เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 179 จูบที่จริงใจที่สุด
บทที่179 จูบที่จริงใจที่สุด
เสียงที่อ่อนโยนทุ้มต่ำดังขึ้นข้างๆหูเธอ
เสียงของจี้จิ่งเชินนั้นเป็นเหมือนกระแสไฟฟ้าที่ดังขึ้นมาข้างหู
ร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะสั่นขึ้นมาไม่ได้ แม้กระทั่งหูของเธอนั้นก็รู้สึกชาไปหมดแล้วเช่นกัน
“ใช่….ใช่หรือคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตอบกลับไปอย่างลนลาน แม้แต่จะมองหน้าเขานั้นเธอยังไม่กล้าเลย
และตลอดเพลงที่เต้นรำกันนั้น พวกเธอก็ไม่ได้พูดอะไรกันออกมาอีก แม้แต่จี้จิ่งเชินเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเช่นกัน
เพลงจบแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากเวทีนั้น ก็มีอีกคนหนึ่งที่เดินมาเชื้อเชิญเธอเช่นกัน
“คุณเวินครับ เราเต้นรำกันสักเพลงได้ไหมครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนโบกมือ ปฏิเสธคำขอของพวกเขาไป และหันหลังเดินกลับออกมาอีกทางหนึ่ง
และเพิ่งที่จะเดินมาตรงด้านหน้าของหน้าต่างนั้น จู่ๆก็ได้ยินเหมือนกับมีคนเรียกเธออยู่
“สาวตัวน้อย! สาวตัวน้อย!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับไป เห็นท่านเปิงและท่านจางยืนอยู่ข้างๆ แล้วกำลังโบกมือให้เธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองพวกเขา ยิ้มแล้วเอ่ยถามขึ้น
“ท่านจาง”
ท่านจางได้ยินแล้ว จึงรีบตีท่านเปิงที่อยู่ข้างๆ
“คุณดูสิ! คุณดูสิ! ผมบอกแล้ว ว่าเธอจะต้องเป็นเที๋ยนเที๋ยนอย่างแน่นอน มีเพียงแค่สาวตัวน้อยเท่านั้นแหล่ะถึงมีลักษณะนิสัยเฉพาะตัวแบบนี้”
ว่าแล้วนั้น เขาจึงรีบเดินเข้าไปหา
“สาวตัวน้อย เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมอยู่ดีๆเธอถึงได้กลายมาเป็นคนของตระกูลหล่อนได้ล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าพลางเอ่ย : “คุณนายหล่อนรับเลี้ยงฉันเอาไว้ค่ะ”
“แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้ แล้วทำไมเธอถึงไม่บอกล่ะว่าเธอเป็นสาวตัวน้อยน่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มบางๆออกมา
“เวินเที๋ยนเที๋ยนคนก่อนตกทะเลตายไปแล้วค่ะ ฉันไม่ใช่เธอ”
ท่านจางรู้สึกอึ้งไปอยู่พักหนึ่ง ตบเข้าตรงหน้าผากของตัวเอง แล้วถึงได้เข้าใจ
“ใช่! ใช่! แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ต่อไปเธอจะได้ไม่ต้องถูกจี้จิ่งเชินนั่นมาก่อกวนอีกแล้ว เจ้านั่นไม่ได้มีอะไรดีเลย”
ท่านเปิงนั้นกลับไม่ได้ดูรู้สึกตื่นเต้นเท่าเขา หลังจากที่จำเวินเที๋ยนเที๋ยนตรงหน้าได้แล้ว เขาก็ปล่อยวาง
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ขอเพียงแค่สาวตัวน้อยมีความสุขและปลอดภัยก็พอแล้ว
“แล้วตอนนี้เธอวางแผนจะทำอย่างไรต่อล่ะ?” ท่านเปิงเอ่ยถาม
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดแล้ว จึงเอาแผนก่อนหน้านี้เล่าให้พวกเขาฟัง
“คนที่เผาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนนั้น และคนที่ผลักฉันลงมาจากหน้าผาที่สูงชัน ฉันจะไม่ยอมให้พวกเขาทำเรื่องนอกกฎหมายแบบนี้ต่อ เรื่องที่ทำผิดก็ควรจะได้รับการชดใช้”
ท่านจางและท่านเปิงพยักหน้า
“ไม่มีปัญหา! ขอเพียงแค่เธอบอกมา สิ่งที่พวกเราช่วยได้ เราก็จะช่วย!”
เขาตีลงตรงหน้าอกของตัวเองเพื่อเป็นการรับประกัน
ท่านเปิงที่อยู่ข้างๆก็อดที่จะทำลายความกระตือรือร้นนี้ของเขาไม่ได้
“ตอนนี้สาวตัวน้อยเป็นถึงลูกสาวของคุณนายหล่อน ใครจะกล้าหาเรื่องเธอกันล่ะครับ? ไม่อยากจะทนใช้ชีวิตอยู่แล้ว? ยังมีเรื่องที่เธอจะทำไม่ได้อีกอย่างนั้นหรือ? คุณก็หยุดก่อนก็ได้มั้งครับ”
ท่านจางจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ
“เกี่ยวอะไรกันล่ะ? สาวตัวน้อยเที๋ยนเที๋ยน เธอต้องการจะทำอะไร ก็บอกฉันได้เลยนะ ฉันให้เจ้าลูกชายโง่ๆของฉันไปช่วยเธอได้”
ว่าแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอีก
“แต่จี้จิ่งเชินนั่น เธออย่าไปคบกับเขาอีกนะ เธอคงจะไม่รู้ ตอนแรกที่เธอตกทะเลไป เขาก็เริ่มให้คนไปตามหาตัวเธอ แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ยกเลิกทุกอย่างแล้ว”
“คนแบบนี้ มีอะไรดี เธอลืมเขาให้ได้เร็วๆเถอะนะ”
“เขาไม่ได้ตามหาฉันหรอกหรือคะ?”
“หาแล้ว แต่หาอยู่ไม่กี่วันก็ถอดใจแล้ว เธอว่ามันใช่ไหมล่ะ?” ท่านจางรู้สึกขุ่นเคือง
รอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นหม่นหมองลง เธอหลบตาลงเล็กน้อย
“บางที เขาคงจะรู้สึกว่าฉันตายไปแล้วจริงๆก็ได้ค่ะ”
ท่านเปิงที่เห็นแววตาที่ดูเจ็บปวดนี้ของเธอแล้ว จึงตีท่านจางไปด้วยความไม่พอใจ แล้วให้เขาไม่ต้องพูดอะไรออกมาต่อแล้ว
ท่านจางลูบจมูกตัวเอง แล้วพูดออกมาอย่างไม่สนใจ : “สาวตัวน้อย เธอเองก็ไม่ต้องกังวลไปหรอก ผู้ชายดีๆบนโลกนี้มีเยอะ หาเทพเจ้าอย่างคางคกฟ้าไม่เจอ ผู้ชายที่มีสองขาก็ไม่ใช่ว่ามีอยู่ทุกที่หรอกอย่างนั้นหรือ?”
“ฉันจะบอกเธอให้นะ เจ้าลูกชายของฉัน……”
เขาเพิ่งจะเอ่ยพูดออกมา ท่านเปิงก็ตัดบทด้วยความรำคาญ
“ลูกของคุณโง่ขนาดนี้ ไม่ต้องแนะนำให้สาวตัวน้อยหรอกครับ”
ท่านจางถลึงตาขึ้นมาในทันที พลางเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ : “ลูกชายผมโง่ที่ไหนกัน? บริษัทตั้งใหญ่ขนาดนี้ เขาดำเนินงานคนเดียว ฉลาดต่างหากล่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองทั้งสองคนเถียงกันแล้ว อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“ท่านเปิงคะ ต่อไปฉันจะไปเรียนกับคุณต่อนะคะ เพียงแต่ว่าทางโรงเรียนนั้น ฉันอาจจะไม่ได้กลับไปอีกแล้วล่ะค่ะ”
ท่านจางพยักหน้า
“ไม่มีปัญหา เพราะถึงอย่างไรจะสอนที่โรงเรียนหรือสอนที่บ้านก็เหมือนกันอยู่แล้ว ฉันจะต้องฝึกสอนเธอให้เป็นคลื่นลูกใหม่ที่เก่งกว่าคนรุ่นก่อนๆให้ได้อย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินพูดถึงวัตถุโบราณแล้ว ท่านจางก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แล้วรีบดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามา
“ใช่แล้ว เมื่อวันก่อนฉันมีได้เครื่องเคลือบลายครามมาสองสามชิ้น กำลังกังวลอยู่ว่าจะไม่มีคนดู เธอมีเวลาเมื่อไหร่ พวกเราไปดูด้วยกันสิ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี
“ได้ค่ะ รอให้ฉันมีเวลา แล้วฉันจะไปหานะคะ”
ท่านเปิงได้ยินคำพูดนี้แล้วนั้นรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอยู่บ้าง
พวกคนอายุมากๆพวกนี้ มักจะหาวัตถุโบราณมาให้เวินเที๋ยนเที๋ยนวินิจฉัยและประเมินค่า แล้วยังจะเอาของที่ตัวเองทำพังมาให้เธอซ่อมอีกด้วย
พวกเขาจะไม่รู้กันเชียวหรือว่าคนที่ซ่อมแซมวัตถุโบราณนั้นมีน้อยกว่าวัตถุโบราณเสียอีก?
ลงมือเพียงหนึ่งครั้งก็ได้รับค่าตอบแทนเป็นแสนเป็นล้านแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ทำให้พวกเขาฟรีๆตลอดทั้งวันเสียอย่างนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนนิสัยดี ไม่เคยคิดเงินกับพวกเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ท่านเปิงอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่ท่านจาง ทั้งๆที่มีทรัพย์สินมากมายขนาดนี้ ยังจะขี้เหนียวแบบนี้อีก พวกคนขี้เหนียว!
กลัวว่าเขาจะหาเวินเที๋ยนเที๋ยนให้ซ่อมอะไรให้อีก ท่านเปิงไม่ได้เอ่ยพูดอะไรต่อ จึงรีบพาตัวเขาเดินออกไป
และเมื่อพอพวกเขาเดินออกไปนั้น คนที่รออยู่ทางด้านข้างก่อนหน้านี้ ที่คิดอยากจะคุยกับเธอนั้น ก็พากันมาล้อมเธอเอาไว้
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองคนที่อยู่รอบๆ จึงโบกมือขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง
“ขอโทษนะคะ ฉันไม่อยากออกไปเต้นแล้ว”
บุคคลเหล่านั้นจึงเปลี่ยนประเด็น : “ไม่อยากเต้น ถ้าอย่างนั้นพวกเราคุยกันก็ได้ครับ”
“คุณเวินครับ ปกติแล้วคุณสนใจเรื่องเกี่ยวกับอะไรหรือครับ?”
“ชอบดูหนังอะไรครับ?”
คนพวกนั้นต่างก็แย่งกันพูด เห็นได้ชัดว่าต้องการโอกาสที่จะเข้าหาเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนจะมองความคิดที่อยู่ในใจของพวกเขาไม่ออกได้อย่างไรกัน เธอโบกมือขึ้น แล้วจึงรีบหาข้ออ้างเพื่อแอบหนีออกมา
ตรงห้องโถงนั้นเต็มไปด้วยผู้คน จึงทำได้เพียงแค่เดินมายังลานบ้าน
ได้ยินเสียงในงานเลี้ยงค่อยๆไกลออกไปแล้วนั้น ในที่สุดเธอถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
ดอกไม้ตรงลานบ้านนั้นกำลังเบ่งบาน แสงไฟริมทางเดินนั้นก็ส่องออกมาอย่างอบอุ่น เป็นแสงสลัวๆสีเหลือง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไป แล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ยาว ก้มลงมองที่เท้าทั้งสองข้างของตัวเอง
เธอยังคงไม่ชินกับการใส่รองเท้าส้นสูงแบบนี้ เดินได้เพียงแค่ชั่วครู่เดียว ก็รู้สึกเจ็บไปหมดแล้ว
เธอเห็นว่าบริเวณรอบๆไม่มีคน จึงก้มตัวลงเพื่อเตรียมจะถอดรองเท้าออกพักผ่อนสักพักหนึ่ง
และที่เพิ่งจะก้มหน้าลงมานั้น จู่ๆก็มีมือคู่หนึ่งยื่นมาตรงหน้าเธอ
มือยาวนั้นเร็วกว่าเธอ ยกเท้าของเธอขึ้นมา แล้ววางลงบนหัวเข่าตัวเองอย่างเบามือ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นจี้จิ่งเชินกำลังก้มหน้าลง ที่กำลังตั้งใจถอดรองเท้าส้นสูงให้เธอ
เท้าขาวๆถูกรองเท้าส้นสูงถูเสียจนเป็นรอยแดง
จี้จิ่งเชินจับเท้าของเธอเพื่อดู ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก จึงคิดที่จะดึงเท้ากลับมา
และวินาทีต่อมานั้นเอง กลับเห็นว่าจี้จิ่งเชินก้มหน้าลงโดยที่เธอเองก็ไม่ทันได้คาดคิดเอาไว้
เขาหลับตาลงเล็กน้อย ท่าทางดูจริงใจเป็นอย่างมาก แล้วประทับจูบลงเบาๆที่หลังเท้าของเธอ