เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 176 พระเจ้าก็ต้องรับฟังผมเหมือนกัน
บทที่176 พระเจ้าก็ต้องรับฟังผมเหมือนกัน
น้ำเสียงนุ่มนวลและเบามากของจี้จิ่งเชินนั้นดูไม่เหมือนเป็นคำพูด ราวกับเป็นเพียงแค่เสียงลมพัดในยามค่ำคืนเพียงเท่านั้น
“ผมรู้ว่าคุณยังอยู่ ผมรู้”
“เพราะว่าผมเคยติดต่อกับพระเจ้า แม้แต่เขาก็ยังจะต้องฟังผมเหมือนกัน”
เขาเอ่ยออกมาเสียงเบา
เวินเที๋ยนเที๋ยนราวกับได้ยินอะไร เธอขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แล้วพลิกตัว แล้วนอนต่อไปเสียอย่างนั้น
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ข้างๆเตียงของเธอ จ้องมองใบหน้าของเธอเช่นนั้นอยู่เป็นชั่วโมง
จนกระทั่งได้ยินเสียงของบอดี้การ์ดที่ดังขึ้นมาจากทางด้านนอก ฟ้าใกล้สว่างแล้ว เขาถึงได้ยอมกลับออกไปอย่างไม่เต็มใจสักกเท่าไรนัก
วันรุ่งขึ้น
คุณนายหล่อนพบกว่า นักสืบที่สืบเรื่องของตระกูลหล่อนอยู่ทั้งหมดก่อนหน้านี้นั้นได้วางมือกันไปหมดแล้ว
ราวกับว่าจี้จิ่งเชินยอมปล่อยวางเรื่องที่จะตามหาตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ได้ยินข่าวนี้แล้วนั้น ทำให้เธอต้องขมวดคิ้วขึ้นมา
พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆเอ่ยพูดขึ้น : “ตอนนี้จี้จิ่งเชินคงจะเชื่อแล้วนะครับ ว่าคุณเวินได้เสียชีวิตไปแล้ว ถึงได้ยอมหยุดที่จะตามหาไปแล้ว”
คุณนายหล่อนกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
จากตอนที่เธอพบกับจี้จิ่งเชินเมื่อวานนี้แล้ว ดูจากการแสดงออกมาของเขา จี้จิ่งเชินยืนกรานกับเรื่องของเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นอย่างมาก เขาคงจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆเช่นนี้
หรือบางทีอาจจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น
หลังจากที่ไตร่ตรองอยู่สักพักหนึ่งแล้วนั้น เธอถึงได้เอ่ยพูดขึ้น : “ให้พวกเขาระวังตัวกันหน่อยแล้วกัน อย่าให้มีพิรุธอะไรออกมา”
คืนวันนั้น จี้จิ่งเชินกลับมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง
เขาหลบหลีกจากบอดี้การ์ดทั้งหมดด้วยความระมัดระวัง และมายังด้านหน้าห้องของเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้ง มองเธอที่กำลังจะเข้านอน แล้วจึงค่อยๆเดินเข้าไปจากทางประตูอีกครั้ง
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปราศจากเสียงใดๆ และไม่มีการค้นพบใดๆเกิดขึ้นทั้งสิ้น
เป็นถึงผู้ก่อสร้างบริษัทเอ็มไอกรุ้ป เหมือนปิศาจร้ายอย่างที่ผู้คนพูดกัน กลับแอบย่องเข้ามาในห้องของคนอื่น
เขาจ้องมองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังหลับสนิท ในแววตาปรากฏความรักความผูกพันและความอ่อนโยนที่แทบจะแยกจากกันไม่ได้นั้นออกมา
จี้จิ่งเชินยกมือขึ้นมา แล้ววางอยู่ตรงข้างๆมือของเธอเบาๆ แต่กลับไม่กล้าจับ เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอตื่น
เสียงเบาๆของเขาที่เบาเสียจนไม่รู้จะเบาอย่างไรนั้นดังขึ้น : “อย่ากังวลนะ อีกไม่นานผมจะมารับคุณกลับไป”
ไม่นาน ขอเพียงแค่เขากำจัดอุปสรรคทุกอย่างให้หมดก่อน ก็จะเป็นวันที่เขาจะมารับเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับบ้าน
ครั้งนี้ เขาจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมีโอกาสมาทำร้ายเวินเที๋ยนเที๋ยนได้อีกแล้ว
เขาจูบลงบนผมของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างให้ความเลื่อมใสกับคำสัญญานี้ของตัวเอง
เขาอยู่จนถึงรุ่งสาง จนในที่สุดจี้จิ่งเชินถึงได้เตรียมตัวกลับออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไป
คุณนายหล่อนยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติไป
หากตามนิสัยของจี้จิ่งเชินแล้วนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยอมปล่อยได้เร็วขนาดนี้
แม้กระทั่งเธอเองก็เคยคิดเสียด้วยซ้ำว่าถ้าหากจี้จิ่งเชินยังจะจู่โจมไม่เลิกนั้น เธอก็จะส่งตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนไปต่างประเทศ รอให้สถานการณ์ในช่วงนี้ได้คลี่คลายลงก่อน แล้วค่อยส่งตัวเธอกลับมา
แต่ไม่คิดว่า จี้จิ่งเชินจะมีการเปลี่ยนแผนก่อนล่วงหน้าเช่นนี้
เธอมองท้องฟ้าทางด้านนอกอย่างลังเล
เวลานี้สีท้องฟ้านั้นยังไม่สว่างดีนัก เวลายังคงเช้าอยู่มาก
คุณนายหล่อนลุกขึ้นมา แล้วเดินมาทางห้องของเวินเที๋ยนเที๋ยน
และเมื่อเพิ่งจะเดินเข้ามายังดงป่าต้นเมเปิ้ลนั้น เธอก็มองเห็นร่างของใครคนหนึ่ง ที่เดินออกมาจากห้องของเวินเที๋ยนเที๋ยน
สายตาของเธอจ้องมองอยู่ และขณะที่กำลังจะตะโกนเรียกคนนั้น เธอก็เห็นใบหน้าของคนคนนั้น!
จี้จิ่งเชิน?
เธอเห็นจี้จิ่งเชินเดินออกมาจากห้อง
ก็เข้าใจขึ้นมาในทันที มิน่าล่ะก่อนหน้านี้เขาจึงหยุดที่จะตามหาตัวเวินเที๋ยนเที๋ยน
แต่สรุปแล้วเขารู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่?
คุณนายหล่อนจึงนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องก่อนหน้านี้อีกครั้ง กลับยังคิดไม่ออกว่าตรงจุดไหนที่ทำให้มีพิรุธออกมาได้แบบนี้
เธอไม่ได้เดินไป แต่กลับยืนมองจากมุมไกลๆแทน
หรือบางทีจี้จิ่งเชินจะเริ่มรู้เบาะแสของเวินเที๋ยนเที๋ยนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ทำไมเขาถึงไม่พาตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนไปกัน?
คุณนายหล่อนขมวดคิ้ว หลังจากที่รู้ว่าช่วงเวลาที่อยู่บ้านตระกูลจี้เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องได้รับความทนทุกข์เช่นนั้นแล้ว เธอก็สาบานแล้ว ว่าจะไม่ยอมให้เที๋ยนเที๋ยนคบกับจี้จิ่งเชินเป็นอันขาด
แม้กระทั่งจะให้เขาชดใช้กับสิ่งที่เขาควรจะได้รับอีกด้วย!
เธอยืนอยู่ตรงที่เดิมนั้นสักพักหนึ่ง จนกระทั่งฟ้าสว่าง ในที่สุดก็ได้ตัดสินใจบางอย่างขึ้นมาได้
วันรุ่งขึ้น การปรากฏตัวของจดหมายเชิญฉบับหนึ่ง ทำให้ทั้งเมืองหลวงแทบระเบิดขึ้นมาในทันใด
คุณนายหล่อนจะมีการจัดงานเลี้ยงขึ้น เชื้อเชิญตระกูลที่มีชื่อเสียงทั้งหมดมาร่วมงานนี้
ทุกคนที่ได้รับจดหมายเชิญนี้ล้วนแต่ก็พากันรู้สึกงุนงง
หากจะว่าไปตามกฎระเบียบของตระกูลหล่อนแล้วนั้น จะมีเพียงแค่ตอนที่เปลี่ยนแทนเจ้าของบ้านในแต่ละยุคแต่ละสมัยเท่านั้น ถึงจะมีการจัดงานเลี้ยงขึ้น ระยะเวลาสักประมาณสิบปีถึงจะมีจัดขึ้นมาหนึ่งครั้ง
แต่ตอนนี้งานเลี้ยงที่เพิ่งจัดไปครั้งที่แล้วเป็นตอนที่คุณนายหล่อนรับเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูล ซึ่งก็เพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่เดือนกว่าๆเท่านั้นเอง
ทำไมถึงได้มีการจัดงานเลี้ยงขึ้นใหม่เร็วขนาดนี้กัน?
คุณนายหล่อนคนนี้ไม่เคยเล่นไพ่ตามกติกามาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนเดียวของตระกูลหล่อน กลับตัดสินใจที่จะไม่แต่งงาน ตอนแรกที่ไม่ว่าบิดามารดาของตระกูลหล่อนจะบังคับหลอกล่อด้วยผลประโยชน์อย่างไรนั้น เธอก็ไม่ยอม
แต่รอจนถึงตอนที่ได้รับทรัพย์สินตกทอดมาแล้วนั้น จู่ๆก็ประกาศออกมาถึงเรื่องการแต่งงานของตัวเอง
ตั้งแต่ที่ประกาศเรื่องแต่งงานจนถึงตอนนี้ กลับไม่ได้ยินข่าวว่าเธอจะแต่งงานกับใครเลย
เรื่องวุ่นวายครั้งที่แล้วยังไม่ทันได้สงบลง และเพียงไม่กี่วันก็จะมีงานเลี้ยงครั้งที่สองที่จะถูกจัดขึ้นตามมาอีกครั้ง
นี่มันคือเรื่องอะไรกันแน่?
ต่างก็ไม่มีใครรู้ คาดเดาไม่ได้เลยเช่นกัน
ตอนที่จี้จิ่งเชินได้รับบัตรเชิญนั้น เขาขมวดคิ้วขึ้น เขามองดูท่าทีของคุณนายหล่อนคนนี้ไม่ได้เลยเช่นเดียวกัน
จงหลีมองจี้จิ่งเชินด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้จี้จิ่งเชินเข้าไปในบ้านตระกูลหล่อนได้สำเร็จแล้ว และหลังจากที่กลับมา ก็ให้พวกเขายกเลิกการสืบเรื่องของเวินเที๋ยนเที๋ยนทั้งหมดลง
และก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น อารมณ์ของเขาก็ดูเหมือนจะดีขึ้นทุกวันๆ เดินออกมาจากความทุกข์ก่อนหน้านี้ได้อย่างรวดเร็ว
พวกเขาเห็นแล้วถึงแม้จะรู้สึกปลื้มใจ แต่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ค่อยปกติเท่าไรนัก
ก่อนหน้านี้เขายังแทบจะพังทลายเพราะเรื่องของเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่เลย ตอนนี้ทำไมถึงได้กลับสู่สภาพปกติได้เร็วขนาดนี้?
จงหลีมองเขา พลางเอ่ยขึ้น : “คุณจี้ครับ งานเลี้ยงครั้งนี้คุณจะไปร่วมงานไหมครับ?”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า
“แน่นอนสิ”
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคุณนายหล่อนต้องการจะทำอะไร แต่เพียงแค่จะได้เข้าไปที่บ้านตระกูลหล่อน ได้เข้าใกล้เวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมาได้บ้าง เขาก็พร้อมที่จะรุกหน้าไปอยู่แล้ว
จดหมายเชิญของงานเลี้ยงลึกลับนี้ได้ถูกส่งไปทั่วเมืองหลวงภายในเวลาอันรวดเร็ว ช่วงเย็นของวันถัดมานั้น ทุกตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็นเหล่าบรรดาผู้ดีที่อยู่ในตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพล หรือบรรดาคนดังมีชื่อเสียง ต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่บ้านของตระกูลหล่อน โดยไม่ขาดไปแม้แต่คนเดียว
จี้จิ่งเชินมองไปรอบๆ ท่านจาง ท่านเปิง ท่านสวี และยังมีข้าราชการที่เพิ่งจะเข้ามา อีกทั้งข้าราชการระดับสูงที่มักจะปรากฏให้เห็นอยู่ตามหน้าจอโทรทัศน์ต่างก็มากันหมด
ใบหน้าของทุกคนนั้นปรากฏถึงความสงสัย ไม่เข้าใจว่าคุณนายหล่อนต้องการจะทำอะไรกันแน่
ได้ฟังกันไปมานั้น กลับไม่มีใครสักคนที่จะรู้เลยว่านี่คือเรื่องอะไร
เมื่อจี้จิ่งเชินเข้ามานั้น สายตาของทุกคนต่างก็พากันมองมายังร่างของเขา
การตามหาตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนในช่วงสองสามวันก่อน เรื่องการตามหากันอย่างวุ่นวายที่ทะเลนั้นก็เป็นที่ได้ยินกันอย่างทั่วถึง
เรื่องราวพลิกผันไปมา แม้แต่พวกเขาเหล่านี้ที่เป็นคนนอกที่มองดูแล้วก็ยังรู้สึกกลัวด้วยความระแวงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคงไม่ต้องพูดถึงจี้จิ่งเชินเลย
ต่างก็รู้กันดี ว่าความรู้สึกที่จี้จิ่งเชินมีต่อเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นลึกซึ้งมากแค่ไหน
เดิมทีคิดว่าจี้จิ่งเชินจะล้มลงแล้วลุกขึ้นมาไม่ได้ แต่ไม่คิดว่าเพียงแค่ไม่กี่วันมานี้ เขายังมีกะจิตกะใจที่จะมาร่วมงานเลี้ยงเสียด้วยซ้ำ
หรือแม้กระทั่งได้ยินมาว่า เมื่อสองวันก่อนเขาได้ถอดถอนทั้งกำลังคนและเงินทุนทั้งหมดที่ใช้ในการตามหาตัวเวินเที๋ยนเที๋ยน หากไร้ความเมตตาขึ้นมา แม้แต่พวกเขาเองก็คงตกใจเสียจนพูดไม่ออก
พวกเขาไม่รู้เลยจริงๆว่าจี้จิ่งเชินกำลังคิดอะไรอยู่
ถึงแม้จะเป็นการเปลี่ยนใจ แต่ก็เป็นการเปลี่ยนที่รวดเร็วเกินไปแล้วหรือเปล่า?
เวลาที่เพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ก็จะลืมได้แล้วอย่างนั้นหรือ?