เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 222 เขาน่าจะจับตัวคนไว้
บทที่222 เขาน่าจะจับตัวคนไว้
พอพ่อบ้านได้ยิน ตกใจจนร้องเสียงสูงโดยไม่รู้ตัว
“สนามบินอะไร”
นักสืบตอบ “พวกเราตามคุณเวินออกมาจากตระกูลหล่อน เธอถูกบอดี้การ์ดพาไปส่งที่สนามบิน อีกไม่นานก็จะขึ้นเครื่องแล้ว”
พ่อบ้านตกใจจนหน้าซีด เพิ่งหมุนตัวเตรียมจะไปบอกจี้จิ่งเชิน
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“มีอะไรเหรอ”
เขาเงยหน้ามองแวบ ไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินกลับมายืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่ตอนไหน จ้องโทรศัพท์ของเขา
พอพ่อบ้านเห็นเขา ทันใดนั้นก็ทั้งกังวลทั้งกลัว
ไม่ง่ายเลยที่คุณจี้จะตกลงให้คนที่ตามเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมา
เพิ่งพูดได้ไม่กี่วิ ก็เกิดเรื่องแล้ว
นี่จะทำยังไงดีละ
จี้จิ่งเชินเห็นเขาไม่ตอบ ก็ยืนมือไปจับเอาโทรศัพท์มา
“เกิดอะไรขึ้น พูด”
พอนักสืบได้ยินเสียงของจี้จิ่งเชิน ก็รีบพูดสถานการณ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยนออกไป
“เหมือนกับคุณนายหล่อนจะเป็นคนส่งเธอไป ตอนนี้น่าจะขึ้นเครื่องแล้ว”
จี้จิ่งเชินสั่นไปทั้งตัว พลังในตัวเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
กล้ามเนื้อทั้งตัวของเขาเกร็ง กัดฟันแน่น
พูดทีละคำ “ตามไป ถ้ากล้าให้เครื่องบินขึ้นบิน ฉันก็จะเอาชีวิตพวกแก”
พูดจบ เขาก็โยนโทรศัพท์ทิ้ง จากนั้นเดินพุ่งออกไปข้างนอก
พ่อบ้านเห็นเขาตาแดง ทั้งตัวเต็มไปด้วยแรงอาฆาต ตกใจจนตัวสั่นกลัว แล้วรีบวิ่งตามออกไป
“คุณชาย คุณอย่าหุนหันพลันแล่น ใจเย็นก่อน คุณชาย”
จี้จิ่งเชินพุ่งออกมาจากปราสาท เจอกับคนขับรถที่กลับเข้ามาจากข้างนอกพอดี
เขาลากคนขับรถออกมาจากรถ แล้วตัวเองก็ขึ้นไปนั่ง จากนั้นเหยียบคันเร่ง
เครื่องยนต์เกิดเสียงดังสนั่น ขับรถพุ่งออกไปราวกับบินได้
พ่อบ้านมองตามท้ายรถที่หายไปอย่างใจร้อน ร้อนใจจนเดินวนเป็นวง
เขารีบลากคนที่ล้มอยู่บนพื้นขึ้นมา
“เร็ว รีบตาม อย่าให้คุณชายเกิดเรื่อง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกคนพาขึ้นเครื่องบิน ด้านซ้ายคือหมินอันเกอ ด้านขวาคือบอดี้การ์ด
เธอไม่มีแม้แต่โอกาสจะหลบหนี
“หมินอันเกอ ถ้าคุณไม่ให้ฉันลงไป ฉันจะต้องเกลียดคุณ”
การกระทำของหมินอันเกอหยุดชะงัก
ผ่านไปสักพัก เขาถึงรัดเข็มขัดนิรภัยให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างช้าๆ
“งั้นคุณก็เกลียดเลย”
เขาเงยหน้า ในตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจทำไมหมินอันเกอกับคุณนายหล่อนถึงยืนกรานจะพาเธอไป
“ถ้าพวกคุณทำเพราะเรื่องครั้งก่อน ตัวจี้จิ่งเชินเองก็ขอโทษคุณแล้วไม่ใช่หรอ เดิมทีก็ไม่ใช่ความผิดของเขา พวกคุณยังต้องการทำอะไรอีก”
“ไม่ เที๋ยนเที๋ยน สถานการณ์ซับซ้อนกว่าเรื่องนี้มากมาย”
หมินอันเกออยากจะบอกความจริงกับเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่เขารู้ ถ้าเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้แล้ว ต้องยืนกรานอยู่ที่นี่ต่ออย่างแน่นอน
เขายืนมือไปลูบผมของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างอ่อนโยน
“ฉันจะบอกเธอในภายหลัง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับขมวดคิ้ว
เธอกำลังพูด แต่รู้สึกว่าราง ๆ วิวด้านนอกเริ่มเคลื่อนไหวช้าๆ
เครื่องบินเริ่มเคลื่อน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกระชากเขาอย่างร้อนรน
“พี่หมิน อย่าพาฉันไป ฉันไม่อยากไปจริงๆ”
หมินอันเกอกับจับเธอไว้แล้วพูด “รอถึงที่นั่นก็โอเคแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“แม้ว่าพี่จะส่งฉันไปจริงๆ ฉันก็จะกลับมา”
แต่หมินอันเกอกลับกำมือเธอแน่น ในตาแสดงความแน่วแน่
“ฉันไม่มีทางให้เธอมีโอกาสนี้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว มองหมินอันเกอพยายามจับมือของเธอกางออก จากนั้นกำมือของเธอแน่น
เครื่องบินค่อยๆเคลื่อนไปข้างหน้า แล้วเริ่มเพิ่มความเร็วอย่างช้าๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนใจสลาย สีหน้าค่อยๆซีดเซียว
หรือว่าเธอต้องจากกันกับจี้จิ่งเชินแบบนี้จริงๆหรอ
การประนีประนอมแต่ละอย่างนั้น จี้จิ่งเชินทำได้อย่างลำบากแค่ไหน เธอก็รู้
เวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆหลับตา ไม่พูดอะไรอีก
สายตาของหมินอันเกอมองที่ตัวเธอตลอด
มองสักพัก ใจเต้นจนโน้มตัวเข้าใกล้หน้าเธอ
เขายอมถอยเพื่อเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ทำไมถึงยังต้องผลักไสไล่ส่งเขา
“เที๋ยนเที๋ยน ต่อไปฉันจะดูแลเธอให้ดี”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเสียงของเขา ก็ลืมตาขึ้น
วินาทีต่อมา ก็เห็นหน้าของหมินอันเกอเข้ามาใกล้
เขาค่อยๆหลับตาลง ริมฝีปากค่อยๆแนบชิดกับริมฝีปากของเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความจริงใจ
แต่ในเวลานี้ คนที่อยู่ด้านข้างก็ร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“โอ้มายก๊อต มีรถคันหนึ่ง”
“ทำไมถึงมีรถวิ่งเข้ามาได้”
ทันใดนั้นคนที่อยู่รอบข้างตกใจขึ้นมาทันที
บนรันเวย์สนามบินอันกว้างขวาง ทันใดนั้นรถสปอร์ตสีดำก็ปรากฏขึ้น
รถวิ่งอย่างรวดเร็วมาจากด้านหลัง วิ่งขนานกับเครื่องบิน
ทุกคนคงจะมองเห็นมันแล้ว ตกใจกลัวจนพากันลุกขึ้นยืน
เวินเที๋ยนเที๋ยนหลบจากการกระทำของหมินอันเกอ แล้วหันหน้ามามอง ก็เห็นรถคันนั้นค่อนข้างคุ้นตา
ยังไม่รอให้เธอมองให้ชัดเจน รถสปอร์ตก็เพิ่มความเร็วอีกครั้ง วิ่งพุ่งออกไปแซงเครื่องบิน
ใบหน้าของจี้จิ่งเชินเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ออกแรงเหยียบคันเร่งสุด
ในหัวของเขามีเพียงความคิดเดียว ไม่มีทางให้เวินเที๋ยนเที๋ยนไปแน่นอน
เขาผิดแล้ว
เขาไม่ควรฟังที่บอกให้ยกเลิกนักสืบและนักเฝ้ามองพวกนั้น ไม่ควรให้เวินเที๋ยนเที๋ยนห่างจากสายตาของตัวเอง
ที่เขาควรทำคือจับคนมา แล้วขังไว้ในที่ที่ตัวเองมองเห็นคนเดียว
ไม่ปล่อยตลอดชีวิต
ใครก็แย่งไปไม่ได้
นั้นเป็นของเขาคนเดียว
รถสปอร์ตเหมือนลูกธนูที่ยิงออกไป บินแซงเครื่องบินไปอย่างรวดเร็ว
จี้จิ่งเชินถลึงตา หมุนพวงมาลัย
รถสปอร์ตวิ่งอยู่บนรันเวย์ เกิดเสียงแตรที่ดังแสบหู
บนพื้นมีฝุ่นควันลอยคลุ้ง
ทันใดนั้น รถสปอร์ตก็จอดขวางอยู่ที่สนามหญ้าข้างลู่วิ่ง
จี้จิ่งเชินลงจากรถด้วยสีหน้าเย็นชา ก้าวเท้าเดินเข้ามา ยืนอยู่คนเดียวตรงกลางรันเวย์
มองเครื่องบินที่ใกล้เข้ามา ไม่ขยับ
เขายืนนิ่งเหมือนก้อนหิน ไม่ขยับแม้แต่น้อย
สายตาเยือกเย็นราวกับสัตว์เลือดเย็นที่ไม่มีความรู้สึก ไม่กลัวตาย
ในห้องนักบิน นักบินมองเห็นคนและรถที่ปรากฏขวางอยู่ ก็ตกใจจนหน้าถอดสี
“เขามาจากไหน ไม่กลัวตายหรือไง”
“พระเจ้าช่วย ทำไมถึงมีคนเข้ามาได้ รีบจอด”
“จอด!”
พวกเขาไม่หยุดโบกมือ อยากจะไล่คนที่อยู่ด้านหน้าให้ออกไป แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ขยับ
นักบินจนหนทาง ทำได้แค่จัดการทิศทางที่อยู่ในมืออย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้ถ้าจี้จิ่งเชินและรถจอดอยู่ด้วยกันอยู่ตรงกลาง หลังจากที่เครื่องบินชนเข้าแล้ว ไม่เพียงแค่เขา แม้แต่ผู้โดยสารทั้งลำก็ต้องประสบความหายนะ
แต่ตอนนี้ มีเพียงแค่เขาคนเดียวขวางอยู่
ถึงเวลา คนตายก็มีแค่เขาคนเดียว
คนในสนามบินยุ่งกันเป็นพัลวัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ ทะเบียนรถของรถคันนั้น เหมือนกับจะเป็นของจี้จิ่งเชิน
นั้นคือจี้จิ่งเชิน
เธอชาไปทั้งตัว หน้าซีดเซียวขึ้นมาทันที
และในเวลาเดียวกัน ในเครื่องมีคนร้องเสียงแหลมขึ้นมา
“ด้านหน้ามีคน”
“มีคนยืนขวางหน้าเครื่องบิน”
“พระเจ้าช่วย เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนสั่นไปทั้งตัว มองออกไปข้างนอกอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่จากตรงที่เธอนั่งอยู่ตอนนี้ มองไม่เห็นสถานการณ์ด้านหน้าเลย
เธอรีบลุกขึ้นยืน อยากจะพุ่งออกไป แต่ถูกหมินอันเกอห้ามไว้
เวินเที๋ยนเที๋ยนลากอย่างรีบร้อน น้ำตาไหลออกมา
“พี่หมิน คือจี้จิ่งเชิน”
“เขามาหาฉันแล้ว”
เธอเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องทันที
“จะชนแล้ว”