เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 129 ผมจะพาคุณหนีไปกับผม
บทที่ 129 ผมจะพาคุณหนีไปกับผม
เจี่ยงเนี่ยนเหยาพูดออกมา เมื่อเธอหันหน้ากลับมาอีกครั้งน้ำตาก็อยู่บนใบหน้าของเธอแล้ว
“เราหนีไปด้วยกันตั้งแต่ทีแรก ถ้าหากจี้จิ่งเชินเจอเข้าเขาไม่ปล่อยเราไว้แน่”
เฟิงจี้นตกใจอย่างมากและเขาเชื่อคำพูดของเธออย่างง่ายดาย
“วันแรกที่จี้จิ่งเชินกำลังสืบสวนคุณ ผมขอให้พวกเขาลบรูปทั้งหมดของคุณออก เขาไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ถ้าเราหนีไปเขาหาเราไม่เจอแน่”
“แล้วพ่อแม่ของฉันล่ะ พวกเขาจะทำยังไง?”
เฟิงจี้นเงียบไป
“คุณกลับมาเพราะพวกเขาเหรอ?”
แน่นอนว่าไม่ใช่!
คนแก่สองคนนั้นน่ะเธอไม่ได้สนใจเลยสักนิด
เจี่ยงเนี่ยนเหยาดูถูกเหยียดหยามในที
แต่ยังคงทำใบหน้าโศกเศร้าแล้วพยักหน้าตอบรับ
“อีกอย่างจี้จิ่งเชินไม่ใช่คนดีและผู้หญิงที่เข้าร่วมตระกูลจี้ในตอนนี้ก็ไม่ธรรมดา เธอจะตอบโต้เราอย่างแน่นอน ฉันวางใจไม่ได้เลย”
เธอมองเฟิงจี้นที่อยู่ตรงหน้าเธอและนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่จางม้างหรูพูดมา
“เฟิงจี้น คุณไม่รู้หรือไงว่าฉันต้องการอะไร? คุณฉันยอมอดทนต่อความยากลำบากทั้งหมดเพื่อให้ได้อยู่กับคุณแต่พ่อแม่ของฉันไม่คิดแบบนั้น”
เจี่ยงเนี่ยนเหยาเดินไปมาแล้วเอนกายพิงเขาเบา ๆ
“ต้องทำให้ฉันมั่นใจว่าพวกเขาจะปลอดภัยเท่านั้น ฉันถึงจะสามารถหนีไปกับคุณได้”
เฟิงจี้นมองผู้หญิงข้างหน้าเขาด้วยหัวใจที่อ่อนยวบลงอีกครั้ง
เขาเอื้อมมือไปกอดเธอไว้
“คุณอยากให้ผมทำอะไรล่ะ?”
นี่แหละคือสิ่งที่เจี่ยงเนี่ยนเหยาเฝ้ารอ
“เพื่อนของคุณเมื่อตอนที่อยู่ในอเมริกาล่ะ?”
เฟิงจี้นเป็นกลุ่มเพื่อนเมื่อตอนที่เขาอยู่ในสหรัฐอเมริกา นี่คือเหตุผลที่ทำให้เจี่ยงเนี่ยนเหยาคบกับเขา
ใครจะคิดว่าเมื่อกลับมาที่นี่ชีวิตที่มีจะกลับตาลปัตรไปหมด
ต้องตกระกำลำบาก เธอจะทนมีชีวิตลำบากยากจนแบบนั้นได้อย่างไร?
เฟิงจี้นขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยิน
“ฉันรับปากคุณไว้แล้ว ไม่หรอก…..”
ก่อนที่เขาจะพูดเจี่ยงเนี่ยนเหยาก็ขัดจังหวะซะก่อน
“หรือคุณจะรอให้จี้จิ่งเชินและผู้หญิงคนนั้นมาจัดการกับเราก่อนงั้นเหรอ ? ถ้าจัดการพวกเขาไม่ได้ล่ะก็ฉันจะต้องแต่งงานกับจี้จิ่งเชินและจะต้องถูกเขาย่ำยี…..”
ก่อนที่จะพูดจบเธอก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง
เฟิงจี้นขมวดคิ้วและนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าในที่สุด
“ผมจะไม่ยอมให้คุณแต่งงานกับเขาแน่!”
เขากอดเจี่ยงเนี่ยนเหยาไว้แน่น
“จัดการปัญหานี้เรียบร้อยเมื่อไหร่เราจะหนีไปด้วยกันทันที”
เจี่ยงเนี่ยนเหยายิ้มอย่างมีชัยเมื่อได้ยินว่าเขายินยอม
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เมื่อนั้นเธอก็จะได้เป็นคุณนายจี้คนใหม่ของตระกูลจี้ จนถึงตอนนั้นแล้วใครจะยุ่มย่ามกับเธอได้อีก?
“ได้เลย”
เธอยืนพิงอกของเฟิงจี้นแล้วพูดอย่างสงสัยว่า “ว่าแต่คุณมาที่นี่ได้ยังไงเหรอ?”
“มีคนบอกที่อยู่ของคุณกับผม”
เจี่ยงเนี่ยนเหยามองเขาอย่างสงสัย
เฟิงจี้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งให้เธอดู
“คนๆนั้นบอกว่าคุณติดต่อหาเขาได้”
เจี่ยงเนี่ยนเหยาสับสนพลางรับโทรศัพท์มาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วโทรหาอีกฝ่าย
สายไม่ว่างส่งเสียงบอกถึงสองครั้งและในที่สุดหลังจากนั้นไม่นานก็เชื่อมต่อได้
เสียงผู้หญิงดังมาจากอีกด้านหนึ่ง
“สวัสดีเจี่ยงเนี่ยนเหยา”
เจี่ยงเนี่ยนเหยาขมวดคิ้ว “คุณเป็นใคร?”
อีกฝ่ายไม่ตอบแต่พูดต่อว่า “คุณอยากได้ตำแหน่งของตัวเองกลับมาใช่ไหม?”
“คุณหมายความว่าไง?”
“ฉันมีวิธีดีๆที่สามารถช่วยคุณได้”
เจี่ยงเนี่ยนเหยายังคงไม่เข้าใจ
“คุณจะทำอะไรกันแน่”
อีกฝ่ายหัวเราะออกมาพร้อมเสียงพูดที่แสนน่ารังเกียจว่า
“ฉันต้องการชีวิตของเวินเที๋ยนเที๋ยน!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไปมหาวิทยาลัยลืบซานอีกครั้งภายใต้แรงกดดันของจี้จิ่งเชินสิ่งที่ต้องเผชิญก่อนหน้านั้นก็เบาลง
ท่านเปิงดูเหมือนจะไม่รู้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิงและเริ่มพาเธอออกไปพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยุ่งมากจนเธอลืมที่จะนึกถึงเจี่ยงเนี่ยนเหยา
ตั้งแต่เธอหนีมาก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้พบกับหมินอันเกออีกครั้ง
เขาพบเวินเที๋ยนเที๋ยนในงานที่จัดขึ้นโดยพิพิธภัณฑ์
“คุณจะไปเมื่อไหร่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกผิดในใจไม่กล้าที่จะมองเขา
เธอจะบอกหมินอันเกอเกี่ยวกับความเห็นแก่ตัวของเธอได้อย่างไร?
หมินอันเกอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเธอคิดอะไรอยู่
ร่องรอยของความเจ็บปวดส่องประกายในดวงตาของเขา
“คุณชอบเขาใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ตอบ
หมินอันเกอพูดอีกครั้ง “ไม่ได้นะเที๋ยนเที๋ยน ถ้าเขารู้ว่าคุณไม่ใช่เจี่ยงเนี่ยนเหยาตัวจริงเขาจะทำอะไรกับคุณบ้าง?”
“คุณรู้จักนิสัยเขาดีกว่าฉันถึงตอนนี้เขายัง…..”
เธอยังพูดไม่จบเขาก็ยื่นมือออกมาจับมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้
“คุณไปกับผม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัวแล้วดึงมือของเธอออก
“ฉันไปไม่ได้”
“ทำไม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับมาจัดเรียงสิ่งของบนโต๊ะ
“ฉันไม่อยากทำให้จี้จิ่งเชินผิดหวังอีกแล้ว”
ความรู้สึกที่จี้จิ่งเชินให้เธอมานั้นทำให้เธอมีพลังในการใช้ชีวิต ทำให้เธอเหมือนมีลมหายใจอีกครั้ง
แต่ยิ่งเป็นแบบนี้เธอก็ยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีก
ชีวิตที่ผ่านมาของจี้จิ่งเชินนั้นเจ็บปวดมากพออยู่แล้วเธอไม่ต้องการทำให้เขาเจ็บปวดมากขึ้นไปกว่านี้
เธอไม่กลัวว่าจี้จิ่งเชินจะโกรธหรือว่าจะลงโทษเธออย่างไร
เธอกลัวจี้จิ่งเชินจะเศร้าต่างหาก
กลัวชะมัด
ดังนั้นเธอจึงไปไม่ได้และไม่กล้าไปด้วย
หมินอันเกอเดินไปข้างหน้าเธอพลางขมวดคิ้ว “คุณปกปิดมันไว้ได้แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นหรือคุณจะปกปิดมันไปตลอดชีวิตเหรอ?”
“ฉันไม่รู้……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัว
“อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ฉันยังไปไม่ได้”
หมินอันเกอขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด
“แม้ว่าจี้จิ่งเชินจะยังไม่รู้แล้วเจี่ยงเนี่ยนเหยาล่ะ? ตอนนี้เธอก็กลับมาแล้วด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่พูดอะไรออกมาอีกทำเพียงเม้มริมฝีปากของตัวเองแน่น
หมินอันเกอเบาเสียงลงพยายามแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกไปน้อยที่สุด
“ไปกันเถอะ ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าผมจัดการได้ทั้งหมด”
เขาไม่สามารถกลั้นความรู้สึกในใจเอาไว้ได้ จับมือของเธอไว้แล้ววางลงบนหน้าอก
“เที๋ยนเที๋ยน คุณก็รู้ว่าผม…..”
“สาวน้อย ออกมานี่หน่อย….”
ก่อนที่หมินอันเกอจะพูดจบเสียงของท่านเปิงก็ดังมาจากด้านนอกประตู
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบถอนมือของเธอออกแล้วตะโกนออกไปข้างนอกว่า
“มาแล้วค่ะ”
พูดจบเธอก็จัดการสิ่งต่างๆบนโต๊ะ ในที่สุดก็พูดกับหมินอันเกอว่า “ฉันไปไม่ได้จริงๆถ้าจี้จิ่งเชินเกลียดฉัน ฉันก็ยินดียอมรับมันค่ะ”
เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดเสริมไปอีกว่า “และฉันก็มั่นใจว่าเขาต้องเกลียดฉันแน่ๆ”
พูดจบเธอก็เปิดประตูแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
หมินอันเกอยืนอยู่คนเดียวด้วยหน้าตาบึ้งตึงแววตาเต็มไปด้วยความกังวล
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปที่ท่านเปิงแล้ววางเครื่องมือต่างๆไว้บนโต๊ะ
ท่านเปิงมักจะไปที่พิพิธภัณฑ์เพื่อบูรณะมรดกทางวัฒนธรรมอยู่เป็นระยะ ๆ
หลังจากผ่านสัปดาห์ที่วุ่นวายมานี้ วันนี้มีที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์สุดท้าย
เมื่อเห็นว่าหน้าตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนดูไม่ค่อยดีท่านเปิงก็ถามออกไปอย่างใส่ใจว่า “สาวน้อย ถ้าเธอรู้สึกเหนื่อยก็กลับไปก่อนได้เลย ไม่มีงานต้องทำแล้วล่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัวให้กับคำพูดเมื่อครู่
ท่านเปิงยกมือขึ้นและโบกมือออกไปด้านนอก
“รีบไปเถอะ ดูคุณตอนนี้สิ ผมกลัวคุณจะทำของแตกเสียมากกว่า”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปรอบๆก็พบว่าไม่มีงานเหลือให้ทำแล้วจริง ๆ เธอจึงพยักหน้าจัดระเบียบทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วจึงออกมา