เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 25 ทัศนคติที่รุนแรงสองอย่าง
บทที่ 25 ทัศนคติที่รุนแรงสองอย่าง
บ้านตระกูลจี้นั้นตั้งอยู่ชานเมือง อยู่คนละโยชน์กับบ้านของจี้จิ่งเชิน
มันแตกต่างจากอาณาจักรอันใหญ่โตของจี้จิ่งเชิน บ้านตระกูลจี้อยู่ในสวนหย่อม
รีสอร์ททั้งผืนนี้ ผู้ที่จะสามารถอยู่ได้ต้องเป็นบุคคลสำคัญของโลกหรือคนสำคัญในแวดวงธุรกิจเท่านั้น ถ้ามองผ่านๆก็เหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษ แต่เมื่อคุณได้เข้าไปแล้ว คุณจะพบว่าสถานที่ภายในของรีสอร์ทแห่งนี้เหมือนกับหลุดไปอยู่อีกโลก
รถยนต์สีดำแล่นไปตามทางอย่างนิ่งๆภายใต้แสงสว่างจากค่ำคืน หลังจากผ่านด่านเก็บค่าผ่านทาง ในที่สุดก็มาถึงเขตรีสอร์ท
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งอย่างเขินอายอยู่ที่เบาะหลัง ร่างกายแข็งทื่อ มือสองข้างวางไว้บนหัวเข่าอย่างเรียบร้อย
เธอไม่ชอบคบค้าสมาคมกับคนอย่างจี้จิ่งเชินมาแต่แรกอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต้องมาใช้เวลาอยู่ในรถร่วมกัน แม้แต่หายใจก็ยังรู้สึกเลยว่าลำบาก
บรรยากาศโดยรอบเริ่มจับตัวเป็นก้อน เวินเที๋ยนเที๋ยนทนไม่ไหวจึงมองออกไปข้างนอก
ตั้งแต่เข้ามาในรีสอร์ท ก็ขับมาแล้วประมาณสิบกว่านาที แต่ทำไมข้างนอกถึงมีแต่ไฟทางและต้นไม้เต็มไปหมด
เธอเงยหน้าขึ้นมามองออกไปไกล ๆ ด้วยความเร็วของรถ อาคารสีขาวหลังหนึ่ง มีแสงไฟสาดส่องออกมาจนค่อยๆเผยให้เห็นจากด้านหลังของป่าทึบในรีสอร์ท
ที่แท้ที่นี่ก็เป็นสวนขนาดใหญ่ แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ละสายตาจากมันไป นอกจากอาคารหลังนี้แล้ว ก็ยังไม่เห็นอาคารหลังอื่น ๆในรีสอร์ทเลย
และใช้เวลานานมากกว่าจะเข้ามาถึง พื้นที่ในสวนนี้ทำเอาประหลาดใจจริง ๆ
เมืองเอชของตระกูลจี้ แค่เอ่ยชื่อนี้ออกมา ถึงจะเป็นคนต่างชาติก็คุ้นหูกันเป็นอย่างดี สิบกว่าปีมานี้ ตระกูลจี้ ในโลกธุรกิจนั้นมีบทบาทและตำแหน่งที่สำคัญมาก ๆ
แต่จุดเริ่มต้นของความสำเร็จในการครอบครองที่ดินผืนนี้ มันเริ่มจากการปรากฏตัวของจี้จิ่งเชิน
เมื่อก่อนเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้แค่การเรียนกับการทำงาน ไม่รู้อะไรมากมาย
ถึงสายตาของจี้จิ่งเชินจะจ้องมองไปที่เอกสารในมือตลอดเวลา แต่ใจของเขากลับอยู่ที่ผู้หญิงที่นั่งข้างๆกายอยู่ตลอด
ทีแรกเธอยังนั่งตัวสั่นงกๆ จี้จิ่งเชินสงสัยว่าเธอจะกลัวจนตัวสั่นเลยมั้ย แต่พอเธอเห็นคฤหาสน์ของตระกูลจี้นอกหน้าต่างแล้ว ก็แน่นิ่งไป จ้องตาไม่กะพริบไม่กระดุกกระดิก
จี้จิ่งเชินเลยมองออกไปด้านนอก
คฤหาสน์ของเขาเทียบกับคฤหาสน์เก่าๆตรงหน้าแล้วดีกว่าเป็นล้านเท่า แต่ก่อนหน้านี้เธอก็เคยหยิบเอาฟางจุนไปเล่นตั้งหลายครั้ง จะซื้อคฤหาสน์ทั้งหลังเลยก็ยังได้ แต่ก่อนหน้านี้เธอทำไมไม่มีปฏิกิริยาออกมาแบบนี้?
หรือเธอชอบชื่อเสียงของตระกูลจี้ขนาดนี้เลยเหรอ?
รถค่อยๆจอด เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบดึงสายตากลับมา
ประตูรถถูกเปิดออก จี้จิ่งเชินลงมาก่อน
“คุณชายใหญ่”
เบลบอยยืนอยู่ด้านนอก ใบหน้ายิ้มแย้มแต่เป็นยิ้มที่ไม่ชวนเลี่ยน ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนหายใจเข้าลึก ผ่อนคลายความตื่นเต้น ก่อนจะไปทางประตูรถ
พอก้าวขาออกมา ก็มีมือยื่นมาหา ช่วยดึงเธอไว้
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นจี้จิ่งเชินยิ้มที่มุมปากเบาๆ ทำท่าว่าจะยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ยิ้ม
การแสดงออกแบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นทำคงดูอ่อนโยนกว่า แต่เธอกลับรับรู้ความรู้สึกได้ไว ตั้งแต่มาถึงที่นี่ อารมณ์ของจี้จิ่งเชินก็ดูจะไม่ค่อยโอเคเอามาก ๆ บรรยากาศรอบ ๆตัวเขาดูดุดันมากกว่าเดิม
เวินเที๋ยนเที๋ยนตื่นเต้นจนมือมีแต่เหงื่อ ได้แต่ทำตามและเดินลงรถตามไป
ท้องฟ้ามืดแล้ว พวกเขามาสาย เดินขึ้นมาไม่กี่ขั้น ก็ดันประตูเข้าไป
ในห้องรับแขก คนตระกูลจี้เกาะกลุ่มสองสามคนคุยกัน ดื่มฉลองกันอย่างคึกคัก และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในช่วงต่อกัน
ธุรกิจและสัญญาจำนวนมาก ล้วนแล้วแต่ทำการตกลงกันในสถานที่แบบนี้
แต่วันนี้ต่างออกไป พวกเขาดูเหมือนกำลังพูดคุยกัน แต่เห็นได้ชัดว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สายตาของพวกเขามองมาที่ประตูทางเข้าตลอดเวลา
ถึงคนที่อยู่ในห้องจะมากันใกล้ครบแล้ว แต่พวกเขาก็ยังต้องรอ แต่ก็ยังไม่ถึงสักที
คนที่ประตูทางเข้าพอเดินเข้ามา ทุกคนก็นิ่งเงียบไปชั่วขณะ และส่งสายตาไปมาหากันอย่างรวดเร็ว
จี้จิ่งเจียมีสิทธิพิเศษในฐานะที่เป็นคนของตระกูลจี้ ไม่มีใครที่เคารพคนอย่างเขา แต่ตอนนี้พอคิดว่าปัจจุบันนี้บริษัท เอ็มไอ กรุ๊ปที่อยู่ในมือของเขา ใบหน้าดูถูกเหยียดจากคนเหล่านี้ทำได้เพียงเก็บไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของนัยน์ตา