เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 180 ผู้หญิงคนนั้นโง่มาก
บทที่180 ผู้หญิงคนนั้นโง่มาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกตกใจกับจูบที่กะทันหันเช่นนี้มาก จึงรีบชักเท้ากลับมา
เธอเบิกตามองจี้จิ่งเชิน
“คุณทำอะไรน่ะ?”
จี้จิ่งเชินย่อตัวลงตรงพื้น แล้วเงยหน้าขึ้นมามองเธอเล็กน้อย
แสงจากพระจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้าสาดส่องลงมาบนเรือนร่างของเขา
ดวงตาของเขาราวกับกำลังสะท้อนแสงออกมา เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเห็นเงาของตัวเองในดวงตาของเขา
จี้จิ่งเชินมองเธอ แล้วก้มหน้าลงอีกครั้ง แล้วยื่นมือออกไปยกเท้าอีกข้างหนึ่งของเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมา วางลงบนหัวเข่าของตัวเอง
เขาก้มหน้าลง แล้วปลดตัวล็อคของรองเท้าเธออย่างอ่อนโยน และตอนที่เห็นว่าเท้าของเธอมีรอยบวมแดงจากที่โดนถูนั้น เขาจึงขมวดคิ้วขึ้น
ราวกับว่าเรื่องตรงหน้านั้นเป็นเรื่องใหญ่
“ในเมื่อไม่เหมาะกับการใส่รองเท้าส้นสูงแล้วทำไมถึงยังใส่ล่ะครับ?” เขาเอ่ยพูดขัดขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่สามารถอธิบายออกมาได้ : “นี่คืองานเลี้ยงนะคะ”
เธอจ้องมองไปยังจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้า ด้วยความรู้สึกที่กังวลว่าเขาจะทำในสิ่งที่น่าตกใจเหมือนเมื่อครู่นี้อีก
เธอจะชักเท้ากลับ แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ยอมปล่อยมือ
เธอจึงเพียงแค่พูดออกมา : “คุณจี้คะ คุณปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”
แววตาของจี้จิ่งเชินหมองลงเล็กน้อย แล้วจึงปล่อยข้อเท้าของเธอ เขาไม่ได้กลับออกไป แต่กลับลุกขึ้นยืนถอดเสื้อสูทของตัวเองออกมาวางลงบนพื้นแทน
แล้วเอาเท้าทั้งสองข้างของเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมาวางเหยียบเอาไว้
“นี่ก็ไม่ต้องใส่รองเท้าส้นสูงพวกนั้นแล้วนะครับ” เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูชุดสูทตัวหรูที่ตัวเองเหยียบอยู่นั้น ก็ไม่รู้ควรจะทำอย่างไรดี
จี้จิ่งเชินกลับยังไม่อยากจากไป จึงทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยน
เขาเงยหน้าขึ้นมามองพระจันทร์บนท้องฟ้า พลางเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ : “ภรรยาของผมเมื่อก่อนเธอเองก็ไม่ชอบใส่รองเท้าส้นสูงเหมือนกันครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไป มือทั้งสองข้างจับกันแน่นขึ้น
“ผู้หญิงคนนั้นโง่มาก” จี้จิ่งเชินกล่าว
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองเขา
จี้จิ่งเชิน ยังว่าเธอโง่อีกด้วยอย่างนั้นหรือ?
เธอกลับเห็นรอยยิ้มบางๆที่ปรากฏออกมาตรงมุมปากของเขา ราวกับตกอยู่ในความทรงจำของตัวเอง
“โง่มาก”
เขาเอ่ยพูดขึ้นอย่างหนักแน่น : “ทั้งๆที่ใส่รองเท้าส้นสูงไม่ได้ แล้วทำไมทุกครั้งจะต้องใส่ด้วย?”
“ผมขวางเธอไม่ได้ จึงทำได้เพียงแค่แอบเอารองเท้าส้นสูงที่อยู่บ้านไปทิ้ง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งไปเล็กน้อย มิน่าล่ะ ช่วงหลังๆมาเธอถึงหารองเท้าส้นสูงของเธอไม่เจอเลย แม้จะต้องไปร่วมงานเต้นรำ จึงจำต้องใส่เพียงแค่รองเท้าส้นเตี้ยธรรมดาๆไปแทน
จี้จิ่งเชินยังคงพูดต่อ : “ตรงที่ที่เธอตกทะเลลงไป ผมไปเจอของสิ่งนึงที่เธอทิ้งเอาไว้ นั่นก็คือปากกาบันทึกเสียง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตากว้างมองเขา
แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ได้หันมามอง : “นั่นเป็นของที่เธอเตรียมเอาไว้จะให้ผมในวันเกิดของผมวันนั้น”
“แต่วันนั้นผมกลับเข้าใจเธอผิด ผมคิดว่าเธอหลอกผม หลอกทุกคน เหยียบย่ำความรู้สึกของผมแบบนั้น”
“ผมขังเธอเอาไว้ ขังไว้นาน เธอร้องไห้ แต่ผมก็ยังคงไม่เชื่อเธอ ผมยังบอกกับเธอว่า หัวใจของเธอนั้นไม่ได้มีค่าอะไรเลยสำหรับผม”
พูดถึงตรงนี้แล้ว เขาจึงหันกลับมามองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ข้างๆ
“จริงๆแล้ว ในหัวใจของผม หัวใจของเธอนั้นมีค่ามากกว่าอะไรทั้งนั้น เป็นสิ่งที่ผมไม่กล้าหวังมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ถูกสายตาของเขาสะกดเอาไว้นั้น หันกลับไป ไม่ได้พูดอะไรออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินจี้จิ่งเชินพูดคำพูดแบบนี้ออกมา
พูดจบแล้ว จี้จิ่งเชินกลับยื่นมือขาวของตัวเองออกไปตรงหน้าเธอ
ชุดสูทตรงมือของเขาเป็นเพราะการกระทำนี้จึงเลิกขึ้นมาเล็กน้อย เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูข้อมือของเขาที่มีสร้อยสีเงินเส้นหนึ่งพันเอาไว้อยู่
รูปแบบของสร้อยเส้นนี้นั้นค่อนข้างพิเศษ จี้รูปหัวใจมีรูปใส่เอาไว้อยู่ด้านใน
จี้จิ่งเชินมองเธอพลางเอ่ยขึ้น : “คุณอยากเห็นรูปที่อยู่ในสร้อยเส้นนี้ไหมครับ?”
แน่นอนว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้อยู่แล้วว่ารูปที่อยู่ข้างในนั้นคือรูปอะไร แต่ จี้จิ่งเชินยังเก็บเอาไว้อยู่หรือ?
มือที่ยื่นออกไปของเธอนั้นหยุดค้างอยู่กลางอากาศเช่นนั้น จนผ่านไปสักพักหนึ่งเธอถึงดึงมือตัวเองกลับมา
“ฉันไม่ดูดีกว่าค่ะ”
จี้จิ่งเชินไม่ได้บังคับเธอ แต่กลับดึงมือกลับมาอย่างผิดหวัง แล้วจึงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ความเงียบรอบๆนั้นแทบจะทำให้รู้สึกขาดอากาศหายใจ เวินเที๋ยนเที๋ยนทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นมา
“ขอโทษทีนะคะ ฉันจะต้องกลับไปแล้ว”
จี้จิ่งเชินกลับเอ่ยขึ้น : “ให้คนของตระกูลหล่อนเอารองเท้ามาให้ใหม่เถอะครับ อย่าใส่คู่นี้อีกเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอก้มลงมองเท้าของตัวเอง แล้วใส่รองเท้าส้นสูงนั่นใหม่อีกครั้ง
“ฉันคิดว่า ฉันจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับมันได้ค่ะ”
“คนเรามักจะทุ่มเทแลกกับบางอย่างมาก็เพื่อเรื่องของตัวเอง ไม่ใช่หรือคะ? อยากจะดูดี ก็จำเป็นต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนบางอย่าง เรื่องอื่นๆก็คงจะเหมือนกัน”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับยิ้มออกมา
“ขอบคุณนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เสื้อผ้าของคุณเลอะไปหมด ฉันจะให้พวกเขาทำความสะอาดให้คุณใหม่ หรือไม่ก็จะซื้อตัวใหม่ให้คุณนะคะ”
จี้จิ่งเชินก้มลงเก็บเสื้อของตัวเองขึ้นมา แล้วยื่นส่งให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
“ไม่ต้องซื้อใหม่หรอกครับ คุณจะพอช่วยรีดให้ผมใหม่ได้ไหมครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เพิ่งจะรับเสื้อมานั้น จู่ๆก็เห็นสายตาของจี้จิ่งเชิน
เธอจึงนึกขึ้นมาได้ ว่าเมื่อก่อนจี้จิ่งเชินเองก็ให้เธอรีดเสื้อผ้าให้เหมือนกัน
“ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันให้คนของตระกูลหล่อนมาเอาไปรีดให้นะคะ”
จี้จิ่งเชินจ้องเธออยู่พักหนึ่ง แล้วจึงส่ายหน้า พลางเอ่ยขึ้น : “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องหรอกครับ”
“ก็ได้ค่ะ”
พูดจบแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงหันหลังกลับเดินเข้าไปในงาน
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ตรงที่เดิม มองตามเบื้องหลังที่เดินออกไปแล้วของเธอ การเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งเวินเที๋ยนเที๋ยนหายไปจากสายตาของเขา
หล่อนหลียืนมองอยู่ในมุมที่ไม่ไกล แล้วขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“เขาเองก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นเสียหน่อย ไม่ใช่หรือ?”
ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ เอ่ยพูดขึ้นมา พลางขมวดคิ้ว
“คุณไม่รู้หรอก ว่าเมื่อก่อนเขาทำอะไรกับเที๋ยนเที๋ยนไว้บ้าง ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขา เที๋ยนเที๋ยนก็จะไม่ตกลงไปในทะเล อีกเพียงแค่นิดเดียวฉันก็เกือบจะสูญเสียลูกสาวของเราไปแล้วนะ”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมคุณถึงให้เที๋ยนเที๋ยนออกมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งล่ะ? ตระกูลเจี่ยง ตระกูลจี้ คนตระกูลพวกนี้เห็นเธอเป็นหนามยอกอกกันทั้งนั้น เพียงแค่เที๋ยนเที๋ยนปรากฏตัวออกมา พวกเขาจะต้องทำอะไรขึ้นมาอีกอยู่แล้ว”
หล่อนหลีพ่นลมหายใจออกมา
“ตระกูลหล่อนจำเป็นต้องมีทายาทสืบทอด”
“ต่อไป ถ้าเธอต้องสืบทอดกิจการของตระกูลหล่อน แล้วหากถ้าฉันไม่ได้อยู่ข้างๆเธอ จะต้องได้รับการถูกข่มเหงรังแกอย่างแน่นอน เธอเพียงแค่จะต้องแข็งแกร่งขึ้นมาให้ได้ ถึงจะสามารถปกป้องตัวเองได้”
ชายที่อยู่ในมุมมืดนั้นถอนหายใจออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วจึงเอ่ยพูดขึ้นกับผู้หญิงตรงหน้า ราวกับเขาเองก็ไม่มีวิธีอะไรแล้ว
“ยังมีเวลาอีกมากนี่ครับ”
“ไม่ ไม่มากแล้ว…..” หล่อนหลีเอ่ยพูดขึ้น
ชายคนนั้นยืนขึ้น แล้วเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ : “เที๋ยนเที๋ยนเองก็ต้องการผู้ชายคนที่จะสามารถอยู่เคียงข้างเธอไปได้ตลอดชีวิตเหมือนกัน”
น้ำเสียงของหล่อนหลีนั้นมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก
“ฉันมีตัวเลือกที่เหมาะสมมากกว่าจี้จิ่งเชิน”
ท่ามกลางความมืดนี้ ชายผู้นั้นยื่นมือออกมาดึงมือของหล่อนหลีเอาไว้ แล้วนำมาวางบนริมฝีปากของตัวเอง
“หล่อนหลี คุณยังจำตอนนั้นที่พ่อแม่ของเราคัดค้านไม่ให้พวกเราคบกันได้ไหม พวกเขาพูดในสิ่งที่คุณพูดอยู่หรือเปล่า?”
หล่อนหลียืนอยู่ตรงที่เดิม ไม่ได้หันกลับมา
จนผ่านไปสักพักหนึ่ง เธอถึงได้เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ : “คุณต้องการจะบอกว่า ฉันเปลี่ยนไปอย่างนั้นหรือคะ?”
ชายผู้นั้นเอ่ยขึ้น : “ท่าทางของคุณในตอนนี้ เหมือนกับพ่อแม่ที่ขัดขวางไม่ให้พวกเราคบกันในตอนนั้นเลยต่างหากครับ”
หล่อนหลีขมวดคิ้ว
“ฉันเพียงแค่อยากทำเพื่อเขา”