เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 265 ทำไมไม่บอกฉัน
บทที่ 265 ทำไมไม่บอกฉัน
อีกวันหนึ่ง หมินอันเกอก็มาที่บริษัทเอ็มไปกรุ้ป และได้เจอกับจี้จิ่งเชิน
เขายืนอยู่ในห้องทำงานของท่านประธาน แต่เมื่อเขาเห็นเจียงหยู่เทียนยืนอยู่ข้างๆของจี้จิ่งเชิน ก็ขมวดคิ้วทันที และก็เพิ่งเข้าใจ ว่าทำไมอารมณ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้หม่นหมองขนาดนั้น
“จี้จิ่งเชิน นี่นายบ้าไปแล้วเหรอ?”
จี้จิ่งเชินหันไปมองเขาแล้วพูด: “นายกลับมาแล้วเหรอ?”
“ตอนแรกฉันกลับมาเพื่อจะมาร่วมงานแต่งของนายกับเที๋ยนเที๋ยน แต่ดูจากตอนนี้ เหมือนฉันไม่ต้องร่วมแล้วมั้ง”
เมื่อนึกถึงท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ได้เจอเมื่อวาน หมินอันเกอก็รู้สึกไม่คุ้มค่าแทนเธอ
จี้จิ่งเชินจึงส่ายมือไปมาเพื่อให้เจียงหยู่เทียนออกไป
เจียงหยู่เทียนยังไม่ยอมออกไป แต่เมื่อเห็นท่าทีที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของจี้จิ่งเชิน เธอจึงพยักหน้า
“จิ่งเชิน ฉันจะรออยู่ข้างนอกนะคะ”
พูดเสร็จ เธอก็หมุนตัวแล้วเดินออกไป
และตอนเดินผ่านหมินอันเกอ เธอก็ได้หันไปมองเขาแล้วยิ้มให้
หมินอันเกอกลับรู้สึกรังเกียจจนต้องขมวดคิ้ว
เมื่อรอจนเธอเดินออกไปแล้ว เขาจึงพูดขึ้นมา: “นายกำลังทำบ้าอะไรอยู่? หรือว่าอาการป่วยของนายยังไม่หายดี?”
จี้จิ่งเชินพูดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด: “นายไปหาเที๋ยนเที๋ยนมาอย่างนั้นเหรอ? เธอเป็นยังไงบ้าง?”
หมินอันเกอสังเกตท่าทีของเขาแล้วยิ้มออกมา
“นายยังรู้จักเป็นห่วงเธอด้วยเหรอ? ฉันแค่อยากจะรู้ ถ้าหากนายไม่ได้ชอบเที๋ยนเที๋ยนแล้ว นายก็บอกเธอไปตรงๆสิ อย่าทำให้เธอต้องรอนาย!”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วจนเห็นชัดเป็นรอยพับ
“นี้เป็นเรื่องของพวกฉัน นายไม่ต้องมายุ่ง”
หมินอันเกอเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงข้ามโต๊ะทำงาน
“นายในตอนนี้ ไม่เหมือนกับคนที่เคยยอมขัดขวางเครื่องบินลำหนึ่งเพื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเลยสักนิด นายรู้ตัวไหมว่าตอนนี้นายทำอะไรอยู่? ”
จี้จิ่งเชินหันหน้าหนี เพื่อหลบสายตาของเขา
“สักวันพวกนายจะเข้าใจเอง”
เมื่อเห็นท่าทีแบบนี้ของเขา หมินอันเกอก็ทำได้แค่พยักหน้า
“ได้ แล้วนายคิดจะบอกปัญหาของนายกับทุกคนเมื่อไหร่? ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่านายทำเรื่องโง่ๆแบบนี้ เพื่ออะไรกันแน่!”
จี้จิ่งเชินไม่ได้อธิบายอะไร แต่กลับเดินไปที่หน้าต่างแล้วก้มหน้ามองบรรยากาศข้างล่างตึก
เมื่อหมินอันเกอเห็นว่าถามยังไงเขาก็ไม่ยอมพูดออกมา จึงได้พูดไปตรงๆ: “ที่ฉันมาวันนี้ เพราะอยากชวนนายออกไปกินข้าวด้วยกัน”
“เที๋ยนเที๋ยนเป็นคนให้นายมาใช่ไหม?”จี้จิ่งเชินถามออกไปตรงๆ
หมินอันเกอไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับเดินเข้าไปข้างหน้า
เมื่อวานเขารับปากเวินเที๋ยนเที๋ยนไปแล้ว ว่าจะพาจี้จิ่งเชินไปหาเธอให้ได้ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ผิดสัญญากับเธอเด็ดขาด
เขาคว้าแขนของจี้จิ่งเชินไว้ และดึงแขนของจี้จิ่งเชิน
“ไป!”
คิ้วของจี้จิ่งเชินขมวดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ฉันจะไม่ไป”
“นายไม่อยากไปก็ต้องไป!”
เขากับจี้จิ่งเชินเริ่มมีการดึงแขนกันเกิดขึ้น
แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ขยับเขยื้อนใดๆ
หมินอันเกอโกรธจนกัดฟันแน่น จึงได้ต่อยไปที่หน้าของเขาหนึ่งหมัด
จี้จิ่งเชินโดนเขาต่อยจนต้องถอยไปหนึ่งก้าว และพิงอยู่ตรงกระจก
เขามองหมินอันเกอที่อยู่ตรงหน้า โดยไม่ได้ต่อยคืน
หมินอันเกอเข้าไปคว้าคอเสื้อของเขาไว้
“จี้จิ่งเชิน! นายรู้ตัวไหมว่าตอนนี้นายทำอะไรอยู่?”
“ทำไมฉันจะไม่รู้”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว และสะบัดมือของเขาออก
เมื่อมีเสียงดังออกมาจากข้างใน ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกทันที แล้วก็มีเจียงหยู่เทียนกับจงหลีที่ยืนอยู่ข้างนอก
“ประธานจี้ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?”
จี้จิ่งเชินยืนตัวตรง และชี้นิ้วไปที่หมินอันเกอ แล้วพูด: “นำตัวเขาออกไป และต่อไปอย่าให้เขาเข้ามาที่บริษัทอีก”
เมื่อหมินอันเกอได้ยินคำพูดนี้ เขาก็คิดที่จะพุ่งเข้าไปจับจี้จิ่งเชิน แล้วดึงจี้จิ่งเชินออกไปเลย
แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ ก็มีรปภ.สองสามคนเข้ามาจับแขนซ้ายขวาของเขาไว้
หมินอันเกอถูกพวกเขาลากออกไปข้างนอก แต่เขาก็ยังไม่ละความพยายาม
“จี้จิ่งเชิน เที๋ยนเที๋ยนรอนายอยู่ที่ร้านแซนเดียคาเฟ่!”
จี้จิ่งเชินยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ยอมพูดจา สายตามองลึกไปที่เขา แต่กลับมองไม่เห็นอารมณ์อะไรในสายตานั้น
จนเมื่อหมินอันเกอถูกลากออกไปแล้ว และประตูห้องทำงานก็ถูกปิดอีกครั้ง
เจียงหยู่เทียนจึงเดินมาที่ข้างๆของจี้จิ่งเชิน
“ถ้าคุณไม่ไป คุณไม่กลัวจะทำเธอเสียใจเหรอ?”
แค่ประโยคเดียว ก็ทำให้จี้จิ่งเชินหันกลับมาทันที และมองเธอด้วยสายตาอาฆาต
ราวกับต้องการจะเฉือนเนื้อสดๆออกมาจากร่างของเธอ
เจียงหยู่เทียนถูกสายตาของเขามองจนรู้สึกเย็นไปทั้งตัว
“คุณมองฉันทำไม? คุณเป็นคนตกลงทำตามเงื่อนไขเองนะ”
จี้จิ่งเชินกัดฟันแน่น และสองมือที่ตกอยู่ข้างลำตัวก็กำหมัดไว้แน่นเหมือนกัน
“ถ้าเรื่องนี้จบเมื่อไหร่ ต้องเอาของทุกอย่างมาให้ฉัน”
“แน่นอน แต่คุณจะประกาศข่าวออกไปเมื่อไหร่?”
สายตาของจี้จิ่งเชินยิ่งดูดุร้ายขึ้นไปอีก ผ่านไปสักพัก จึงค่อยพูดขึ้น: “ตอนนี้”
เจียงหยู่เทียนมองดูท่าทีของจี้จิ่งเชิน จริงๆแล้วเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ว่าจี้ยี่หยันเอาของอะไรมาบังคับจี้จิ่งเชินกันแน่ ทำไมเขาถึงได้เชื่อฟังขนาดนี้?
แต่ไม่ว่าเธอจะถามยังไง อีกฝ่ายก็ไม่ยอมบอกเธอ
หลังจากคิดอยู่นานแต่ก็หาเบาะแสไม่เจอ เจียงหยู่เทียนจึงได้ยอมแพ้ในที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นของอะไร ขอแค่ให้ตัวเองชนะ แค่นี้ก็พอแล้ว
อีกด้านหนึ่ง หมินอันเกอถูกคนโยนออกจากบริษัทเอ็มไอกรุ้ปอย่างกระเซอะกระเซิง
แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมท่าทางของจี้จิ่งเชินถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้?
เมื่อผ่านลานกว้าง ก็มาถึงร้านแซนเดียคาเฟ่ที่อยู่ข้างๆบริษัท
เมื่อเดินเข้าไป เขาก็เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งอยู่ในร้าน และหันมามองทางประตูไม่หยุด
แค่มองเห็นหมินอันเกอ เธอก็รีบมองไปข้างหลังของเขาทันที
แต่เมื่อไม่เห็นจี้จิ่งเชิน สายตาของเธอก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง
“เขาไม่ยอมมาใช่ไหม?”
หมินอันเกอมองไปที่เธอแล้วพูด: “ขอโทษ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัว
“เขาอาจจะไม่อยากเจอฉันจริงๆแล้วก็ได้”
เมื่อหมินอันเกอนึกถึงเมื่อสักครู่ที่เขาคุยกับจี้จิ่งเชิน เขารู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ
ถ้าดูจากท่าทีของจี้จิ่งเชิน เขาไม่น่าจะไม่รู้สึกอะไรกับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว
และเรื่องที่แปลกที่สุดคือ ตอนที่ตัวเองต่อยเขาไป แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรสักอย่าง
เขามองไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วพูด: “เธอไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนฝืนใจยิ้มออกมา ถึงแม้มันจะเป็นยิ้มที่ดูไม่ได้ก็ตาม
ตอนนี้จี้จิ่งเชินแม้แต่หน้าเธอเขายังไม่อยากเจอเลย แล้วต้องทำยังไงถึงจะรู้เรื่องได้ล่ะ?
หมินอันเกอแค่มองก็รู้สึกปวดใจ เขาจึงยื่นมือออกไปและว่างลงบนหลังมือของเธอ
“ไม่ต้องเศร้านะ”
เขาพูดขึ้นมาเบาๆ: “เมื่อก่อนตอนที่อยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือกลัวเธอร้องไห้ แต่เธอก็จะถูกเจียงหยู่เทียนแกล้งจนร้องไห้ขี้มูกโป่งทุกครั้ง แล้วฉันก็จะเอาลูกกวาดที่เขาแจกหลังอาหารเที่ยง มาปลอบเธอทุกที”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟังประโยคนี้ เธอก็ตกใจแล้วเงยหน้าขึ้น
“ลูกกวาดที่อยู่ในลิ้นชักของฉัน พี่เป็นคนไปวางไว้เหรอ?”
หมินอันเกอพูดด้วยรอยยิ้ม: “ถ้าไม่ใช่ฉัน แล้วเป็นลิ้นชักที่เสกออกมาเองอย่างงั้นเหรอ?”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟังคำพูดที่ดูเป็นเรื่องใหญ่ของเขา เธอก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“พี่เอาลูกกวาดให้ฉัน แล้วพี่กินอะไรล่ะ?”
หมินอันเกอพูดออกมาแบบไม่ได้ถือสาอะไร: “ก็กลัวเธอร้องไห้ไง แค่เธอไม่ร้องไห้ ฉันก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
และเมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่เขา เธอก็รู้สึกเจ็บในใจขึ้นมาเล็กน้อย
เธอยังจำได้ ว่าเคยมีคนเอาลูกกวาดมาวางในลิ้นชักของเธอทุกวันเป็นเวลานานหนึ่งปี
แต่หมินอันเกอกลับไม่เคยบอกเธอเลย
“แล้วทำไมพี่ไม่บอกฉันล่ะ?”
หมินอันเกอยิ้มแล้วพูด: “เดิมทีก็คิดจะบอกนะ แต่วันที่ฉันออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอป่วยพอดี”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความตกใจ
“ขอโทษนะ……”
“มันไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย”
ไม่รู้ว่าหมินอันเกอนึกอะไรออกกันแน่ เขาจึงได้ยิ้มแล้วพูด: “แต่เธอไม่รู้แน่นอน ว่าวันนั้นฉันได้ไปหาเธอด้วย เธอนอนอยู่บนเตียง และพอเธอจามทีหนึ่งนะ น้ำมูกก็โป่งเป็นลูกโตเท่านี้……”
เขาพูดไปด้วย และยกมือทำท่าทางไปด้วย
ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนแดงขึ้นมา
“พี่หมิน!”
เมื่อหมินอันเกอเห็นท่าทางของเธอ เขาก็หัวเราะออกมาดังๆ
นอกร้านกาแฟ จี้จิ่งเชินกำลังยืนมองทั้งสองคนที่เล่นหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ด้วยใบหน้าที่เย็นชา
เจียงหยู่เทียนก็ยืนอยู่ข้างๆเขา เธอก็ได้มองเข้าไปดูคนที่อยู่ภายในแวบหนึ่ง
เธอยิ้มแล้วพูด: “ประธานจี้ ได้เวลาแล้วค่ะ”