เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 211 จี้จิ่งเชินผิดปกติ
บทที่ 211จี้จิ่งเชินผิดปกติ
“ปล่อยมือ!”
จี้จิ่งเชินตะโกนขึ้นมาทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนและพนักงานต่างก็เงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกัน
ใบหน้าของจี้จิ่งเชินดูอึมครึมเล็กน้อย
พนักงานตกใจกลัวและรีบปล่อยมืออย่างรวดเร็ว
“ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว”
จี้จิ่งเชินยังไม่เลิกขมวดคิ้ว แต่ก็ดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมา
เขาจ้องเธออย่างละเอียด แล้วยื่นมือออกไปลูบเธอค่อนข้างรุนแรง ราวกับว่าต้องการลบกลิ่นอายบนตัวเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูการกระทำของเขาด้วยความประหลาดใจ
“คุณเป็นอะไรไป?”
พนักงานยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆยังขอโทษไม่หยุด
จี้จิ่งเชินเหลือบมองมาที่พนักงานอย่างดุร้าย สายตาของจี้จิ่งเชินทำให้เขาสงบลงและไม่กล้าพูดอะไรอีก
แต่จี้จิ่งเชินไม่ได้พูดอะไรอีก และดึงให้เวินเที๋ยนเที๋ยนลุกขึ้นยืน
“ไปร้านอาหารที่อื่น”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดด้วยความตกใจ “ไม่ต้องหรอก?แค่ไม่ทันระวังเปียกแค่นิดเดียว……”
แต่จี้จิ่งเชินไม่ได้พูดอะไร เขาไม่สนใจท่าทีไม่เห็นด้วยของเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วเดินนำออกจากร้านไป
ก่อนออกไป เขายังหันมามองที่พนักงานคนนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วตลอดทาง ไม่รู้ว่าเมื่อกี้จี้จิ่งเชินโกรธอะไรกันแน่
เมื่อกลับไปที่รถ เธอทนไม่ได้ถามขึ้นมาว่า “คุณเป็นอะไรกันแน่?”
จี้จิ่งเชินเหลือบมองมาที่เธอแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ราวกับว่าพยายามระงับอารมณ์ สีหน้าของเขาก็ค่อยๆผ่อนคลายลง
จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างอบอุ่นออกมาเบาๆ
“ขอโทษนะ พวกเราเปลี่ยนร้านกันเถอะ แม้แต่กาแฟแก้วเดียวยังทำหก อาหารที่นั่นก็คงจะไม่อร่อยหรอก” เขาพูดอย่างมั่นใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างสงสัย “แต่ช่วงนี้มีแต่คนแนะนำให้ฉันไปที่นั่นนะ”
จี้จิ่งเชินดึงมือเธอขึ้นมาแล้วจูบไปที่หลังมือ
“ต้องมีที่ดีกว่าร้านนั้นแน่”
หลังจากพูดจบ เขาก็จับรถออกไปจากลานจอดรถใต้ดิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองจี้จิ่งเชินที่กำลังขับรถอยู่ ดูเหมือนว่าตั้งแต่พวกเขากลับมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเขาก็มีบางอย่างผิดปกติไป
ขณะกำลังคิด จี้จิ่งเชินก็หันไปมองที่เธอ
“ทำไมเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ไม่มีอะไร……”
วันรุ่งขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนมาถึงสตูดิโอตรงเวลา
นี่เป็นรายการนักสืบสมบัติ รายการแบบนี้ไม่เป็นที่นิยม แม้แต่เวลาที่ออกอากาศก็เป็นในช่วงบ่ายของวันธรรมดา
เวลาออกอากาศแบบนี้ โดยทั่วไปแล้วก็ชัดอยู่แล้วว่าเกือบจะไม่มีใครรับชม
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งมาถึง เธอก็เห็นว่านอกจากเธอแล้วในรายการยังมีนักวิจารณ์สองคนอยู่ในรายการ
นักวิจารณ์ทั้งสองคนนั้นอายุพอๆกันกับท่านเปิง แต่พวกเขาดูจริงจังมาก
ผู้ชายสวมชุดแบบสมัยเสื้อคอจีนสีดำ ส่วนผู้หญิงสวมชุดสูทเข้าชุดกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มดูกระโปรงของเธอ จู่ๆก็รู้สึกอายเล็กน้อย
“ฉันใส่กระโปรงไม่ค่อยเรียบร้อยไปหรือเปล่า ฉันควรเปลี่ยนเสื้อผ้าไหม?”
ผู้ช่วยโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร คุณใส่อะไรก็ได้”
พูดจบก็มีอีกหนึ่งประโยคเพิ่มขึ้นมาในใจของเธอยังไงเธออยู่ที่นี่ก็เหมือนกับแจกัน แน่นอนว่าเธอต้องแต่งตัวให้ดูดีเพื่อดึงดูดความสนใจ
ในสายตาของพวกเขา ไม่ได้ชื่นชมเวินเที๋ยนเที๋ยนตั้งแต่แรก
ผู้กำกับบอกกับพิธีกรอย่างเงียบ ๆ ว่าพยายามอย่าให้เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดจะดีกว่า เวลาที่พูดผิดจะได้ไม่ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองคนอารมณ์เสีย
คำพูดที่ผู้ช่วยพูดนั้น อาจารย์ทั้งสองท่านที่กำลังเดินมาได้ยินเข้าพอดี
พวกเขาแสดงออกว่าไม่พอใจเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างจริงจัง
พวกเขาพินิจดูแล้วพูดว่า “ดูแล้วเปิงอานคงจะไม่กล้ามาละสิ?ถึงให้สาวตัวน้อยมาแทน ไม่ใช่ว่ากำลังดูถูกพวกเราเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ทันได้พูดอะไร ผู้ช่วยก็กังวลว่าพวกเขาจะทะเลาะกันจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“เพราะว่าท่านเปิงติดธุระมาไม่ได้ เขาถึงให้ลูกศิษย์เขามาแทน”
ทั้งสองคนขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
“สาวตัวน้อยผมดำคนนี้จะมานั่งเสมอกับพวกเรา……”
ผู้ช่วยออกมาอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ท่านเปิงบอกว่า คุณเวินมีพรสวรรค์ในเรื่องวัตถุโบราณสูงมาก ดังนั้นส่งเธอมาที่นี่ น่าจะไม่มีปัญหา”
ชายคนนั้นหัวเราะเยาะและพูดว่า: “แต่ทำไมฉันได้ยินว่าเธอเรียนกับท่านเปิง ช่วงสั้นๆแค่ครึ่งปีเท่านั้นและเธอไม่เคยสัมผัสกับอาชีพนี้มาก่อน”
“แม้ว่าเธอจะเป็นอัจฉริยะสักแค่ไหน แต่วัตถุโบราณเป็นสิ่งที่จะมาทำอะไรสะเพร่าสักนิดเดียวก็ไม่ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟัง ก็รู้สึกได้ว่าทั้งสองคนไม่ลงรอยกับท่านเปิงจริงๆ อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา
“อาจารย์ทั้งสองท่าน ดิฉันด้อยความรู้ หวังว่าท่านทั้งสองจะกรุณาชี้แนะ”
“เหอะ!ถึงแม้ว่าจะแนะนำได้ คุณก็ต้องฟังให้เข้าใจด้วยถึงจะได้!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มเบาๆ และไม่ได้พูดอะไรอีก
ผู้ช่วยของผู้กำกับถอนหายใจโล่งอก ยังโชคดีที่เวินเที๋ยนเที๋ยนนิสัยดี
ถ้าหากทะเลาะกับทั้งสองท่านในวงการวัตถุโบราณขึ้นมา รายการนี้ก็อย่าหวังจะได้ทำเลย
อาจารย์สองคนมีความทะนงตนสูง ซึ่งเป็นปัญหาของนักวิชาการทุกคนที่พบได้บ่อย
แม้จะคาดการไว้นานแล้วว่าพาเวินเที๋ยนเที๋ยนจะต้องทำให้ทั้งสองคนไม่พอใจ
แต่เพื่อเรตติ้งคนดู พวกเขายอมเทหมดหน้าตัก
ผู้กำกับหัวเราะออกมาแล้วอธิบายว่า “รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ ท่านเปิงอาจจะกลับมาก็ได้”
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่เขากับเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ดีว่าตลอดทั้งรายการนี้ ท่านเปิงจะไม่ปรากฏตัว
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตั้งใจไปพาเวินเที๋ยนเที๋ยนมาหรอก
ทั้งสองพูดออกมาอย่างไม่พอใจ แล้วหันกลับมาและนั่งลงแท่นของนักวิจารณ์บนเวที
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปที่ที่นั่งของเธอ และในไม่ช้าการบันทึกรายการก็เริ่มขึ้น
ผู้ชมหลายร้อยคนเดินเข้ามา เติมเต็มที่นั่งด้านล่าง
คนบางส่วนที่ซื้อตั๋วเข้ามาเองเป็นคนที่ชื่นชอบวัตถุโบราณ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มของนักแสดงที่ได้รับความนิยมได้รับเชิญให้เข้าร่วม บนเวทีมีเรื่องอะไรพวกเขาไม่เข้าใจสักอย่าง
แต่คนที่ชื่นชอบวัตถุโบราณกลุ่มหนึ่งขมวดคิ้วไม่พอใจเมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยน
ช่วงแรกของการถ่ายทำ มีคนนำของล้ำค่าที่เขาสะสมไว้มา
นักวิจารณ์ทั้งสามขึ้นมาที่เวทีเพื่อตรวจสอบตามลำดับ และหารือสรุปผล
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดเสริมประเด็นและพูดคุยกับพวกเขาสักพักหนึ่ง แต่อีกสองคนกลับเลี่ยงเธออย่างเห็นได้ชัด
ไม่มีใครตอบอะไรออกไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทำเหมือนเธอเป็นอากาศ
หลังจากพยายามอีกสองครั้ง เวินเที๋ยนเที๋ยนจำใจต้องยอมแพ้และนั่งลงดูอยู่ข้างๆ
ตอนที่สืบสมบัติกับพวกเขา เมื่อพวกเขาแสดงความคิดเห็นก็สามารถได้รับประสบการณ์จากพวกเขาได้
แต่ผู้กำกับและพิธีกรเห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้เธอไป เมื่อสมบัติชิ้นสุดท้ายถูกส่งมา ก็ส่งคำถามมาให้เธอ
“คุณเวิน ไม่ทราบว่าคุณคิดอย่างไรกับแจกันนี้?”
โถลายครามสีฟ้าและสีขาววางอยู่บนโต๊ะกลางเวทีและมีแสงไฟส่องมาจากด้านบนทำให้ดูสว่างไสวและหรูหรา
ตามคำบอกเล่าของนักสะสม โถที่อยู่ตรงหน้าได้รับการสืบทอดมาจากราชวงศ์หมิง ไม่ว่าจะเป็นในแง่รูปแบบฝีมือหรือระดับความเก่าความใหม่ก็ล้วนสอดคล้องกัน
ผู้เชี่ยวชาญอีกสองคนก็คิดว่ามันเป็นของแท้
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนจำเบาะแสตอนที่เธอถือโถขึ้นมาสังเกตได้
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันคิดว่าโถใบนี้มีบางอย่างไม่ค่อยเหมาะสม”