เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 253 ผมทำทุกอย่างเพื่อแลกมา
บทที่253 ผมทำทุกอย่างเพื่อแลกมา
แรงกำลังของจี้จิ่งเชินจริงๆแล้วนับว่ายังมีไม่มาก เขาที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมา แม้เป็นเพียงแค่การกระทำเช่นนี้ แต่ราวกับว่าแทบจะสูญเสียแรงทั้งหมดที่มีของเขาไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมาจับมือเขา หันกลับมาตรงหน้าเขา
เมื่อเห็นจี้จิ่งเชินลืมตาขึ้นมาแล้ว ทันใดนั้นเองเธอก็รู้อยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีก
“ดีจังที่พี่ฟื้นขึ้นมาแล้ว….”
จี้จิ่งเชินมองเธออย่างเหนื่อยล้า ราวกับว่าช่วงสองสามวันนี้ ได้ผ่านการเดินทางมาโดยที่ไม่มีใครจะคาดคิดได้
เขาพยายามที่จะลืมตาขึ้น ริมฝีปากขยับ
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบเอ่ยขึ้น “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ พี่อย่าเพิ่งพูดเลยนะ พักผ่อนก่อน”
“รอให้พี่ตื่นขึ้นมาก่อน พวกเรายังมีเวลาอีกมากที่จะค่อยๆคุยกันนะพี่จิ่ง”
ได้ยินคำเรียกนี้แล้ว มุมปากของจี้จิ่งเชินปรากฏรอยยิ้มบางๆออกมาเล็กน้อย
รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นไปถึงดวงตา ทำให้เขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบพุ่งตัวไปยังด้านหน้า แล้วจูบลงบนหน้าผากของเขาเบาๆ
“พักเถอะนะคะ ฉันอยู่ข้างๆพี่ตลอดเวลาอยู่แล้ว”
แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ยอมนอนเลย เขาจ้องมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน จนกระทั่งหมดแรงและหลับไป
หลังจากรอจนเขาหลับไปแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้บอกสถานการณ์ของจี้จิ่งเชินกับคุณหมอ
และในวันนั้น จี้จิ่งเชินก็ได้ย้ายออกมาจากไอซียู
ภายใต้การดูแลของเวินเที๋ยนเที๋ยน ร่างกายของจี้จิ่งเชินนั้นฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
จากตอนแรกที่ทำได้เพียงแค่มองดูเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดนั้น ตอนนี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับเธอได้แล้ว พัฒนาไปได้เร็วมาก
เวลาส่วนมากของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นคือการอยู่กับจี้จิ่งเชิน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันมานี้ให้เขาฟัง
หลังจากที่เขาพักเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้วนั้น ในที่สุดจี้จิ่งเชินก็สามารถลงจากเตียงมาเดินได้แล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เพิ่งจะกลับมาจากทางด้านนอก เห็นจี้จิ่งเชินยืนอยู่ตรงริมหน้าต่าง ที่ในมือกำลังถือโทรศัพท์มือถืออยู่
เธอจึงรีบเอ่ยพูดขึ้น “ทำไมพี่ถึงลุกขึ้นมาได้แล้วล่ะคะ?”
จี้จิ่งเชินหันกลับมามองแวบหนึ่ง แล้ววางโทรศัพท์ในมือลงอย่างว่าง่าย
“ผมดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดแบบนั้นหรอก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงเดินเข้ามาหา
“คุณหมอบอกว่าทุกวันเวลาพี่ลงมาจากเตียงไม่สามารถเกินยี่สิบนาทีได้นะคะ แล้วยังจะต้องรักษาอาการบนเตียงต่ออีก ไม่อย่างนั้นจะมีผลต่อการหายสนิทของบาดแผลนะคะ”
แต่จี้จิ่งเชินกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นอะไรแล้ว แต่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่เป็นกังวลขนาดนี้ เขาก็ยังคงทำตามเธอกลับขึ้นมาบนเตียงอีกครั้ง
เขานอนลงบนเตียง แล้วฟังเรื่องที่เวินเที๋ยนเที๋ยนบ่นออกมาถึงสิ่งที่เขาจะต้องระวัง แต่กลับไม่รู้สึกหนวกหูเลยแม้แต่นิดเดียว
ช่วงที่สลบไม่ได้สติช่วงนั้น เขาได้ยินเสียงที่อยู่ในความฝันอยู่ตลอด พยายามอย่างสุดชีวิต จนในที่สุดก็สามารถตื่นขึ้นมาได้
รอจนเธอพูดจบแล้ว จี้จิ่งเชินจึงเอ่ยพูดขึ้นมา “ผมไม่ได้ยินคุณเรียกว่าพี่จิ่งเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตาเขา เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
“พี่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตั้งแต่ตอนที่เธอตกทะเล”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตากว้าง
“ตั้งนานขนาดนี้! ทำไมพี่ไม่บอกฉัน?”
จี้จิ่งเชินเห็นว่าเธอโมโห จึงดึงมือเธอขึ้นมาประทับจูบลงไป
“เดิมทีคิดว่าจะรอให้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายลงก่อน แล้วค่อยบอกคุณ คุณจะได้ไม่ต้องกังวล”
“แต่หลังจากนั้นดันเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเสียก่อน ผมไม่ปิดบังคุณไม่ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ดวงตาบาดลึกขึ้นมาอีกครั้ง
“เป็นเพราะพี่กังวลว่าฉันจะได้รับบาดเจ็บ ถึงได้ไล่ฉันไปใช่ไหมคะ?”
“อืม” จี้จิ่งเชินจับมือเธอเอาไว้แน่น “ผมกลัวมาก”
“กลัวว่าคุณจะจากผมไป แต่ผมกลัวมากกว่าถ้าหากผมเป็นคนทำให้คุณต้องเจ็บ”
เขาเอ่ยออกมาอย่างระวัง พูดความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจของเขาออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนอ้าแขนออก
“พี่จิ่ง….”
จี้จิ่งเชินยื่นมือออกเพื่อรับเธอเข้ามา แต่ยังไม่ทันได้รอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาสู่อ้อมกอดนั้น เธอกลับหยุดการกระทำของตัวเองลง แม้กระทั่งก้าวถอยหลังออกไปด้วย
“ไม่ได้ จะกดทับโดนแผลพี่ไม่ได้”
จี้จิ่งเชินหยุดไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทั้งๆที่อยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ แต่แม้แต่จะสัมผัสยังสัมผัสไม่ได้เลยเสียอย่างนั้น
จี้จิ่งเชินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ จึงดึงตัวเธอเข้ามา
ร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอนล้มลงไป อีกเพียงนิดเดียวก็จะชนกับร่างของจี้จิ่งเชินแล้ว
เธอรีบค้ำเตียงเอาไว้ และที่เพิ่งคิดอยากจะเลี่ยงออกมา จี้จิ่งเชินก็ดึงเธอเข้ามาอีกครั้ง ให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแทน
และไม่ทันต้องรอให้เธอมีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมานั้น ก็จับเธอพลิกตัว ให้เธอนอนอยู่บนอีกด้านหนึ่งของเตียงแทน
“พักผ่อนกับผมก่อน คุณไม่ได้นอนหลับดีๆมานานขนาดไหนแล้ว?"
เขายื่นมือออกมาลูบแก้มที่ซูบผอมของเธอ
ข้อมือของเขายังมีผ้าพันแผลพันเอาไว้อยู่
เพื่อที่จะดิ้นให้หลุดจากโซ่ตรวนนั้น ข้อมือทั้งสองข้างของเขาเสียดสีเสียจนมีเลือดออก แม้แต่กระดูกนิ้วโป้งของเขาก็หักด้วยเช่นกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอามือของเขาวางลงดีๆอีกครั้ง พลางส่ายหน้า
“ฉันไม่ง่วงค่ะ”
จี้จิ่งเชินดึงมือเธอเอาไว้แน่น สิบนิ้วประสานกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยเสียงเบา “พี่จิ่ง ต่อไปอย่าไล่ฉันไปไหนอีกเลยนะ”
จี้จิ่งเชินกลับขมวดคิ้วขึ้น
“ถ้าหากครั้งต่อไปทำร้ายคุณอีก…..”
“ไม่แล้วค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตัดบทคำพูดของเขาไป
“ฉันเชื่อว่าพี่จะต้องไม่ทำร้ายฉันแน่ๆ พี่จิ่งของฉัน ตอนที่ฉันได้รับบาดเจ็บ จะยิ่งรักฉันมากกว่าเดิมอีกนี่คะ”
จี้จิ่งเชินยิ้มมุมปาก พลางหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย แล้วพุ่งเข้าไปประทับริมฝีปากตรงมุมปากของเธอ
“คุณคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของผม ผมทำทุกอย่างให้ถึงที่สุดเพื่อที่จะแลกมาได้”
จี้จิ่งเชินขยับตัว แล้วแบมือออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือของเขา
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ ให้ผมใส่ของที่เป็นของคุณชิ้นนี้ให้คุณได้ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองฝ่ามือของเขา สร้อยคอสีเงินเส้นหนึ่ง แล้วนอนนิ่ง
จี้กลวงรูปหัวใจแขวนอยู่บนสร้อยคอ
นั่นก็คือสร้อยเส้นที่จี้จิ่งเชินให้เธอเมื่อก่อน
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้น “สิ่งที่มีค่ามากที่สุดที่ผมเก็บไว้ตลอดเวลาอยู่ในนี้ คุณอยากจะดูไหม?”
“ไม่คิดว่าพี่จะเอาติดตัวไว้ตลอด…..”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับมา แล้วกดตรงตะขอจี้นั้น ฝาเล็กๆนั้นถูกเปิดออกขึ้นมาในทันใด
รูปถ่ายที่เธอและจี้จิ่งเชินถ่ายด้วยกันปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ
ทันใดนั้นเองเวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกว่าดวงตาของเธอร้อนผ่าวขึ้นมา
“พี่จิ่ง ช่วยใส่ให้ฉัน ได้ไหมคะ?”
จี้จิ่งเชินรับมา แล้วยื่นมือออกมาจับไหล่ของเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วสวมสร้อยคอเส้นนั้นลงบนคอของเธอ
จี้รูปหัวใจแนบอยู่ตรงหน้าอกของเธอ
ตอนที่พ่อบ้านและแม่ครัวเอาอาหารเข้ามาให้นั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนได้อยู่ในอ้อมกอดของจี้จิ่งเชินแล้วหลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ประตูเปิดออก จี้จิ่งเชินมองเห็นพวกเขาแล้วจึงยกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปาก เพื่อเป็นการส่งสัญญาณออกมาว่า “อย่าพูด” ให้กับพวกเขาทั้งสองคน
พ่อบ้านมองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังหลับสบายอยู่นั้น ก็รู้สึกดีใจขึ้นมา แล้วเอาต้มซุปที่ทำมาวางไว้บนโต๊ะ
ทั้งสองคนกำลังจะกลับออกไปนั้น จู่ๆก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมาจากทางด้านนอกห้องพักผู้ป่วย
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ สองมือนั้นปิดหูของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ ให้เธอได้นอนต่อ แล้วมองออกไปทางด้านนอก
พ่อบ้านรีบเดินออกไป และเมื่อเพิ่งจะเปิดประตูออกไปนั้น ก็มีสองสามคนจากทางด้านนอกนั้นพุ่งตรงเข้ามา
เป็นฉวีช่วยฉิน จี้คาง และจี้ยี่หยัน สามคนนั้นนั่นเอง
สีหน้าของฉวีช่วยฉินไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เอาแต่ด่าว่า ราวกับเกิดเรื่องขัดแย้งกับบอดี้การ์ดทางด้านนอกอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อพวกเขาเห็นว่าประตูมีช่องเปิดแง้มอยู่นั้นจึงผลักเข้ามา ดันตัวพ่อบ้านไปอีกทางหนึ่ง แล้วเดินเข้ามา
จี้จิ่งเชินมองทั้งสองคนตรงหน้า พลางขมวดคิ้วขึ้น
แม้แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังนอนอยู่นั้นก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วย เธอลืมตาขึ้นมา
จี้จิ่งเชินเห็นเธอตื่นแล้ว ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “พ่อบ้าน เอาตัวพวกเขาออกไป”