เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 201 การต่อรอง
บทที่201 การต่อรอง
จี้จิ่งเชินพูดไปด้วยเดินไปด้วย เขาเดินไปข้าง ๆ โต๊ะทำงานของเวินเที๋ยนเที๋ยนพร้อมทั้งก้มหน้ามองเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นการเคลื่อนไหวของเขาก็ตกใจขึ้น เธอคว้าของบนโต๊ะขึ้นมาป้องกันตัวเอง
เมื่อเห็นท่าทางเธอแบบนี้แล้วจี้จิ่งเชินจึงขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“คุณทำอะไรอยู่ ? ให้ผมดูหน่อย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนวางมือลง
“เปล่า……”
จี้จิ่งเชินยิ่งขมวดคิ้วขึ้นพร้อมทั้งพูดว่า: “ช่วงนี้คุณเจอกับเว่ยเอ๋อใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนเปล่งประกายขึ้นมาทันใด จากนั้นก็พยักหน้า
“อือ ได้เจอกันช่วงสองวัน”
จี้จิ่งเชินถอนหายใจ แค่เขาเดาก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“คุณจะขอให้เขาถอนฟ้องอีกครั้งเหรอ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
จี้จิ่งเชินยื่นมือไปโอบกอดเธอไว้ในอ้อมอก จากนั้นก็หันตัวนั่งลงบนเก้าอี้
ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังคงเอามือปิดเอาไว้เพราะกลัวว่าจี้จิ่งเชินจะเห็น
ดูคล้ายกับว่าจี้จิ่งเชินเหมือนจะลืมว่ากำลังทำอะไรอยู่ แถมยังกอดเธอเอาไว้แน่น
“ผมเคยบอกคุณแล้วว่าไม่ต้องไปสนใจคน ๆ นั้นหรอก เขาไม่มีทางที่จะเอาคฤหาสน์ของผมไปได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น
“คฤหาสน์นั้นคุณเตรียมไว้นานแล้ว ไม่ใช่จะให้เป็นของขวัญกับใครคนหนึ่งเหรอ? หากเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง?”
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ยินก็ยิ้มขึ้นมาทันใด
“คุณเป็นห่วงมันเหรอ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลงเล็กน้อย
เธอจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไรกันล่ะ?
จี้จิ่งเชินเห็นปฏิกิริยาของเธอก็เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังหึง เขาก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“ผมรู้ แต่คุณไม่ต้องไปขอร้องเขา จริง ๆ แล้วผมเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว ภายในสองวันนี้แหละที่ผมจะมอบให้คนคนนั้น”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นพร้อมทั้งเบิกตากว้าง
“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ……”
อีกไม่นานเธอจะได้เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแล้วเหรอ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกตกใจและเคร่งเครียด
เธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้น
ก่อนหน้านี้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ดีแล้ว ถึงแม้ว่าจะเจอหน้ากันก็จะไม่ลำบากใจเด็ดขาด
แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงเธอกลับลุกลี้ลุกลนขึ้น
จี้จิ่งเชินเห็นเธอเอาแต่ก้มหน้าเขาก็ยิ้ม และพูดว่า: “กลัวอะไรเหรอ? เมื่อเจอกันคุณก็จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“อือ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า และมือของเธอที่ปิดอยู่นั้นก็เอาออกโดยที่เธอไม่รู้ตัว
จี้จิ่งเชินฉวยโอกาสนี้เหลือบไปมองแวบหนึ่ง
“คุณกำลังทำสิ่งนี้อยู่เหรอ? มันคืออะไร?”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินที่เขาถามก็รีบตอบไปว่า: “ฉันช่วงพวกเขาซ่อมสร้อยคอ”
“สร้อยคออย่างนั้นเหรอ? ”
จี้จิ่งเชินก้มหน้ามองพร้อมทั้งขมวดคิ้วขึ้น : “พังขนาดนี้แล้วยังจะซ่อมอีกเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
จี้จิ่งเชินมองหน้าเธอโดยมีเงื่อนงำ
“เกี่ยวข้องกับเว่ยเอ๋อเหรอ? ”
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเดาถูกขนาดนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนนิ่งเงียบไป
จี้จิ่งเชินพูดต่ออีกว่า: “เขาให้คุณซ่อมสร้อยคอนี่เหรอ? มีเงื่อนไขอะไร? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ดีว่าตนเองนั้นไม่สามารถปิดบังเขาได้ เธอเลยได้แต่พยักหน้าพร้อมทั้งพูดว่า : “เขาบอกฉันว่า ขอแค่ฉันช่วยซ่อมสร้อยเส้นนี้ได้เขาก็จะถอนฟ้องทันที”
“ไร้สาระ! ”
จี้จิ่งเชินอดไม่ได้เลยด่าออกไป
นี่เป็นครั้งแรกที่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดแบบนี้ออกจากปากเขา เธอเบิกตากว้างจ้องมองเขา
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น และสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ
“ไม่ต้องซ่อมแล้ว! ”
เขายื่นมือหยิบกล่องสร้อยที่อยู่ตรงหน้าเธอมา “ผมไม่กลัวมัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยื่นมือออกไปแย่งกล่องสร้อยกลับคืน พร้อมทั้งพูดขึ้นด้วยความรีบร้อนว่า: “แต่ฉันหาวิธีซ่อมมันได้แล้ว ให้เวลาฉันสักหน่อย ฉันซ่อมมันได้แน่”
จี้จิ่งเชินพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า: “นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณไม่ได้หลับไม่ได้นอนใช่ไหม?”
แถมฟังจากคำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยนเมื่อสักครู่นี้ สถานการณ์นี้ต้องเป็นแบบนี้ต่อไปอีกสองเดือน
“ไม่ได้!” สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจพูดคำนี้ขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ว่าตนเองไม่สามารถพูดเหตุผลกับเขาได้แล้ว ชายหนุ่มคนนี้หากไม่พูดเหตุผลกับเขาใครก็เอาเขาไม่อยู่
เธอได้แต่ขมวดคิ้ว
“นี่เป็นเรื่องของฉัน”
เป็นเพราะคำพูดนี้ของเธอที่ทำให้เขานิ่งอึ้งไป เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมทั้งจ้องหน้าเธอ
“คุณพูดว่าไงนะ”
ภายใต้น้ำเสียงที่ต่ำนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความอันตราย
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจกับคำพูดของเขา แต่ก็ยังพูดออกมาว่า: “ฉันจะต้องซ่อมสร้อยนี้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้”
จี้จิ่งเชินมองดูหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าที่กำลังกลัวตนอยู่ แต่ก็เลือกที่จะพูดแบบนี้ออกมา
แล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะ?
สำหรับผู้หญิงคนนี้แล้ว จะลงมือทำอะไรเธอก็ทำไม่ลง จะดุด่าก็ทำใจดุด่าไม่ได้อีก
ก็แค่ทำให้ตกใจแค่นิดหน่อยเธอก็ตกใจจนขดตัวกลมแบบนี้แล้ว สุดท้ายคนที่เจ็บปวดก็เป็นเขาเอง
“คุณจะซ่อมมันจริง ๆ เหรอ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงยืนหยัดพยักหน้า
จี้จิ่งเชินไม่มีวิธีแล้ว ทำได้แค่พูดด้วยความประนีประนอม: “ไหน ๆ ก็เป็นแบบนี้แล้ว ต่อไปในทุก ๆ คืน ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง”
“แล้วคุณไม่กลัวคนอื่นจะจับได้เหรอ? ”
จี้จิ่งเชินพูดด้วยความนิ่งว่า “วางใจเถอะ ผมมาหลายครั้งแล้ว ไม่เคยถูกจับได้สักครั้ง”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดนี้ของเขา เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ
“คุณมาหลายครั้งแล้วเหรอ? แล้วทำไมก่อนหน้านี้ฉันถึงไม่เห็นคุณล่ะ?”
จี้จิ่งเชินนิ่งไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็เผลอหลุดปากพูดออกไป เขาเอามือถูจมูกด้วยความเก้ ๆ กัง ๆ
“เหรอ? ผมเคยพูดเหรอ? รีบทำงานเถอะ ไม่มีเวลาแล้ว”
เขาดูนาฬิกา “ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงต้องพักผ่อนแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะคอยจับตามองคุณ ห้ามเกินเที่ยงคืนเด็ดขาด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนต่อรอง
“ตีสอง”
“เที่ยงคืน”
“ตีหนึ่งนะ? ”
จี้จิ่งเชินกัดที่ริมฝีปากเวินเที๋ยนเที๋ยน
“เที่ยงคืนครึ่ง ห้ามต่อรอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า จากนั้นก็ไปทำงานต่อ
จี้จิ่งเชินนั่งมองเธออยู่ด้านหลังพร้อมทั้งใบหน้าที่มีรอยยิ้ม
แม่สาวน้อยคนนี้ ตกลงแล้วเธอจะรู้ไหมว่าคฤหาสน์ที่เธอกำลังช่วยอยู่นั้นมันเป็นของเธอเอง
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้วจี้จิ่งเชินก็อดยิ้มไม่ได้ เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยสายตาที่อ่อนโยน
เรื่องนี้เขาจะบอกเธอก่อนไม่ได้ รอให้ถึงเวลาค่อยเซอร์ไพร้ส์เธอทีเดียว
เมื่อถึงเวลานั้นเรื่องราวที่ปิดเอาไว้ยี่สิบปีก็จะปรากฏให้เห็นตรงหน้า
สายลมพัดพาในยามราตรีที่มืดมน ณ คฤหาสน์ตระกูลหล่อน แต่แสงไฟภายในห้องของเวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงสว่างจ้าอยู่
จี้จิ่งเชินที่ยืนอยู่ด้านหลังเอนั้นกำลังนับเวลาถอยหลังอยู่
“ห้า สี่ สาม……”
ยิ่งเขานับเวลาถอยหลังเหลือน้อยเท่าไหร่ หญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าเขาก็ยิ่งลุกลี้ลุกลนมากขึ้นเท่านั้น มือเธอซ่อมสร้อยไป และปากของเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่รีบร้อนไปด้วยว่า
“รออีกสักครู่นะคุณ สิบนาที อีกสิบนาที”
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้วก็แอบยิ้ม เขาหยุดนับเวลาถอยหลัง และค่อย ๆ เอามือโอบเอวของเธอไว้ จากนั้นยื่นมือไปจับใบหน้าของเธอพร้อมทั้งเอาริมฝีปากของเขาประกบจูบลงบนริมฝีปากบาง ๆ ของเธอ
“ให้เวลาคุณอีกสิบนาที”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเขาประกบจูบกะทันหันแบบนี้จึงทำให้เธอตกใจอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเมื่อได้สติกลับคืนมาเธอจึงก้มหน้าก้มตาซ่อมสร้อยต่อไป
แต่การจูบครั้งนี้ทำให้เธอไม่มีสมาธิอีกต่อไป
ในหัว และในจิตใจของเธอนึกถึงแต่จูบของจี้จิ่งเชินเมื่อสักครู่นี้