เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 209 คุณกับหล่อนหลีเป็นอะไรกัน
บทที่209 คุณกับหล่อนหลีเป็นอะไรกัน
รถจอดลงกลางบริเวณลานกว้าง
เวินเที๋ยนเที๋ยนลงจากรถ สายตาสังเกตไปบริเวณรอบ ๆ ยังมีคนซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ
เธอขมวดคิ้วขึ้น เห็นทีประตูติดดาวสีแดงสดห้าดวง ในใจก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ชายที่เชิญเธอขึ้นรถในตอนแรกนั้นได้เดินมาอีกครั้ง
“คุณหนูเวิน เชิญออกมา”
ทหารที่ยืนอยู่ที่ประตูสองคนยืนเล็งปืนอยู่
เมื่อเดินเข้าไปก็มีคนตามในระยะประชิด
ภายในห้องนี้เงียบสงัดไม่มีเสียง
ได้ยินแต่เสียงเท้าที่กระทบกับพื้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ทันเดินเข้ามาก็ได้ยินพูดกระซิบเบา ๆ
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน คนที่นำตัวเธอไปกลับเอามือกั้นเธอเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน”
พูดจบเขาก็เดินเข้าด้านใน
ผ่านไปประมาณสองนาทีเขาก็เดินออกมาอีกครั้ง และเสียงด้านในก็หายไป
จากนั้นเขาถึงจะพูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยนว่า: “เข้าไปได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนย่างเท้าเข้าไปภายในห้องที่ค่อนข้างใหญ่ คนมีอายุในเครื่องแบบทหารนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน
ผมหงอกสั้นหยักศกเล็กน้อย ดูเป็นคนมีความสามารถ น้ำเสียงสดใส แต่รูปปากของเขานั้นดูเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ แต่รับรู้ได้ถึงความตัวตรงของเขา แถบสีเหลืองทองบนบ่าฝังด้วยแถบผ้าสีแดงสองแถบ ประดับด้วยดาวสี่ดวง
นี่เป็นทหารยศสูงนิ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไป เขาหันมามองเธอด้วยสายตาที่แหลมคม
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่กับที่ด้วยตัวที่แข็งทื่อ ไม่กล้าที่จะขยับตัว
เขามองดูเธอครู่หนึ่ง จากนั้นก็ละสายตาไป
“คุณคือคนที่บ้านตระกูลหล่อนรับไปเป็นลูกสาวบุญธรรมใช่ไหม”
น้ำเสียงนี้ของเขาทำให้คนไม่อาจขัดได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้ง และหรี่ตาลงเล็กน้อย
“คุณเป็นอะไรกับหล่อนหลี? ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคนเรียกชื่อเล่นของคุณนายหล่อน
หรือว่าในสายตาของเขานั้นบ้านตระกูลหล่อนไม่ได้มีความหมายอะไร?
เธอคิดไปคิดมา จากนั้นก็พูดตามความเป็นจริงว่า: “คุณนายหล่อนช่วยฉันเอาไว้ จากนั้นเธอก็เอาฉันมาเลี้ยง”
“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” เขาถามขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
ไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรผิดไปเขาถึงได้เงียบลง
ผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดเขาก็ถามขึ้น: “คุณรู้ไหมว่าคนแซ่เวินมีไม่มาก ทำไมคุณถึงตั้งชื่อตนเองว่าเวินเที๋ยนเที๋ยน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเขาถามด้วยคำถามนี้ เธอจึงตอบไปว่า: “ผู้อำนวยการที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้ฉัน”
เขาลุกจากเก้าอี้และเดินมาที่ตรงหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
สายตาจ้องมองที่ใบหน้า และผมของเธอ
“คุณคิดยังไงกับพ่อแม่แท้ ๆ ของคุณ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่ได้ตอบ เธอกลับถามเขาว่า: “คุณให้คนไปพาตัวฉันมาเพราะอะไรกันแน่?”
เธอพูดออกมาแบบนี้ทำให้คนที่ไปนำตัวเธอมาขมวดคิ้วขึ้นด้วยความไม่พอใจ
ชายทหารยศสูงผู้นี้กลับพูดว่า: “ผมก็แค่จะดูว่าคนที่กล้าลงมือกับตระกูลหล่อนจะเป็นยังไง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น
“คุณนายหล่อนเป็นคนที่จิตใจดี เธอเลยช่วยฉันเอาไว้”
“คนที่จิตใจดีอย่างนั้นเหรอ……”
เขายิ้มเล็กน้อย
“แม่สาวน้อย บางทีคุณอาจจะไม่รู้ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ คุณดีพอนะ ผมขอเตือนคุณให้รีบออกมาจากเธอซะ”
“ทำไม? ”
“ฟังผมสักครั้ง บางทีนี่อาจจะเป็นการช่วยชีวิตคุณเอาไว้ก็ได้นะ เพื่อไม่ให้คุณทำความชั่วตามคนอื่น”
คำพูดที่เย็นชานี้ทำให้คนตกใจได้
และในขณะเดียวกันนั้นมีคนเดินเข้ามาอย่าเร่งรีบ
“ท่านนายพล คุณชายมาแล้วครับ”
แม่ทัพขมวดคิ้วขึ้นพร้อมทั้งพูดด้วยเสียงต่ำว่า: “ทำไมถึงได้เร็วขนาดนี้……”
เมื่อพูดจบเวินหงหยู้ก็เดินเข้ามาทันที
เขามองไปที่โต๊ะแวบหนึ่ง เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่ จากนั้นก็หันไปที่โต๊ะอีกครั้ง เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยดูมีสง่ามาก
จากนั้นเขาพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า: “สวัสดีครับคุณพ่อ”
คุณพ่อเหรอ?
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเข้าก็หันไปมองทั้งสองด้วยความแปลกใจ
ที่แท้ท่านนายพลผู้สูงศักดิ์คนนี้เป็นพ่อของเวินหงหยู้
ท่าทางที่สง่างามของเวินหงหยู้ถึงแม้ว่าเขาจะปรากฏตัวอยู่ในค่ายทหาร แต่ดู ๆ ไปแล้วรูปร่างหน้าตาของเขานั้นไม่เหมือนพ่อของเขาแม้แต่นิดเดียว
เมื่อท่านนายพลเห็นเขาก็ถามขึ้นทันทีว่า
“อยู่ที่บ้านตระกูลหล่อนเป็นยังไงบ้าง ก่อนหน้านี้นึกถึงมานาน ในที่สุดตอนนี้ก็ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วสินะ? ”
เวินหงหยู้ตอบว่า: “ก็ดีครับ”
พูดจบเขาก็เข้าประเด็นทันที: “ผมมารับเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับครับ”
ท่านนายพลหันหลังกลับไปนั่งที่เก้าอี้ ไม่มองหน้าเวินหงหยู้เลยแม้แต่น้อย
“พูดแบบนี้ ไปอยู่ที่บ้านตระกูลหล่อน ไปเป็นคนขับรถหรือไปเป็นคนรับใช้ล่ะ? ”
เวินหงหยู้ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ท่านแม่ทัพเหอะออกมาคำหนึ่ง: “ในเมื่อจะไปก็รีบไปเถอะ”
“ขอบคุณครับคุณพ่อ”
เมื่อพูดจบเวินหงหยู้ก็เดินไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยนพร้อมทั้งพูดกับเธอว่า: “กลับไปกับผมเถอะ เธอรอคุณมาสักพักแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองท่านนายพลที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ จากนั้นพยักหน้า และเดินออกมาด้านนอก
เมื่อทั้งสองออกไป ลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ ท่านนายพลขมวดคิ้วพร้อมทั้งพูดขึ้นว่า: “ท่านนายพล จะยอมให้เธอออกไปง่าย ๆ แบบนี้เหรอครับ?”
ท่านนายพลเงยหน้าขึ้น
“ปล่อยไปเถอะ ลูกของบ้านตระกูลเวิน รั้งไว้ไม่อยู่”
เมื่อได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นด้วยความแปลกใจว่า: “ดูจากการสำรวจสถานการณ์ก่อนหน้านี้ ลักษณะของคุณหนูเวินคนนั้นไม่ตรงกันเลย ขนาดเอาดีเอ็นเอไปตรวจผลก็ออกมาชัดเจนว่าไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับคุณปู่เลย”
ท่านนายพลเงียบไปชั่วขณะถึงจะพูดออกมาว่า: “ไปดูที่โรงพยาบาลนั้นสิ ว่าเกี่ยวอะไรกับบ้านตระกูลเวิน”
ขณะที่พูดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยนที่เดินจากไป
“ดูเหมือนว่าเวินหงหยู้จะปิดบังเราอยู่หลายเรื่อง”
ทางด้านเวินเที๋ยนเที๋ยนที่เดินไปขึ้นรถกับเวินหงหยู้นั้น เดินไปด้วยความแปลกใจ
“คุณนายหล่อนให้คุณมารับฉันเหรอ? ”
คิดไม่ถึงว่าเวินหงหยู้จะส่ายหน้าให้กับคำถามนี้ของเธอ
“เธอยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ”
หากหล่อนหลีรู้เรื่องนี้เข้าตระกูลเวินต้องถูกเธอเล่นงานเป็นแน่ หาเวินเที๋ยนเที๋ยนเจอก็ไม่รู้ว่าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดไหน
การขัดแย้งกันของสองตระกูลในตอนนี้ก็รุนแรงขึ้น หากเกิดเรื่องขึ้นอีกก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้นไปเรื่อย ๆ แน่นอน
เขาหันหน้ามาพูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยนว่า: “ห้ามบอกเธอเด็ดขาด”
“ฉันรู้แล้ว” เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
ถึงแม้ไม่รู้ว่าที่จริงแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ดูจากทหารพวกนั้นแล้ว เธอก็ไม่สบายใจอยู่ดี
เมื่อเข้าไปในบ้านตระกูลเวินก็ได้เจอกับคุณนายหล่อนนั่งอยู่
เมื่อเห็นทั้งสองกลับมาด้วยกันเธอก็ถามขึ้นด้วยความแปลกใจว่า: “ไปไหนกันมาเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังลังเลกับการหาข้ออ้าง และมองไปที่เวินหงหยู้
“ออกไปเดินเล่นครับ”
คุณนายหล่อนไม่ได้สงสัยกับคำตอบของเขา เธอพยักหน้า จนกระทั่งเห็นทั้งสองไปมาหาสู่กันก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“ฉันยังไม่เคยออกไปเดินเล่นตามลำพังกับเที๋ยนเที๋ยนเลย คุณก็ชิงไปซะก่อนแล้ว”
เวินหงหยู้เดินไปจับมือเธอไว้พร้อมทั้งพูดว่า
“ไว้คราวหน้าเราไปด้วยกันนะ”
จากนั้นเขายังพูดต่ออีกว่า: “ผมมีเรื่องจะปรึกษาคุณด้วยนะหล่อนหลี”