเชินเห็นว่าเธอได้เข้าไปอยู่ในบริษัทหล่อนซือจริงๆ สายตาของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาและดูมืดลึกราวกับสระน้ำเย็น
เขารู้มาตลอด ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ชอบงานแบบนี้ งานอดิเรกของเธอเกือบทั้งหมดเกี่ยวกับการบูรณะโบราณวัตถุ
ทั้งๆที่ตัวเองไม่ชอบ แต่ก็ยังฝืนใจตัวเองอย่างนั้นเหรอ?
จี้จิ่งเชินพบว่า นี้เป็นครั้งแรกที่ตัวเองดูไม่ออกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิดอะไรอยู่
แต่คนที่นั่งอยู่ข้างของเขาอย่างจี้ยี่หยัน บนใบหน้าของเขากลับปรากฏสายตาที่มีความชื่นชมออกมา
สายตาของเขามองอยู่ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนตลอด ในสายตาของเขามีความโลภอยู่ในนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินตรงไปที่ที่นั่งของเธอ โดยไม่ได้หันไปมองใคร
เมื่อผู้จัดงานพบว่าทุกคนมากันครบแล้ว จากนั้นเขาก็ค่อยเริ่มประกาศเปิดโครงการนี้
“กิจกรรมครั้งนี้จะต่างจากครั้งก่อนๆนะครับ อีกสักพักขอเชิญทุกท่านมาบรรยายแผนงานของตัวเอง พวกเราจะอ้างอิงตามที่พวกเราต้องการ แล้วจะเลือกเพียงแค่หนึ่งบริษัทมาทำงานร่วมกันกับเรา”
พูดเสร็จ เขาก็ชี้ไปที่บริษัทเอ็มไอกรุ้ป
“งั้นก็เริ่มจากพวกคุณเลยแล้วกันครับ”
เมื่อพูดเสร็จ จี้ยี่หยันก็มีสีหน้าที่มั่นใจมาก เขาจึงลุกจากที่นั่งและเดินขึ้นไปบนเวที
โครงการในครั้งนี้เป็นการร่วมมือกับแวดวงการเมือง และในช่วงตรุษจีนของแต่ละปี ก็จะมีกิจกรรมที่แตกต่างกันไป
โครงการนี้ไม่ได้กำหนดแน่นอน แต่ไม่ว่าจะเป็นขอบข่ายหรือความแข็งแกร่ง ทั้งหมดก็คือชั้นแนวหน้าแล้ว
ที่ผ่านมาโครงการแบบนี้ ล้วนแต่เป็นตระกูลหล่อนที่ได้ไป
พื้นหลังของตระกูลหล่อน สามารถทำให้พวกเขาไม่ถูกทำลายง่ายๆ และก็สามารถทำให้พวกเขาดูโดดเด่นในโครงการนี้ได้
แต่นั้นคือเมื่อก่อน และตอนนี้ก็ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เพราะฉะนั้นตัวแปรที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้ ก็คือบริษัทเอ็มไอกรุ้ป
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจมาก กับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา
คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ทั้งสองคนนี้จะยืนอยู่คนละฝั่งกัน
ในขณะที่กำลังคิดอยู่ จี้ยี่หยันก็ได้เริ่มการบรรยายของตัวเองทันที
แผนงานในครั้งนี้เขาเป็นคนนำคนมาจัดเตรียมด้วยตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงจี้จิ่งเชินและแยกอิทธิพลของตัวเองในบริษัท
ถึงแม้บริษัทเอ็มไอกรุ้ปจะแข็งแกร่งพอ แต่ไม่มีวิธีที่จะสามารถปะทะซึ่งๆหน้ากันกับบริษัทหล่อนซือได้
และแผนงานปัจจุบันของพวกเขา ก็เหมือนกับแผนงานที่จี้จิ่งเชินเคยรวบรวมไว้จากบริษัทจี้ซือ ราวกับแย่งโอกาสในการร่วมมือของบริษัทหล่อนซือไปได้อย่างง่ายดายและขาวสะอาด
จี้จิ่งเชินเปิดเครื่องบรรยาย แล้วนำแผนการบรรยายที่ตัวเองเตรียมไว้ออกมา โดยไม่ได้เร่งรีบหรือชักช้า แต่ดูมีระเบียบแบบแผน
ถึงแม้แผนงานที่เขานำเสนอจะมีความอนุรักษนิยมเล็กน้อย แต่เป็นการตอบสนองความต้องการของแวดวงการเมืองอย่างแท้จริง
และกิจกรรมสิบกว่าครั้งที่ผ่านมา เขาจะปิดเป็นความลับทุกครั้ง และผลลัพธ์ของครั้งนี้ก็ได้ผ่านการสำรวจมาแล้วเรียบร้อย
แผนงานของเขาได้ทำไว้สมบูรณ์แบบมาก หลังจากเขาพูดเสร็จ ก็มีเจ้าหน้าที่หลายคนที่รับผิดชอบกิจกรรมนี้พยักหน้าซ้ำๆหลายที
จี้ยี่หยันเดินลงมาอย่างพอใจ และคิดว่ากิจกรรมในครั้งนี้ได้ตกมาอยู่ในเงื้อมมือของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่กลับไม่เห็นอีกฝ่ายนั่งอยู่ในที่ของตัวเอง
ถัดมาก็มีหลายๆบริษัทผลัดกันขึ้นไปบรรยายแผนงานของตัวเอง ถึงแม้จะไม่ได้ผิด แต่หลังจากจี้ยี่หยันบรรยายเสร็จ ก็ดูเหมือนจะด้อยกว่านิดหน่อย
จนท้ายที่สุด ก็วนมาถึงตระกูลหล่อน
จริงๆแล้วการขึ้นเวทีเป็นกลุ่มสุดท้าย มันไม่ใช่ข้อได้เปรียบเลย
ผู้จัดการหยางพูดด้วยความกังวล: “คุณเวินครับ คุณจะขึ้นไปบรรยายเองจริงๆเหรอครับ?”
นี่เป็นโครงการแรกของเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วถ้าไม่สำเร็จ เขากังวลว่าเธอจะผิดหวัง
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับส่ายหัว
และเธอก็หยิบเอกสารขึ้นมา แล้วเดินขึ้นไปบนเวที
สายตาของทุกคนมองอยู่ที่ร่างของเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่บนเวที และหันมองไปรอบๆ แล้วนำเอกสารที่อยู่ในมือวางลง
“สวัสดีค่ะทุกคน ฉันคือเวินเที๋ยนเที๋ยนจากบริษัทหล่อนซือค่ะ”
พูดเสร็จ เธอก็เปิดสไลด์ที่อยู่ข้างหลังของเธอ
“นี้คือแผนงานของพวกเราในครั้งนี้ค่ะ”