เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 264 ฉันไม่อยากให้เธอเศร้านะ
บทที่ 264 ฉันไม่อยากให้เธอเศร้านะ
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นการกระทำของเขา เท้าที่กำลังก้าวอยู่ก็หยุดลงทันที และแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ
อารมณ์บนใบหน้าของเธอเริ่มไม่ดีในทันที เธอไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของเจียงหยู่เทียน
หลังจากที่ทั้งสองคนจัดระเบียบเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เดินเข้าไปในบริษัท
เจียงหยู่เทียนเพิ่งจะเดินได้แค่สองก้าว ก็รับรู้ได้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่นี่ เธอจึงหันหน้าไปมองทางที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่
เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเธอจึงยิ้มอย่างภูมิใจ และเดินเข้าไปในบริษัทพร้อมกับจี้จิ่งเชิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงยืนอยู่ที่เดิน เธอลืมการกระทำของตัวเองไปหมด
เมื่อท้องฟ้ามืดลงเรื่อยๆ
ไฟข้างทางก็สว่างขึ้น และสาดส่องมาที่ร่างกายของเธอ ทำให้เห็นเงาร่างของเธอ ที่แปะอยู่บนพื้น
เวลาผ่านไปนานมากราวกับหนึ่งศตวรรษ เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
และก็เธอค่อยๆนั่งลง ในใจกลับรู้สึกชาไปหมด
“ทำไม?”
เธอไม่เข้าใจว่าจี้จิ่งเชินเป็นอะไรกันแน่?
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่พนักงานที่อยู่ในตึกต่างกลับกันหมด
สองมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนเย็นเฉียบ จนแทบไม่มีความรู้สึก
เธอเพิ่งจะเดินได้เพียงก้าวเดียว ร่างกายก็เหมือนแข็งไปทั้งตัว
เมื่อตกกลางคืน ก็มีหิมะที่ลอยลงมาจากท้องฟ้าช้าๆ แล้วปลิวว่อนไปทั่ว
และเมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนยื่นมือออกไป เกล็ดหิมะตกใส่ฝ่ามือของเธอ แต่หิมะกลับละลายและกลายเป็นน้ำทันที
เธอเงยหน้าขึ้น และมองไปที่ชั้นบนสุดของตึกใหญ่
ราวกับว่าถ้าทำแบบนี้ เธอจะสามารถมองเห็นร่างของจี้จิ่งเชิน แต่เธอกลับไม่เห็นอะไรเลย
หิมะตกใส่ร่างของเธอไม่หยุด ทำให้เธอรู้สึกเย็นไปทั้งร่าง
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเดินไปที่รถที่จอดอยู่ และเข้าไปนั่ง
เมื่อคนขับรถมองจากกระจกมองหลัง ก็เห็นว่าใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่โดนความเย็นจนขาวซีดไปหมด จึงเริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อย
“คุณเวิน จะกลับบ้านแล้วใช่ไหมครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามาก
“กลับกันเถอะ”
คนขับรถมองเธอด้วยความเป็นห่วง แล้วรีบเคลื่อนรถไปทางตระกูลหล่อนทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งอยู่บนรถ และก็หันหน้าไปมองบรรยากาศที่อยู่นอกหน้าต่าง
แต่ในหัว กลับมีภาพของเจียงหยู่เทียนที่ช่วยจี้จิ่งเชินจัดระเบียบคอเสื้อเข้ามาไม่หยุด
รอยแผลบนใบหน้าของเจียงหยู่เทียนดีขึ้นมากแล้ว ถ้าอยู่ในระยะไกล เธอแทบจะมองไม่เห็นรอยแผลเป็นนั้น
แต่เมื่อทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน กลับดูเหมาะสมกันอย่างบอกไม่ถูก……
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกเหมือนมีเข็มมาทิ่มแทงในใจ
ทั้งๆที่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ จี้จิ่งเชินเพิ่งจะของเธอแต่งงานไป
ทำไมไม่ได้เจอแค่คืนเดียว เขาถึงได้เปลี่ยนเป็นแบบนี้ไปได้นะ?
บรรยากาศภายนอกหน้าต่างถูกเลื่อนไปข้างหลังอย่างไม่ยอมหยุด เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งมองอยู่สักพัก ก็เริ่มรู้สึกว่าตาของเธอนั้นทั้งล้าและทั้งปวด
เธอหลับตาลง และพยายามลบภาพที่อยู่ในหัวออกไป
เธอต้องหาเวลาคุยกับจี้จิ่งเชินดีๆ และถามเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เพราะเธอเชื่อใจจี้จิ่งเชิน
ในขณะที่กำลังคิดอยู่ รถก็มาถึงหน้าประตูของตระกูลหล่อนแล้ว
เธอเงยหน้าขึ้นมองที่ประตูบ้านของตระกูลหล่อน ก็เห็นเป็นร่างของคนใส่เสื้อสีขาวคนหนึ่ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นนั่งดีๆแล้วมองดูอีกครั้ง ก็พบว่าคนคนนั้นกลับไม่ใช่พ่อบ้านฉวีผิง
ไฟถนนหน้าประตูสาดส่องใส่ร่างของเขา ร่างทั้งร่างดูอ่อนโยนราวกับหยก เงาของเขาราวกับเป็นภาพเงาที่ดูสะอาดและเรียบร้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกตะลึงทันที เมื่อนึกออกว่าคนคนนั้นคือใคร
“พี่หมิน?”
ตั้งแต่คราวที่แล้วที่เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกจี้จิ่งเชินพาออกจากสนามบินอย่างบีบบังคับ หมินอันเกอก็ไม่ได้กลับมาอีก แต่กลับไปอยู่ที่ฝรั่งเศส
และในช่วงเวลานี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่ได้ติดต่อกับเขาเลย
แต่ไม่คิดมาก่อนว่า ตอนนี้เขาจะกลับมาแล้ว
และในขณะนั้นเอง ก็เหมือนหมินอันเกอจะมองเห็นรถของเธอ สายตาของเขามองตรงไปทางเธอ ราวกับเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังรถ
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนลงจากรถ หมินอันเกอก็ค่อยๆยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นเธอ
เขาใส่เสื้อแจ็คเก็ตขนอ่อนสีขาว ส่วนผมก็ยาวขึ้นเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเขารอมานานเท่าไหร่แล้ว บนผมกับเสื้อผ้าถึงได้เต็มไปด้วยหิมะขนาดนี้
“เที๋ยนเที๋ยน”เขาเรียกชื่อเธอเบาๆ
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้เจอเขา เธอก็พบว่าตัวเองไม่สามารถโกรธหมินอันเกอได้อีกแล้ว
“พี่หมิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ แล้วพี่ทำไมไม่เข้าไปล่ะคะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหมินอันเกอลึกขึ้นเล็กน้อย แล้วพูด: “ฉันกลัวว่าเธอไม่อยากเจอฉัน แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกันจริงๆ”
เขาลดสายตาลงเล็กน้อย และเก็บซ่อนความรู้สึกสูญเสียในดวงตาไว้
เขารู้มาตลอด เพราะเวินเที๋ยนเที๋ยนเคยพูดกับเขาตอนอยู่บนเครื่องบิน
เธอพูดว่าจะเกลียดเขาไปตลอดชีวิต
เขากลัว จนแทบไม่กล้ามองหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัวเล็กน้อย
“ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่มีวันโทษพี่หมินหรอกค่ะ”
บริเวณรอบๆเงียบสงัด มีแค่เสียงหิมะที่ตกลงบนพื้น
หมินอันเกอเงียบไปสักพัก แล้วพูดออกมาเบาๆ: “ฉันได้ยินมาว่าเธอกำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันก็เลยอยากกลับมาเจอหน้าเธอสักหน่อย”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินประโยคนี้ เธอกลับรู้สึกวุ่นวายใจขึ้นมาทันที
เธอยิ้มอย่างเจื่อนๆ
“เหรอคะ……”
หมินอันเกอไม่รู้ว่าช่วงนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
ตอนเขาอยู่เมืองนอก เขาได้เห็นพิธีขอแต่งงานของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชิน เขาใช้เวลาคิดอยู่นาน กว่าจะตัดสินใจกลับมา
เขามองไปทางที่รถจอดอยู่ แล้วพูด: “แล้วจี้จิ่งเชินล่ะ?”
พอพูดเสร็จ เขาก็หัวเราะเยาะใส่ตัวเอง
“ไม่รู้ว่าถ้าเขาเห็นฉัน เขาจะโกรธหรือเปล่า?”
“น่าจะไม่หรอกค่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูด
เมื่อหมินอันเกอจับอารมณ์ของน้ำเสียงเธอได้ เขาจึงมองเธอด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับจี้จิ่งเชินหรือเปล่า?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัว “ไม่มีค่ะ”
พูดเสร็จ เธอก็เงยหน้าขึ้นมองหมินอันเกอแล้วยิ้มให้เขา
“พี่หมิน ข้างนอกมันเย็นเกินไป พวกเราเข้าไปนั่งพักข้างในเถอะค่ะ ถ้าคุณนายหล่อนได้รู้ว่าพี่กลับมาแล้ว คุณนายต้องดีใจมากแน่เลย ”
เมื่อหมินอันเกอได้มองหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็พูดคำพูดปฏิเสธไม่ออก
“ครับ”
ตอนที่ทั้งสองคนเดินเข้าไปข้างใน ก็เห็นคุณนายหล่อนกับเวินหงหยู้นั่งรออยู่ในห้องรับแขกแล้ว เพราะเขาทั้งสองคนได้รู้ก่อนหน้านี้แล้วว่าหมินอันเกอกลับมา
หมินอันเกอเดินเข้าไปหา และก้มหัวให้กับทั้งสองคน
“สวัสดีตอนเย็นครับ”
คุณนายหล่อนพูดด้วยรอยยิ้ม: “หมินอันเกอไปอยู่ฝรั่งเศสมาเป็นยังไงบ้างจ้ะ?”
“ดีทุกอย่างเลยครับ และครั้งนี้ที่ผมกลับมา ก็เพื่อจะมาร่วมงานแต่งของเที๋ยนเที๋ยนนี้แหละครับ”
เมื่อได้ฟังประโยคนี้ คุณนายหล่อนก็หันไปมองที่เวินเที๋ยนเที๋ยนทันที
แม้แต่เธอก็ยังดูออก ว่าความรู้สึกของหมินอันเกอที่มีต่อเวินเที๋ยนเที๋ยนมันลึกซึ้งแค่ไหน
และในตอนแรกก็เป็นเพราะเหตุนี้ เธอจึงได้ยอมให้หมินอันเกอพาเวินเที๋ยนเที๋ยนไป
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ สิ่งที่เธอช่วยกลับไม่เป็นประโยชน์
แต่ตอนนี้หมินอันเกอยอมถอยมาหนึ่งก้าว ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
ทั้งสามคนพูดคุยกันสนุกสนาน แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยอารมณ์ที่หม่นหมอง
หมินอันเกอมองอารมณ์ของเธอไว้ในตาของเขา ผ่านไปสักพัก เขาก็ยืนขึ้นและขอลากลับ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินมาส่งเขาที่หน้าประตู หมินอันเกอจึงถามออกไป: “เกิดอะไรขึ้นกับเธอและจี้จิ่งเชินหรือเปล่า?”
เธอก้มหน้า
“ไม่มีอะไร…..”
“เที๋ยนเที๋ยน” หมินอันเกอถอนหายใจออกมา “เธอโกหกไม่เป็นตั้งแต่เด็กแล้วนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายก็พูดขึ้นมา: “พี่หมิน พี่ช่วยฉันเรื่องหนึ่งได้ไหม?”
“เรื่องอะไร?”
“พี่นัดจี้จิ่งเชินออกมาให้หน่อย ฉันอยากคุยกับเขา”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หมินอันเกอก็มองเธอด้วยความตกใจ
“เธอกับเขา……”
เมื่อเห็นสีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาจึงเลือกที่จะไม่พูดออกมา และพูดแค่ว่า: “ได้สิ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็มีรอยยิ้มขึ้นมาทันที
“ขอบคุณพี่มากนะคะ พี่หมิน”
หมินอันเกอพูดด้วยรอยยิ้ม: “เธออุตส่าห์เรียกฉันว่าพี่ และเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องที่พี่คนหนึ่งควรจะต้องทำอยู่แล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมองเขา และรอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างขึ้นเล็กน้อย
ท่ามกลางแสงจากหลอดไฟ หมินอันเกอมองคนที่อยู่ตรงหน้าของเขา ราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป
เขายื่นมือออกไป และดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนมากอดไว้แน่น
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะขัดขืน แต่ก็มีเสียงของหมินอันเกอดังขึ้นมา
“เที๋ยนเที๋ยน ฉันไม่อยากให้เธอเศร้านะ”