เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 172 ใครเอาตัวเธอไป
บทที่172 ใครเอาตัวเธอไป
ทางโรงพยาบาลไม่ยอมปริปากพูดออกมาเลยว่าใครที่เป็นคนเอาศพของเธอไป ไม่ว่าพวกเขาจะสักถามอย่างไร ทั้งหลอกล่อ บีบบังคับก็ไม่มีวิธีรู้เลย
ผ่านไปสักพักหนึ่ง จงหลีกลับไม่ทันได้รอการตอบรับจากจี้จิ่งเชิน
เขาเงยหน้าขึ้นมา เห็นเพียงมุมปากของจี้จิ่งเชินที่ยกยิ้มขึ้น ไม่คิดว่าเขาจะกำลังยิ้มอยู่!
เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รู้สึกกังวลว่าจี้จิ่งเชินจะได้รับการโจมตีที่หนักไปหรือเปล่า จึงประสาทเสียไปเสียแล้วอย่างนั้น
“คุณผู้ชายครับ คุณไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
“เธอยังมีชีวิตอยู่”
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดเสียงเบา
น้ำเสียงนั้นรู้สึกดีใจราวกับยกภูเขาออกจากอก
เมื่อพูดจบแล้วนั้น รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเขาก็ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
จงหลีขมวดคิ้ว คิดว่าจี้จิ่งเชินไม่ยอมเชื่อความจริงนี้
เขาจึงอธิบายขึ้นอีกครั้ง : “จากความคืบหน้าที่พวกเรากำลังสืบเรื่องนี้ ประธานจี้ครับ โอกาสที่คุณเวินจะยังมีชีวิตอยู่เป็นศูนย์เลยนะครับ”
“ฉันรู้”
น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินนั้นมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก “แต่ นายไม่รู้สึกว่ามันแปลกหรอกหรือ?”
“ทุกคนที่โรงพยาบาลต่างก็พูดออกมาเหมือนกันหมด เพื่อพิสูจน์ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ตายไปแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ข่าวคราวเรื่องที่พวกเรากำลังสืบหากันอยู่ก็แพร่ออกไปทั่วประเทศ ทุกคนต่างก็รู้กันหมด พวกเขาไม่มีทางที่จะไม่รู้”
“แต่ในช่วงสามวันที่ส่งตัวเธอมาที่โรงพยาบาลนั้น ทุกคนต่างก็พากันปิดปากเงียบ ไม่มีข่าวคราวอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว และตอนที่นายได้รับข่าวมาอย่างกะทันหันนั้น ตอนที่พวกเรากำลังรีบมา เบาะแสทั้งหมดก็ปรากฏออกมา”
“นี่มันบังเอิญเกินไป”
จี้จิ่งเชินหรี่ตาลงเล็กน้อย ด้วยความสามารถที่แสดงออกมา พลางค่อยๆเอ่ยขึ้น : “สิ่งที่นายไปสืบมานั้นเป็นสิ่งที่คนพวกนั้นคาดหวังที่จะให้เราเจอแบบนั้น ส่วนที่พวกเขาไม่คาดหวังจะให้นายสืบเจอนั้น นายหามันไม่เจอเลยต่างหากล่ะ”
จี้จิ่งเชินลุกขึ้นยืน ดวงตาปรากฏความดีใจออกมา
“มีคนขัดขวางการสืบเรื่องนี้ของพวกเรา เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ตาย”
จงหลีมองเขาด้วยความรู้สึกตกใจ เขาพูดออกมาเช่นนี้แล้ว ถึงได้พบว่าก็มีความเป็นไปได้อยู่จริงๆ
เพียงแต่ใครกันที่จะมีอำนาจมากขนาดนี้ ที่จะสามารถปิดบังสายตาของจี้จิ่งเชินไปได้?
อำนาจในมือเขานั้นมีอยู่ไม่น้อย แต่อีกฝ่ายนั้นกลับสามารถทำได้อย่างมิดชิดไม่มีช่องโหว่เอาเสียเลย
มือทั้งสองของจี้จิ่งเชินที่กำหมัดแน่นกดลงอยู่บนโต๊ะ
“สืบต่อไป! ก่อนหน้านี้ที่ฉันให้นายไปสืบตระกูลเจี่ยงและตระกูลจี้ล่ะ? มีข่าวอะไรไหม?”
จงหลีรีบเอ่ยขึ้น : “หลังจากวันนั้นเจี่ยงเนี่ยนเหยาและเฟิงจี้นก็เริ่มหนีไปทั่วเลยครับ เราได้ติดต่อไปทางตำรวจให้เริ่มออกตามตัว แต่จนถึงวันนี้แล้วยังไม่พบเบาะแสของพวกเขาเลยครับ”
“แต่พวกเราได้จัดการปิดกั้นสนามบินและท่าเรือทั้งหมดแล้ว ไม่ให้พวกเขาได้มีโอกาสออกไปนอกประเทศ การจะหาตัวพวกเขาเจอจะมีเพียงแค่ปัญหาของเรื่องเวลาเท่านั้นครับ”
เขาพลิกข้อมูลที่อยู่ในมือ พลางเอ่ยพูดต่อ : “ช่วงนี้เจียงหยู่เทียนก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยครับ สงบลงไปไม่น้อยเลย อีกทั้งสถานการณ์ของเธอในตอนนี้ ไม่ได้มีความสามารถพอที่จะควบคุมคนมากมายขนาดนี้ได้อยู่แล้ว”
“ตระกูลเจี่ยงตกต่ำลงแล้ว เจี่ยงหงซึ่งและจางม้างหรูตอนนี้ก็ได้ย้ายออกไปจากบ้านของพวกเขาแล้ว ไปอยู่ในเขตสลัม คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนหรือเครือข่ายทางเศรษฐกิจที่มากพอจะมาสนับสนุนให้พวกเขาทำเรื่องนี้อยู่แล้ว ส่วนตระกูลจี้…..”
จงหลีเงยหน้าขึ้นมามองจี้จิ่งเชินแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยต่อ : “ตระกูลจี้เองก็ไม่มีข่าวอะไรเลยครับ”
จริงๆแล้วเขามองว่า ตอนนี้ฝ่ายเดียวที่จะมีเจตนารมณ์และความสามารถนั้น มีเพียงแค่ตระกูลจี้เพียงเท่านั้น
แต่เห็นได้ชัดว่า ดูจากตอนนี้แล้ว ตระกูลจี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลย
คนที่พวกเขาสามารถนึกถึงได้นั้นก็มีเพียงคนพวกนี้เพียงเท่านั้น
ถ้าหากไม่ใช่พวกเขา แล้วยังจะเป็นใครได้อีก?
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้นพลางเอ่ยพูดต่อ : “ไปสืบต่อ”
“ครับ คุณผู้ชาย”
จงหลีตอบรับ แล้วหันหลังกลับออกไป
รอจนประตูห้องหนังสือปิดลงแล้วนั้น จี้จิ่งเชินถึงได้ถอยหลังไป ทันใดนั้นราวกับเรี่ยวแรงทั้งร่างกายของเขาได้หายไปเสียแล้ว
เขานั่งลงบนเก้าอี้ แล้วถอนหายใจยาวๆออกมา
“ขอบคุณพระเจ้า……”
ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้คุณยังมีชีวิตอยู่
ขอบคุณสวรรค์ ที่รักษาคุณเอาไว้
ขอบคุณพระเจ้าที่ยอมให้โอกาสผมอีกครั้ง
จี้จิ่งเชินหยิบสร้อยคอที่มีรูปถ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วเปิดออกอย่างเบามือ
ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนในรูปนั้นสะท้อนเข้าสู่สายตาของเขา
นิ้วของเขานั้นค่อยๆลูบอยู่บนใบหน้าของเธอ ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความรักความผูกพันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เขาจ้องมองผู้หญิงในรูปนั้น
“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่คุณยอมที่จะยังอยู่”
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย น้ำใสๆในดวงตาของเขาเอ่อออกมา เขาหลับตาลง แล้วจูบลงบนใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนเบาๆ
“อีกไม่นาน ผมจะต้องหาคุณเจอ”
สามวันก่อน
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนฟื้นขึ้นมานั้นพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยที่โรงพยาบาล
เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมา อาการเจ็บปวดหลังจากที่ปอดแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานเช่นนั้นส่งผ่านมา
สายตาค่อยๆมองไปภายในห้องพักผู้ป่วย แล้วเธอก็มองเห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้างเตียง
ทางฝ่ายนั้นสวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีดำ นั่งอยู่ตรงเก้าอี้อย่างสงบนิ่งและอ่อนโยนด้วยท่าทางที่สง่างามและเป็นที่น่าประทับใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเธอแล้วอึ้งไปเล็กน้อย เธอค่อยๆขมวดคิ้วขึ้นมา ความเจ็บปวดที่เหมือนจะฉีกขาดที่คอส่งผ่านมา
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ในที่สุดเธอก็สามารถส่งเสียงออกมาได้
“คุณ…..คุณนายหล่อน?”
คุณนายหล่อนมองดูเธอที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว ใบหน้าค่อยๆปรากฏรอยยิ้มออกมา
“ในที่สุดเธอก็ฟื้นแล้วสินะ เด็กน้อยของฉัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูรอบๆ
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรคะ? ฉันยังไม่ตายหรือคะ? ฉันจำได้ว่า…..”
ในหัวของเธอปรากฏภาพที่เจี่ยงเนี่ยนเหยาผลักเธอตกลงไปในทะเลขึ้นมา เธอจำได้ว่าตัวเองตกลงไปในน้ำทะเลที่เย็นยะเยือกแล้ว……
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้า
“คุณเป็นคนช่วยฉันเอาไว้หรือคะ?”
คุณนายหล่อนเดินเข้ามาอย่างช้าๆยื่นมือออกมาลูบแก้มของเวินเที๋ยนเที๋ยน แววตาเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู
ทันใดนั้นเองเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองไปอยู่บ้าง เธอขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณนายหล่อนคะ ขอถามหน่อยนะคะว่านี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
คุณนายหล่อนมองดูความรู้สึกแปลกแยกในแววตาของเธอแล้วนั้น ใบหน้าก็ปรากฏถึงความรู้สึกเศร้าใจขึ้นมา
“เธอตกลงไปในทะเล ฉันให้คนไปช่วยเธอขึ้นมาเอง”
“ถ้าอย่างนั้น…..แล้วจี้จิ่งเชินล่ะคะ?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้แล้วนั้น แววตาของคุณนายหล่อนก็มีความมืดมัวขึ้นมา
“ตอนนี้เขายังไม่รู้ หรือบางทีคงยังจะกำลังตามหาอยู่ที่ทะเลนั่นแหล่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตาโต
“เขาคิดว่าฉันตายแล้วอย่างนั้นหรือคะ?”
คุณนายหล่อนพยักหน้า ราวกับว่าไม่ได้แคร์ตรงจุดนี้เลยแม้แต่นิดเดียว แล้วจึงดึงหัวข้อในการสนทนากลับมาที่ร่างกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้งหนึ่ง
“ร่างกายของเธอเป็นอย่างไรบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้น : “ฉันสบายดีค่ะ คุณช่วยฉันติดต่อจี้จิ่งเชินหน่อยได้ไหมคะ บอกเขาทีว่าฉันยังมีชีวิตอยู่”
แววตาของคุณนายหล่อนค่อยๆหมองลง มองเธออยู่นาน แต่กลับส่ายหน้า
“ไม่ได้หรอก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเธอด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าเธอจะปฏิเสธเช่นนี้
“ทำไมหรือคะ?”
แววตาของคุณนายหล่อนฉายความมุ่งมั่นออกมา พลางเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ : “เขาทำร้ายเธอ ไม่มีค่าพอให้เธอต้องไปอยู่ข้างๆเขาต่อแบบนั้นหรอก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอ้าปากเอ่ยพูดขึ้นอย่างเจ็บปวด : “แต่เขากำลังหาฉันอยู่ เขาจะต้องเสียใจอยู่แน่ๆเลยค่ะ”
คุณนายหล่อนมองเธอ กลับเอ่ยขึ้น : “เธอคิดดูให้ดีๆนะ ว่าเมื่อก่อนเขาเคยทำอะไรกับเธอบ้าง? เขาเคยพูดอะไรกับเธอ? เขาเคยเชื่อเธอไหม?”
“ไม่ค่ะ เขาเชื่อฉัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยส่ายหน้า
“จี้จิ่งเชินดีกับฉันมาก……”
เมื่อเพิ่งจะเอ่ยพูดจบนั้น ภาพที่เธอถูกขังอยู่ในห้อง มองดูจี้จิ่งเชินออกไปนั้นก็ได้ปรากฏขึ้นมาในหัวของเธอ
เธอขมวดคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยพูดต่อ : “เขายังบอกกับฉันว่า……”
เอ่ยพูดไปได้เพียงครึ่งเดียวนั้น เธอก็นึกถึงคำพูดที่จี้จิ่งเชินเคยพูดกับเธอก่อนหน้านี้ เธอรู้สึกอึ้ง แววตาหม่นหมองลงอย่างช้าๆ
“เขาบอกว่า…..เขาไม่ต้องการฉันแล้ว…….”