เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 228 โรควิตกกังวล
บทที่228 โรควิตกกังวล
ได้ยินที่พ่อบ้านพูด เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับงุนงง
“หมายความว่ายังไง”
พ่อบ้านเถียงตัวเองในใจพักใหญ่ แต่แล้วก็พูด “ที่จริงตั้งแต่ห้าปีก่อน คุณชายก็ได้รับการทำจิตบำบัดมาตลอด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถลึงตา มองเขาอย่างสงสัย
พ่อบ้านพูดต่อ “ก่อนที่คุณเวินจะมาถึง อาการป่วยของคุณชายได้รับการควบคุมแล้ว กระทั่งอาการดีขึ้น”
“แต่ผ่านเรื่องที่คุณตกทะเลและเรื่องราวต่างๆ ทำให้เกิดการกระตุ้นอาการป่วยของเขาอย่างมาก คุณชายควบคุมตัวเองไม่ได้ที่จะไม่ไปปกป้องคุณ และไม่สามารถควบคุมตัวเองให้เชื่อคุณได้”
“นั้นเป็นเพราะเขามีโรควิตกกังวลคุณชายมีโรคย้ำคิดย้ำทำขั้นรุนแรง”
“โรคย้ำคิดย้ำทำเหรอ” เวินเที๋ยนเที๋ยนถลึงตา มองเขาด้วยความตกใจ
พ่อบ้านพยักหน้ายืนยัน
“ขออภัย ที่คุณชายไม่ให้พวกเราบอกคุณมาตลอด”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็พูดอย่างจริงจัง “คุณชายก็อยากจะเข้าใจคุณ แต่เขาทำไม่ได้”
“ทำไมละ หรือเป็นเพราะเขามีโรคย้ำคิดย้ำทำ หรือต้องขังฉันไว้ที่นี่ตลอดไปเหรอ”
พ่อบ้านกลับส่ายหน้า มองเวินเที๋ยนเที๋ยน
“คุณเวิน คุณไม่เข้าใจโรคย้ำคิดย้ำทำ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนสงบลง ในความทรงจำของเธอ โรคย้ำคิดย้ำทำกลับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เกือบจะทุกคน ล้วนมีอาการย้ำคิดย้ำทำที่ไม่เหมือนกัน
พ่อบ้านถอนใจอีกครั้ง
“ก่อนหน้านี้คุณชายตัดสินใจยกเลิกนักสืบและนักเฝ้ามองที่อยู่รอบตัวคุณ เดิมทีเป็นการถอยออกมาที่ยิ่งใหญ่แล้ว อีกทั้งสามารถเริ่มลองเชื่อใจคุณ แต่…”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้ง เธอนึกถึงที่ตัวเองขู่จี้จิ่งเชิน ถ้าไม่ยกเลิกนักสืบก็จะเลิกกับเขา
จี้จิ่งเชินจนหนทาง ถึงตกลงในที่สุด
แต่ในวันที่เห็นด้วย คุณนายหล่อนก็ส่งเธอไปอย่างกะทันหัน
จี้จิ่งเชินยืนขวางเครื่องบินอย่างบ้าคลั่ง พาเธอกลับบ้านโดยไม่ปฏิเสธ
พวกนี้ ล้วนเป็นอาการโรคย้ำคิดย้ำทำเหรอ
เห็นอารมณ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยน พ่อบ้านก็รู้ เธอเดาบางอย่างได้แล้ว
“คำพูดและการกระทำของคุณเมื่อก่อน ล้วนกระตุ้นคุณชาย อีกทั้งคุณแอบหนี ทำให้อาการของเขายิ่งรุนแรงขึ้น”
“ตามการวินิจฉัยของคุณหมอเมื่อก่อน คุณชายอยากจะพาคุณมาไว้ข้างกายอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็เพราะครั้งก่อนที่คุณตกทะเล ส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก”
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความลำบากใจ “อีกอย่าง ตอนนี้ยังมีหลายคนคุกคามคุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างรู้ครึ่งเข้าใจครึ่ง
“ถูก เขาเคยพูดจริงๆ รอให้จัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จ ก็จะปล่อยฉัน”
“แต่ต้องรอถึงเมื่อไหร่ หรือว่าเขาจะเป็นศัตรูกับตระกูลหล่อนจริงๆเหรอ อีกอย่างยังมีตระกูลหวู่ ฉันไม่อาจถูกเขาขังไว้ที่นี่ตลอดไปได้”
พ่อบ้านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูด “คุณหมอเคยเสนอวิธีรักษากับคุณชาย ตามที่คุณชายให้ระดับความสำคัญต่อคุณในตอนนี้ ถ้าคุณยอมให้ความร่วมมือ อาการป่วยของคุณชายอาจจะมีวิธี”
เขาพูดพร้อมกับก้มหน้า หลีกเลี่ยงความเป็นไปได้อีกอย่างที่คุณหมอเคยบอกก่อนหน้านี้ว่าให้ปล่อยเวินเที๋ยนเที๋ยนจากไป
เขาคิดว่า ตอนนี้ถ้าเวินเที๋ยนเที๋ยนจากไป จี้จิ่งเชินต้องจิตใจพังทลายแน่
เวินเที๋ยนเที๋ยนสูดหายใจ จัดการกับความยุ่งเหยิงในหัว
“ฉันจะร่วมมือยังไง”
พอพ่อบ้านได้รับเธอรับปาก ก็รีบพูด “ ก่อนอื่น หวังว่าคุณจะพูดให้คุณชายยอมรับการรักษา เขาไม่ยอมให้คุณรู้เรื่องการป่วยของเขา กลัวว่าถ้าคุณรู้แล้ว จะตกจนหนีไป”
เวินเที๋ยนเที๋ยนแอบกำผ้าปลายผ้าห่มแน่น
เธอกลับไม่รู้ว่าสาเหตุที่จี้จิ่งเชินทำทุกอย่าง ก็เพื่อเธอจริงๆ
“ถ้าฉันช่วยเขารักษาได้ เขาจะปล่อยฉัน แล้วกลับมาเป็นปกติไหม”
พ่อบ้านพยักหน้า “ในทางทฤษฎีเป็นเช่นนี้”
“ฉันรู้แล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตัดสินใจพูด “วันนี้รอเขากลับมา ฉันจะบอกเขาเรื่องนี้”
พอพ่อบ้านดีใจ ในที่สุดก็แสดงสีหน้าโล่งใจออกมา
“ขอบคุณที่คุณยอมช่วย คุณเวิน”
เขาโน้มตัวด้วยตัวจริงใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูด “เขาเปลี่ยนเป็นแบบนี้ ก็ไม่ใช่เพราะฉันเองหรอกหรอ”
เรื่องเมื่อห้าปีก่อนเพียงแค่เริ่มต้น เวินเที๋ยนเที๋ยนอาจปะติดปะต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจากปากของทุกคนได้ แต่กลับไม่เข้าใจ
เรื่องราวเหล่านั้นส่งผลกระทบต่อจี้จิ่งเชินมากขนาดนั้นจริงๆ
ในตอนที่เธอไม่รู้ จี้จิ่งเชินพยายามควบคุมตัวเองแล้ว
เขายอมถอยในแต่ละเรื่อง ล้วนเป็นการต่อต้านหัวใจของตัวเอง
ลำบากมากใช่ไหม
นึกถึงจี้จิ่งเชินในแบบนั้น นึกถึงจี้จิ่งเชินที่แบกทุกคนไว้บนหลัง เธอเพียงแค่ปวดใจ
ผู้ชายคนนั้น ทำไมถึงต้องแบกเรื่องราวทุกอย่างไว้บนไหล่ของตัวเอง
แม้ว่าคนที่เก่ง ก็ถูกทับให้แบนได้
พ่อบ้านมองเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วถามด้วยอย่างไม่วางใจ “คุณหนู คุณคงไม่ไปจากคุณชายเพราะเหตุนี้ใช่ไหม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ไม่ เพียงแค่เป็นครั้งแรกที่ฉันพบว่าชีวิตของจี้จิ่งเชินจะลำบากขนาดนี้ อีกทั้งไม่เคยรู้มาก่อน”
พ่อบ้านอึ้งเล็กน้อย พูด “เพราะผมไม่เคยเห็นคุณชายเป็นแบบนี้ ปกป้องใครสักคนด้วยความพยายามและรอบคอบ”
กลางดึก
รถของจี้จิ่งเชินกลับถึงปราสาท จอดที่หน้าประตู
พอประตูรถเปิดออก หลังจากที่จี้จิ่งเชินลงรถกลับไม่ได้เดินตรงเข้าไปด้านใน แต่เงยหน้ามองไปทางห้องนอนของเวินเที๋ยนเที๋ยน
กระจกกั้นอยู่ สามารถมองเห็นแสงอบอุ่นจากข้างใน
เส้นประสาทที่ตึงเครียดทั้งวันของที่จี้จิ่งเชินก็ค่อยๆผ่อนคลายลง
แต่พอนึกถึงเที่ยงวันนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนลองใช้ผ้ามุ้งถักเป็นเชือก แล้วปีนหนี เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง
กำลังคิดอยู่ ในขณะนี้พ่อบ้านก็เดินเข้ามา พอเห็นเขาก็โน้มตัวเล็กน้อย
“คุณชาย คุณหนูเธอบอกว่าอยากเจอคุณ”
จี้จิ่งเชินอึ้งเล็กน้อย เขายังคิดว่าหลังจากผ่านเรื่องเมื่อตอนเที่ยงวันนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนจะไม่สนใจเขาตลอดไป
แต่คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้เธอจะเป็นคนขอพบกับตัวเองก่อน
ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ
หรือว่าขอร้องเขาให้ปล่อยเธอไป
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว ลังเลอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็พยักหน้าตอบรับ
เดินไปได้สองก้าว ก็หยุดเดิน
“เธอกินข้าวหรือยัง”
พ่อบ้านส่ายหน้า
“คุณหนูบอกว่าอยากจะรอให้คุณชายกลับมา แล้วกินข้าวด้วยกัน”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วเข้ม เดินไปข้างหน้าด้วยความไม่พอใจ
ถึงประตูห้องนอนชั้นสาม กลับหยุดยืนอยู่ด้านนอกสักพัก
เขาค่อนข้างกังวลพอตัวเองผลักประตูเข้าไป จะเห็นสายตาที่ไม่พอใจและโกรธแค้นของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เพียงแค่คิด จี้จิ่งเชินก็พลันกลัว แม้แต่ประตูที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่กล้าเปิดออก
เขาลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ยืนมือผลักประตูเปิดออก
ไฟสีเหลืองสลัวส่องสว่างในห้อง
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งอยู่บนเตียง ก้มหน้ากำลังเปิดอ่านหนังสือที่อยู่ในมือ
ถ้าไม่ดูให้ละเอียด จะไปเห็นเลยว่าที่มือเธอใส่กุญแจล่ามไว้กับหัวเตียง
บางทีอาจเป็นเพราะนานมากแล้วที่ไม่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนท่าทางอย่างนี้ จี้จิ่งเชินตะลึงไปชั่วขณะ รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าของเขาโดยไม่ตั้งใจ
ภาพตรงหน้า รู้สึกเหมือนถูกเขาทำหล่นหายไปตั้งนานแล้ว