เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 256 รับซื้อ
บทที่256 รับซื้อ
การกลับมาของจี้จิ่งเชินนั้น ทำให้บริษัทจี้ซือและบริษัทเอ็มไอกรุ้ปเข้าสู่ภาวะการโต้แย้งกันขั้นรุนแรงในทันที
คนที่รอโอกาสซ้ำเติมก่อนหน้านี้ ได้บริษัทที่ได้เปรียบจากมือของบริษัทเอ็มไอกรุ้ป เวลานี้ต่างก็ค่อยๆหันกลับมา แล้วหลบซ่อนไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะ
กลัวว่าจี้จิ่งเชินฟื้นแล้วจะมาคิดบัญชีกับพวกเขา
ถึงตอนนั้นแม้จะไม่ตายแต่ก็คงจะถูกถลกหนังไปเช่นกัน
ทุกคนต่างก็พากันจับตาดูการเคลื่อนไหวของการขัดแย้งกันระหว่างจี้จิ่งเชินและบริษัทจี้ซือ
เพียงแต่ผ่านไปไม่กี่วัน ก็มีเรื่องกระทบกระทั่งกันทางธุรกิจเกิดขึ้นมา
หลังจากที่จี้จิ่งเชินกลับมาแล้วนั้น งานส่วนใหญ่ของบริษัทล้วนแต่ถูกดึงกลับมาทั้งสิ้น
แม้แต่โครงการที่กำลังเจรจากับบริษัทจี้ซือนั้น ก็ถูกแย่งมาด้วยเช่นกัน
ในช่วงระยะเวลาสั้นๆเพียงครึ่งเดือน บริษัทจี้ซือก็ถูกกดขี่อย่างรุนแรง
เนื่องจากว่าถูกปฏิเสธความร่วมมือที่เคยเจรจาไปก่อนหน้านี้แล้ว การเตรียมตัวของพวกเขานั้นจึงเป็นการสูญสิ้นทุกอย่างที่เคยพยายามเอาไว้ไปทั้งหมด เงินที่ลงทุนไปก็ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ด้วยเช่นกัน
และไม่นานก็ประสบพบเจอกับการขาดแคลนเงินทุน แม้กระทั่งการดำเนินงานพื้นฐานของบริษัทก็พบกับความยากลำบากด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ ทั้งบริษัทจี้ซือนั้นกำลังจะเผชิญกับอุปสรรคที่กำลังจะมาถึง
และเนื่องด้วยความผิดพลาดติดต่อกันหลายครั้งของจี้ยี่หยัน ทำให้จี้หยวนวู่รู้สึกไม่พอใจมากขึ้น และเริ่มที่จะควบคุมอำนาจใหม่อีกครั้ง
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะกลับมาแล้ว ก็ไม่ได้มีส่วนช่วยใดๆอยู่แล้ว
ห้าปีก่อน เขาก็พ่ายแพ้ให้กับจี้จิ่งเชินไปแล้ว
หลังจากนั้นอีกห้าปีก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
ถึงแม้จะมีการร่วมแรงร่วมใจกันทั้งสองคน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์ของบริษัทจี้ซือในเวลานี้ได้เลย
ผ่านไปอีกสองเดือน เงินทุนของบริษัทจี้ซือประสบภาวะการขาดแคลนขั้นรุนแรง แม้แต่เงินเดือนของพนักงานในบริษัทยังไม่สามารถจ่ายให้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดได้เลยเสียด้วยซ้ำ เต็มไปด้วยเสียงร้องเรียนต่างๆนานา
ทุกคนต่างพากันทำนายว่าบริษัทจี้ซือนี้กำลังจะปิดตัวลงแล้ว
จี้ยี่หยันและจี้หยวนวู่ไม่ยอมวางมือง่ายๆ ยังคงจับโอกาสสุดท้ายเอาไว้ อยากที่จะกู้เงินจากธนาคารเอามาหมุนเงินทุน
แต่ตอนนี้ พวกเขาถึงได้พบว่า ไม่มีธนาคารหรือธุรกิจเอกชนที่ไหนยอมช่วยพวกเขาเลย
ราวกับว่าทุกคนนัดกันเอาไว้แล้วอย่างไรอย่างนั้น
ตอนนี้เองที่จี้หยวนวู่ได้เข้าใจขึ้นมาแล้ว ที่จี้จิ่งเชินยอมไปโรงพยาบาลตามสถานการณ์ก่อนหน้านี้นั้น เขาตั้งใจที่จะทำให้เขาผ่อนคลายไม่ทันได้ระวังตัว แต่จริงๆแล้วมีคนคอยดำเนินแผนพวกนี้ไว้อยู่ตลอด
ใครก็ดูสถานการณ์ในตอนนี้ออก จากนิสัยของจี้จิ่งเชิน จะต้องไม่เก็บพวกเขาไว้อย่างแน่นอน
นึกถึงตระกูลเจี่ยงในตอนนั้นแล้วก็เป็นกรณีตัวอย่างได้ดีที่สุด
ใครจะกล้าแทรกแซง?
ห้าปีก่อนไม่กล้า ห้าปีต่อมาก็ยังคงไม่กล้าเช่นกัน
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีเงินทุนมาช่วยเหลือนั้น บริษัทสาขาย่อยที่อยู่ภายใต้ชื่อของบริษัทจี้ซือ ต่างก็ทยอยประกาศล้มละลายกันแล้ว
เวลาไม่ถึงสองวัน ก็ถูกจี้จิ่งเชินรับซื้อมาในราคาที่ต่ำ แบ่งแยกออกเป็นส่วนๆอย่างรวดเร็ว แม้แต่ของเพียงแค่นิดเดียวเขาก็ไม่เก็บไว้ ขายออกไปหมด
บริษัทสาขาย่อยก็ยิ่งเหลือน้อยลง สถานการณ์ของบริษัทจี้ซือนั้นร้ายแรงจนถึงขั้นที่ไม่สามารถช่วยกลับมาได้แล้ว
ไม่นานบริษัทสาขาย่อยของพวกเขาก็ถูกจี้จิ่งเชินค่อยๆยึดไปเหมือนกับเวลาปลาวาฬกลืนกินอาหาร ค่อยๆล้มละลายลง และหายไปในสายน้ำท่ามกลางประวัติศาสตร์อันยาวนาน
แม้แต่บริษัทหลักแห่งสุดท้าย ก็เป็นบริษัทที่จี้ยี่หยันใช้ค่าตอบแทนเป็นจำนวนมากถึงสามารถเก็บเอาไว้ได้
วิธีการของจี้จิ่งเชินนั้นร้ายกาจมาก ว่าเขาสามารถบีบบังคับให้คนๆหนึ่งไปถึงทางตันได้ โดยไม่เหลือทางที่จะให้คนๆนั้นได้ถอยหลังกลับอย่างไม่ต้องลังเล
แล้วก็ผ่านไปอีกสองสัปดาห์ ขณะที่จี้ยี่หยันและจี้หยวนวู่กำลังอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น
จู่ๆจี้จิ่งเชินก็มาปรากฏตัวที่บริษัทจี้ซือ
เมื่อทั้งสองคนได้ยินแล้วนั้น จึงมองสบตากัน
และเมื่อเพิ่งจะลุกขึ้นมานั้น ประตูออฟฟิศตรงหน้าก็ถูกคนผลักเข้ามา
จี้จิ่งเชินเดินเข้ามา
จี้ยี่หยันมองเขา ขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้น : “นายมาทำไม? นี่ไม่ใช่บริษัทของนายนะ”
จี้จิ่งเชินยิ้มออกมาอย่างนิ่งๆอย่างผู้ชนะ
“อีกไม่นานก็ใช่แล้ว”
สายตาของเขากวาดมองไปยังร่างของทั้งสองคน มองดูความจนตรอกของพวกเขา
“คงจะยังไม่มีใครบอกพวกคุณสินะ ว่าตอนนี้จะมีการประชุมกรรมการบริษัท แบ่งจัดสรรบริษัทกันใหม่”
จี้หยวนวู่ขมวดคิ้วขึ้น เขาไม่รู้เรื่องนี้เลย
ถ้าหากบริษัทจะมีการประชุมกรรมการบริษัทจริงๆ จะต้องมีการแจ้งพวกเขาสิ
แต่มองดูท่าทางที่น่าเชื่อถือของจี้จิ่งเชินตรงหน้าแล้ว ทั้งสองคนกลับอดที่จะรู้สึกกังวลขึ้นมาไม่ได้
จี้ยี่หยันเอ่ยขึ้น : “เป็นไปไม่ได้ บริษัทจี้ซือเป็นธุรกิจของครอบครัว พวกเรามีหุ้นส่วนเกินกว่า70% นายไม่มีทางเอาไปได้อยู่แล้ว”
จี้จิ่งเชินยิ้ม
“ใช่หรือ? เดี๋ยวพวกคุณก็รู้”
ว่าแล้วเขาก็หันกลับแล้วเดินออกไปทางด้านนอกเลย
จี้ยี่หยันและจี้หยวนวู่เดินตามหลังเขาไป แล้วก็เดินมาถึงประตูหน้าห้องประชุม
เมื่อผลักประตูเข้าไปแล้วเห็นกรรมการบริษัทสิบกว่าคนนั่งอยู่ทางด้านในจริงๆ
เมื่อเห็นคนเหล่านี้แล้ว สีหน้าของจี้ยี่หยันและจี้หยวนวู่ก็ดูแย่ขึ้นมาทันที
จี้หยวนวู่ตำหนิขึ้นมาเสียงดัง : “ทำไมมีการประชุมกรรมการบริษัทแล้วถึงไม่แจ้งพวกฉัน?”
กรรมการบริษัทได้ยินแล้ว ต่างก็พากันหันกลับไปด้วยความหวาดกลัว แล้วไม่ได้พูดอะไรออกมา
จี้ยี่หยันมองพวกเขาอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยังยื่นมือออกไปห้ามจี้หยวนวู่เอาไว้
“คุณปู่ครับ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอกครับ ผมอยากจะดูก่อน ว่าจี้จิ่งเชินจะพูดอะไรกันแน่”
แล้วพากันนั่งลงข้างๆโต๊ะประชุม
จี้จิ่งเชินได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของจี้ยี่หยันแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกโมโหแต่อย่างใด แล้วเอ่ยพูดขึ้น : “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มเลยแล้วกันนะครับ”
“บริษัทจี้ซือ ถึงแม้จะเป็นกิจการครอบครัว แต่ในฐานะที่เป็นบริษัทมหาชนจำกัด แต่ก็ไม่ใช่กิจการเฉพาะของบริษัทจี้ซือ”
พูดไปได้ครึ่งนึงแล้วนั้น จี้หยวนวู่ก็ส่งเสียงอันเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย
จี้จิ่งเชินไม่ได้สนใจเขา พลางเอ่ยพูดต่อ : “ที่ผมเรียกทุกคนมารวมกันตอนนี้ ก็เพราะมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ”
“ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทจี้ซือทุกคนก็ได้เห็นแล้ว มีแค่สองทางอยู่ตรงหน้าของพวกคุณให้เลือก ทางเลือกที่หนึ่งคือรวมตัวกับบริษัทเอ็มไอกรุ้ป”
“ไม่มีทาง!” เมื่อเพิ่งจะพูดถึงตรงนี้ จี้หยวนวู่ก็ตะโกนขึ้นมา
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้นต่อ : “ทางที่สองก็คือประกาศล้มละลาย ถึงตอนนั้นแล้วผมจะเอาบริษัทจี้ซือแยกประมูลเหมือนกับบริษัทของตระกูลจี้ และจะไม่มีบริษัทจี้ซืออีกต่อไป”
ทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าก่อนหน้านี้จี้จิ่งเชินขายประมูลบริษัทสาขาย่อยเหล่านั้นไม่เหลือเลยแม้แต่บริษัทเดียว ตอนนี้ได้ยินแล้ว ก็รู้สึกลังเลขึ้นมา
สำหรับกรรมการบริษัทแล้ว ถึงแม้บริษัทจะเปลี่ยนตัวเจ้าของกิจการ แต่ผลประโยชน์ของพวกเขานั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
แต่ถ้าหากไม่มีแม้แต่บริษัทแล้ว ก็คงจะไม่มีอะไรเหลือแล้วจริงๆ
จี้จิ่งเชินมทำให้ขับผิวขาวๆกเขาออก จึงยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “ผมเลือกวิธีแรก”
จี้หยวนวู่เป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย เขาตบโต๊ะขึ้น
“แกจะบอกว่าเลือกวิธีแรกก็จะเป็นวิธีแรกอย่างนั้นรึไง? ฉันจะบอกแกให้นะ ถึงแม้บริษัทจะปิดตัวลงแล้ว ก็จะไม่มีทางให้แกมาเป็นคนรับช่วงต่อ!”
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้นอย่างเรียบๆ : “ที่ผมมาในครั้งนี้ ไม่ได้มาปรึกษากับพวกคุณ แต่มาแจ้งให้พวกคุณทราบต่างหากครับ”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บริษัทจี้ซือจะกลายมาเป็นหนึ่งในบริษัทสาขาย่อยในนามของบริษัทเอ็มไอกรุ้ป”
“เดี๋ยวก่อน!”
จี้หยวนวู่รีบขัดเขาขึ้น
“แกไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!”
“ผมมี”
ว่าแล้วนั้น จี้จิ่งเชินก็ยกมือเรียกให้จงหลีที่อยู่ทางด้านหลังเขาออกมา แล้วแจกเอกสารที่อยู่ในมือ
“เอกสารพวกนี้คือเอกสารที่ประธานจี้รับซื้อหุ้นของบริษัทจี้ซือครับ”
จี้หยวนวู่มองดูข้อมูลบนโต๊ะ ไม่ขยับ
กรรมการบริษัทเหล่านั้นรับมาอ่านดู แล้วก็มีสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที
“หุ้น52%! คุณทำได้อย่างไร?”
ได้ยินประโยคนี้แล้ว สีหน้าของจี้หยวนวู่ถึงได้มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาทันใด
“จะเป็นไปได้อย่างไร? ทั้งที่พวกฉันมีหุ้นอยู่70%!”
จี้จิ่งเชินมองเขาแวบหนึ่ง ยิ้มพลางอธิบายขึ้น : “จี้คางให้หุ้น5%กับแม่ของผม แล้วบวกกับของผมอีก10% ในมือของผมตอนนี้มีหุ้นอยู่15%แล้ว ส่วนหุ้นที่กระจัดกระจายอยู่ทั้งหมดนั้นก็ถูกผมซื้อมาหมดแล้ว”
จี้หยวนวู่ได้ยินประโยคนี้แล้ว เบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความโมโห
“จี้คาง! เจ้าโง่นี่!”