เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 252 จะต้องไม่เป็นไรนะ
บทที่ 252 จะต้องไม่เป็นไรนะ
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลั้นน้ำตาไว้ แต่ก็มีเพียงน้ำตาจากขอบตานั้นที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด
พ่อบ้านมองแล้ว ขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความทุกข์ใจเช่นกัน
“คุณครับ คุณไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ แล้วก็จะต้องทำแผลบนตัวของคุณอีก รอการผ่าตัดของคุณผู้ชายเสร็จแล้ว ผมจะไปบอกคุณนะครับ”
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับส่ายหน้า ไม่ยอมไปไหน
และราวกับว่าเธอกำลังคุยกับตัวเอง
“ทำไมฉันไม่รู้เลยนะ?”
“ฉันโง่เอง จี้จิ่งเชินก็คือพี่จิ่ง เรื่องมันชัดเจนขนาดนี้ ทำไมฉันถึงเพิ่งจะมารู้เอาตอนนี้กัน?”
พ่อบ้านได้ยินไม่ชัดว่าเธอพูดอะไร จึงเอ่ยพูดขึ้นด้วยความกังวล “คุณว่าอะไรนะครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า แล้วยื่นมือออกมาดึงตัวพ่อบ้านเอาไว้
“จี้จิ่งเชินเคยรับปากฉันเอาไว้ ว่าเขาจะไม่ให้ฉันต้องรออีก เขาจะต้องไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
พ่อบ้านมองประตูห้องผ่าตัด แล้วพยักหน้าขึ้นด้วยความหนักแน่น
“คุณผู้ชายจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอนครับ”
ได้รับการยืนยันจากพ่อบ้านแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับยังคงไม่ยอมจากไปไหนอยู่ดี
เธอนั่งลงตรงเก้าอี้ด้านนอก แล้วรอคอยด้วยความเงียบสงบ
ไฟจากห้องผ่าตัด สว่างอยู่ตลอดตั้งแต่ช่วงกลางดึกจนถึงช่วงเช้าวันถัดมา และดับลงในที่สุด
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตากว้างรอคอยอยู่ตลอดทั้งคืนโดยไม่ได้รู้สึกง่วงเลยแม้แต่นิดเดียว
และทันทีที่ไฟในห้องนั้นดับลงแล้ว เธอจึงรีบลุกขึ้นมา แล้วเดินไปทางนั้น
ห้องผ่าตัดถูกเปิดขึ้น แล้วตามมาด้วยร่างของจี้จิ่งเชินถูกเข็นออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนตามไปด้วยความตื่นเต้น เห็นหน้าอกของจี้จิ่งเชินที่ขึ้นลงเล็กน้อย มือทั้งสองข้างอ่อนลง เกือบจะยืนไม่อยู่
พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆรีบจับเธอเอาไว้ แล้วเอ่ยถาม “คุณหมอครับ คุณผู้ชายเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
คุณหมอพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “การผ่าตัดราบรื่นดีครับ ต้องสำรวจตรวจดูอาการอีกสองสามวัน ถ้าหากอาการยังทรงตัวอยู่ก็จะดีขึ้นแล้วครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า แล้วมองไปยังจี้จิ่งเชินที่อยู่บนเตียง เธอเองก็แทบไม่กล้าจะสัมผัสโดนตัวเขาเลย
“ขอบคุณนะคะ”
คำพูดมากมาย แต่สุดท้ายแล้วก็เหลือเพียงแค่สองคำนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งลงข้างเตียง มองไปยังจี้จิ่งเชินที่ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่เช่นนั้น
เขาใส่เครื่องช่วยหายใจ เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆวางอยู่อีกทางด้านหนึ่ง พร้อมใจกันยื้อชีวิตของเขาเอาไว้
หัวใจที่สับสนวุ่นวายในการรอคอยมาเป็นเวลานานนี้ค่อยๆสงบลง
แม้เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าที่ไม่ได้สติของจี้จิ่งเชิน ได้ยินเสียงลมหายใจของเขา เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ค่อยๆยิ้มออกมาได้แล้ว
ยังดีที่เขาไม่เป็นอะไร
ยังดีที่พี่จิ่งของเธอไม่เป็นอะไร
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ประตูห้องพักผู้ป่วยจู่ๆก็ถูกผลักออก
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับไปมอง เห็นว่าเป็นคุณนายหล่อนและเวินหงหยู้ยืนอยู่ตรงหน้าประตู
หลังจากเมื่อวานที่พวกเขาพบว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนหายตัวไปนั้น ก็ตามหาตัวเธอมาตลอด
และเมื่อได้ยินข่าวคราวแล้ว จึงรีบมาที่โรงพยาบาลในทันที
เพียงแต่ตอนที่พวกเขามาครั้งแรกนั้น จี้จิ่งเชินกำลังอยู่ในห้องผ่าตัด
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังเศร้าอยู่อีกทางด้านหนึ่งนั้น พวกเขาจึงไม่ได้เข้าไปใกล้
เวลานี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นแล้วนั้น จึงเอ่ยขึ้นมา “ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้นค่ะ”
คุณนายหล่อนหันมามองทางเวินหงหยู้แวบหนึ่ง
“เที๋ยนเที๋ยน เธอออกมาก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยเธอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันไปมองยังจี้จิ่งเชินที่ยังไม่ได้สติอยู่ ด้วยความรู้สึกลังเลอยู่บ้างและไม่อยากจะไปจากเขาด้วย
คุณนายหล่อนเอ่ยพูดขึ้นต่อ “ให้หงหยู้อยู่ที่นี่ก่อน ส่วนเธอออกไปกับฉันพักนึง อย่าส่งเสียงรบกวนจี้จิ่งเชินที่กำลังพักผ่อนอยู่เลย”
ได้ยินประโยคนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนในที่สุดจึงยอมตกลง
เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินมา ยังคงรู้สึกไม่วางใจ
เวินหงหยู้เอ่ยขึ้น “วางใจได้ หากถ้าเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว ฉันจะรีบบอกเธอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้วางใจแล้วเดินออกไปในที่สุด
และที่เพิ่งจะออกมาจากห้องผู้ป่วยนั้น คุณนายหล่อนก็หันมาหาเธอ
ไม่ได้เจอกันเพียงแค่วันเดียวเวินเที๋ยนเที๋ยนดูซีดเซียวลงไปไม่น้อยเลย
ไม่ได้นอนทั้งคืน แม้กระทั่งเสื้อผ้าก็ยังคงมีคราบเลือดของใครไม่รู้ติดอยู่ด้วย แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ได้สนใจถึงสภาพของตัวเองเลยเสียด้วยซ้ำ หัวใจของเธอนั้นจดจ่ออยู่แต่กับร่างของจี้จิ่งเชิน
คุณนายหล่อนถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆ
“ถึงแม้เธออยากจะดูแลเขา แต่ทำไมจะต้องทำให้ตัวเองต้องมาลำบากขนาดนี้?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกังวลว่าคุณนายหล่อนจะให้เธอออกไปจากโรงพยาบาล จึงส่ายหน้าพลางเอ่ยพูดขึ้น “เป็นเพราะฉัน จี้จิ่งเชินถึงได้รับบาดเจ็บ เขาช่วยฉันเอาไว้ค่ะ”
คุณนายหล่อนมองเธอ รู้ว่าเธอกำลังกังวลอะไร
“เธอไปเก็บของก่อน แล้วไปหาอะไรทานเพิ่มแรงให้ตัวเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ฉันไม่ไปค่ะ”
“ฉันไม่ได้ให้เธอไป” คุณนายหล่อนกล่าว “ฉันกับหงหยู้จะช่วยเธอดูเขาก่อน เธอทานอะไรเพิ่มแรงแล้วค่อยกลับมา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยความตกใจ
“คุณไม่ได้จะให้ฉันกลับไปที่ตระกูลหล่อนหรอกหรือคะ?”
“เธอจะต้องกลับไปที่ตระกูลหล่อนอยู่แล้ว”
คุณนายหล่อนเว้นวรรคแล้วเอ่ยขึ้นต่อ “เพียงแต่ ในเมื่อเธอทำใจไม่ได้ ก็อยู่ดูแลเขาต่อเถอะ”
“คุณ…คุณนายหล่อน……”
หล่อนหลีเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “ฉันไม่ได้เป็นคนใจร้ายแบบนั้นเสียทุกครั้งไปหรอกนะ บางทีที่เวินหงหยู้พูดก็คงจะถูก”
“ชีวิตเป็นของพวกเธอ เพียงแต่ฉันหวังว่าเธอจะรู้ว่าเรื่องที่ฉันทำไปก่อนหน้านี้ ก็เพราะฉันหวังดีกับเธอ ฉันเพียงแค่ไม่อยากจะเป็นคนที่ทำร้ายเธอเท่านั้นเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าแล้วจับมือเธอด้วยความตื่นเต้น
“ขอบคุณค่ะคุณนายหล่อน”
คุณนายหล่อนก้มลงมองมือของเธอ พลางเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “ถึงแม้ว่าฉันรับเลี้ยงเธอเป็นลูกสาวบุญธรรม แต่ เวลานานขนาดนี้แล้วเธอยังไม่เคยเรียกฉันว่าแม่เลยนะ……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอึ้ง ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่กลับก้มหน้าลง
คุณนายหล่อนหัวเราะออกมา เห็นได้ถึงความลำบากใจของเธอ
“ไม่เป็นไร ฉันจะรอจนถึงวันนั้น”
ว่าแล้วเธอก็วางมือลงบนหลังมือของเธอเบาๆ
“รีบไปเตรียมตัวเถอะ เธอเป็นแบบนี้ ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินจะฟื้นขึ้นมา เขาเห็นแล้วก็คงจะไม่ดีใจเหมือนกัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า เวลานี้เองที่ในใจของเธอนั้นรู้สึกเติมเต็มไปด้วยความสุขเช่นนี้
เธอกลับเข้ามาดูจี้จิ่งเชินที่ห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง แล้วกลับไปที่ตระกูลหล่อนรีบล้างหน้าสระผม ทานอาหารแล้วรีบกลับมา
ร่างของจี้จิ่งเชินนั้นถูกกระสุนยิงจากทางด้านหลัง มายังทางด้านขวาของหัวใจของเขา
ถึงแม้ว่ากระสุนจะยิงเข้าไปโดนเส้นเลือดใหญ่แต่เป็นเพราะกระสุนไม่ได้ยิงทะลุร่างของเขา ดังนั้นจึงสามารถห้ามเลือดของเขาเอาไว้ได้
พักอยู่ในห้องพักผู้ป่วยเป็นเวลาสองวัน ร่างกายค่อยๆดีขึ้น แต่เขากลับยังไม่ฟื้นขึ้นมา
เวลาส่วนใหญ่ของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นก็นั่งอยู่ตรงข้างๆเตียงเขา ปฏิบัติคำแนะนำของหมอดูแลเขาอย่างทั่วถึงและพิถีพิถันเป็นอย่างมาก
ในระหว่างนี้คนของตระกูลจี้ก็มาหาเขา แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนให้บอดี้การ์ดไล่พวกเขากลับไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนจับมือจี้จิ่งเชินไว้แน่น นึกไปถึงตอนที่จี้จิ่งเชินอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
“ฉันโง่จริงๆ ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพี่เคยออกจากตระกูลจี้ มาใช้ชีวิตข้างนอกสักระยะนึงแล้ว”
“พี่จะต้องมาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตอนนั้นแน่ๆ ไม่คิดเลยว่าฉันจะไม่รู้เรื่องมาตลอดแบบนี้…..”
“ถ้าหากรู้เร็วกว่านี้หน่อย ก็คงจะไม่เข้าใจผิดกันมากมายขนาดนี้แล้ว”
เธอเช็ดลูบที่มือจี้จิ่งเชินเบาๆ อดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ “แต่ทั้งๆที่พี่รู้ตั้งนานแล้ว ยังจะหลอกฉันอีก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้า ขณะที่เตรียมกำลังจะเอาผ้าขนหนูหย่อนลงน้ำนั้น
หันกลับมา กลับรู้สึกว่ามือถูกใครบางคนดึงอยู่
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงัก แล้วหันกลับมา
จี้จิ่งเชินดึงมือเธอเอาไว้แน่น ดวงตาลืมขึ้นมาอย่างช้าๆ
การกระทำเล็กๆเช่นนี้ แต่ราวกับว่าเขาได้ใช้แรงทั้งหมดที่มีให้หมดไปได้