เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 185 ช่วยอะไรฉันหน่อย
บทที่185 ช่วยอะไรฉันหน่อย
เห็นได้ชัดว่าจี้จิ่งเชินยืนอยู่ที่ประตูก็เพราะเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงชะโงกหน้าออกไปมองเล็กน้อย เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนรอบหนึ่ง ท้ายที่สุดจึงตอบเธอด้วยสีหน้า
ท่านจางและท่านเปิงยังคงรอคำตอบจากเวินเที๋ยนเที๋ยน
" สาวตัวน้อย?"
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองคนที่ยืนอยู่ข้างนอกและพูด " ไม่เป็นไร ให้เขาเข้ามาเถอะ "
ท่านจางและท่านเปิงไม่พอใจเล็กน้อย แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ตอบไปแล้ว พวกเขาจึงทำได้เพียงเห็นด้วย
ทันทีที่จี้จิ่งเชินก้าวเข้ามา เขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆห้องรับแขก เมื่อไม่พบร่องรอยของเว่ยเอ๋อ เขาจึงมีสีหน้าที่รู้สึกโล่งใจขึ้น
เขาเดินตรงไปข้างหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน และก้มลงมองดูเธอเล็กน้อย
" นี่นายจะทำอะไร? " เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความประหลาดใจ
จี้จิ่งเชินจึงพูด " กลัวว่าเธอจะไม่เชื่อฟังเลยแวะมาดูซะหน่อย "
" นี่นายเห็นฉันเป็นเด็กรึไง ? "
จี้จิ่งเชินยิ้มพลางพูด " เป็นเด็กก็ดีสิ "
เมื่อพูดจบเขาก็เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนมีท่าทีโมโห มุมปากของเธอถูกยกขึ้นมาเล็กน้อย
" ที่จริงแล้ววันนี้ฉันยังมีอีกเรื่องที่ต้องการให้เธอช่วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะถามว่าเรื่องอะไร แต่ท่านเปิงและท่านจางที่ยืนอยู่ข้างๆก็ทนไม่ไหวแล้ว
" พวกเธอสองคนซุบซิบอะไรกันอยู่ตรงนั้น? "
ท่านกวักมือเรียกเธอโดยตรง
" สาวตัวน้อย มาให้ฉันดูก่อนซิว่าฝีมือของเธอเป็นอย่างไร? "
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าและเดินเข้าไป เธอเพิ่งจะเดินออกไปก็มีสายตาของจี้จิ่งเชินที่มองตามเธอไปติดๆ
แต่ทันใดนั้นก็มีใครบางคนมาขวางอยู่ข้างหน้า
ท่านจางเข้าไปอยู่ระหว่างเขาและเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างโมโห เมื่อรู้สึกว่าสายตาของจี้จิ่งเชินกำลังมองไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยน เขาก็เป่าเคราและถลึงตาด้วยความโกรธ
“นี่คุณมองอะไรกัน!”
จี้จิ่งเชินจึงค่อยๆถอนสายตัวเองโดยไม่พูดอะไร
ท่านจางเอ่ยอย่างไม่พอใจ " ตกลงคุณมาที่นี่ได้ยังไง? ฉันบอกไว้ก่อนนะอย่ามารังควานสาวตัวน้อยอีก เธอเป็นคนใจอ่อน แต่ฉันไม่ใช่! "
เขาพูดด้วยความภาคภูมิใจ " ฉันเตรียมที่จะแนะนำเธอให้กับลูกชายของฉันแล้ว ลูกชายฉันน่ะ…… "
เมื่อได้ยินว่าเขากำลังจะเริ่มพูดถึงลูกชายตัวเอง ในที่สุดจี้จิ่งเชินก็พูดขึ้น
" ท่านจาง เมื่อสองวันก่อนผมได้ทานอาหารเย็นกับลูกชายคุณ และเขาบอกผมว่าเขามีคนที่ชอบแล้ว คาดว่าอีกสองวันก็คงจะแต่งงานและพาเธอคนนั้นมาพบคุณ "
เมื่อได้ฟังดังนั้น ท่านจางก็จ้องเขาด้วยตาที่เบิกกว้าง
" เป็นไปไม่ได้! แกโกหกฉัน! ลูกชายฉันจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน? "
ในขณะที่พูดเขาก็หันกลับมามองจี้จิ่งเชินด้วยความประหลาดใจ
" เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ? ฉันจะได้อุ้มหลานอย่างนั้นเหรอ? "
เขาตะโกนขึ้นด้วยความประหลาดใจและหันหลังวิ่งกลับไปหาท่านอาวุโสทั้งหลายเหล่านั้น
" ได้ยินไหม? ฉันจะได้อุ้มหลานแล้ว! ไม่ได้ๆ ฉันจะต้องรีบกลับไปดู พวกเธอคุยกันไปก่อน เอาไว้คราวหน้า คราวหน้าฉันจะกลับมา "
หลังจากพูดจบเขารีบออกไปข้างนอกโดยที่ไม่ทันรอให้ใครได้ตอบ
จี้จิ่งเชินมองเขาที่ออกไปและยิ้มอย่างพอใจ
ไม่เสียแรงจริงๆที่ไปทานอาหารกับลูกของท่านจาง ถือซะว่าแก้ไขเรื่องวุ่นวายไปได้อีกหนึ่งเรื่อง
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไป
ท่านเปิงและคนที่เหลืออยู่ในตอนนี้กำลังรวมตัวกันอยู่ข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยน เพื่อมองเธอลงมือฟื้นฟูบูรณะขวดดมกลิ่น
บนโต๊ะยังมีโคมไฟเล็กๆที่ส่องสว่างดวงหนึ่ง เพื่อให้เธอได้เห็นอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
แสงไฟที่ส่องสว่างเผยให้เห็นใบหน้าที่ขาวนวลและเป็นประกายของเธอ
เธอก้มหน้าตั้งใจบูรณะสิ่งของที่อยู่ในมือ คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันอย่างเอาจริงเอาจัง ทำให้มองเห็นถึงเงาแผงขนตาที่สะท้อนอยู่ในม่านตานั้น
นิ้วเรียวยาวขยับอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว ขวดดมกลิ่นที่ถูกบูรณะจึงได้เริ่มดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้น
ท่านเปิงพยักหน้าอยู่ข้างๆอย่างพึงพอใจ
" ไม่เลว ผ่านมานานขนาดนี้ฝีมือของเธอก็ยังไม่มีตก ถ้าอย่างนั้นฉันก็วางใจได้แล้ว "
เขาเพิ่งจะพูดจบ คนอื่นๆที่ยืนรออยู่ข้างๆก็ต่างรีบดึงตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนให้มาอยู่ข้างกาย เพื่อให้เธอได้ดูสิ่งของที่พวกเขาเพิ่งจะซื้อมาใหม่
ท่านเปิงมองพวกเขาด้วยความโกรธ แต่กลับพูดอะไรออกมาไม่ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกพวกเขาลากไปดูทางนี้ทีทางนู้นที กลายเป็นว่าเธอยุ่งจนยืนไม่ติดอยู่ทั้งบ่าย
แต่ถึงแม้ว่าจะยุ่งขนาดนี้ เธอก็ยังสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน
ในขณะที่จี้จิ่งเชินกำลังมองเธออยู่อย่างใกล้ชิด มันทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายจนเหงื่อออกเต็มมือและเหม่อลอยอยู่หลายครั้ง
และเมื่อเข้าช่วงบ่ายก็เป็นเวลาสายแล้ว ในที่สุดงานของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้เสร็จสิ้น
ในขณะที่กำลังเตรียมตัวจะออกจากบ้านของท่านเปิง เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้และหันไปถามจี้จิ่งเชิน
" เมื่อกี้นี้นายบอกมีเรื่องจะให้ฉันช่วย เรื่องอะไรเหรอ ?"
จี้จิ่งเชินพยักหน้าอย่างไม่รีบร้อน ราวกับว่าเรื่องของตัวเองนั้นไม่ได้สำคัญอะไรมาก
" เรื่องนี้เธอกับฉันต้องทำมันด้วยกัน "
เวินเที๋ยนเที๋ยนตามเขาเข้าไปในรถที่มุ่งหน้าไปยังใจกลางเมืองด้วยความสงสัย
ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรถจอดสนิทก็เป็นเวลาค่ำแล้ว
เมื่อเธอลงจากรถ จี้จิ่งเชินได้เข้ามาจับมือของเธออย่างเป็นธรรมชาติและเดินเข้าไปข้างใน
เธอเดินตามเขาเข้าไป ใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนวูบเล็กน้อยเมื่อก้มหน้ามองมือทั้งสองที่จับกับแน่น
หลังจากเดินไปได้ครู่หนึ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวเธอมันดูค่อนข้างคุ้นตา……
ด้านหน้าของเธอคือทะเลสาบลึก มีต้นหลิวอยู่สองสามต้นปลูกไว้ที่ทั้งสองฝั่งของทะเลสาบ
สายลมที่พัดเบา ๆยามค่ำคืนทำให้มันแกว่งไปมาอย่างอ่อนโยน และผ่านไปทางแผ่นน้ำทำให้เกิดระลอกคลื่นจาง ๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามันดูคุ้นตายิ่งขึ้น ราวกับว่าเธอเคยมาที่แห่งนี้มาก่อน
เธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้นก็เหมือนนึกอะไรออก เธอจึงหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเธอก็เห็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนซากปรักหักพังฝั่งตรงข้ามทะเลสาบ!
พื้นดินทั้งสองฝั่งของห้องสมุดเต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิดที่ดูมีชีวิตชีวา
และเหนือประตูหน้าพิพิธภัณฑ์ก็มีป้ายที่ระลึกขนาดใหญ่แขวนอยู่ —–พิพิธภัณฑ์เหว่ยชี
ทั้งสองข้างของถนนมีไฟส่องสว่างและแม้แต่ในพิพิธภัณฑ์ก็มีโคมไฟส่องสว่าง
เมื่อมองดูก็ราวกับว่ากับเป็นปราสาทที่ส่องสว่างแวววาวจากระยะไกล
จี้จิ่งเชินพาเธอไปข้างหน้าพลางพูด " ฉันเคยสัญญากับภรรยาของฉัน ว่าฉันจะสร้างพิพิธภัณฑ์ที่เป็นของเธอเพียงคนเดียว "
" ตอนนี้พิพิธภัณฑ์ก็สร้างเสร็จแล้ว เธอจะสามารถช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม? "
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังเหม่อลอยและตกตะลึงกับภาพตรงหน้าจนไม่ได้สติ
ในใจของเธอรู้สึกแปลกๆราวกับมีบางสิ่งกำลังถูกเก็บซ่อนอยู่ในนั้น
สิ่งที่เธอพยายามซ่อนมันมาตลอดกำลังปะทุออกมาอย่างช้าๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับไปมองจี้จิ่งเชิน
" เรื่องอะไรเหรอ ?"
จี้จิ่งเชินหยิบกล่องกล่องหนึ่งออกมาจากด้านหลัง แล้ววางมันไว้บนฝ่ามือของเธอ
"ภรรยาของฉันเคยสัญญากับฉัน ว่าเมื่อพิพิธภัณฑ์เสร็จสมบูรณ์ เธอจะเป็นคนนำของที่เก็บเอาไว้ส่งเข้าไปในพิพิธภัณฑ์เป็นสิ่งแรก"
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความรัก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเงาสะท้อนของผู้หญิงตรงหน้า
" เธอช่วยฉันได้ไหม? "
จี้จิ่งเชินเคยพูดอย่างนี้มาก่อน……
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆเคลื่อนจากใบหน้าของเขาไปยังกล่องที่เขาถืออยู่
เมื่อเปิดฝาก็จะเห็นที่ทับกระดาษชิงเถียนแกะสลักอยู่ด้านใน