เป็นเพราะเมื่อคืนแทบไม่ได้นอนเลย เช้าวันนี้จันทร์เจ้าขาจึงได้สมองเบลอๆ มึนงงไปหมด หล่อนพาแม่กับพ่อมาหาคุณหมอตามใบนัดที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด คนไข้เยอะมากต้องรีบต่อแถวและรับบัตรคิวเพื่อรอคุณหมอออกตรวจ ซึ่งกว่าจะเสร็จทุกขั้นตอนก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมงเลยทีเดียว หญิงสาวเดินออกมาเรียกรถสองแถวที่หน้าโรงพยาบาลเพื่อจะพาพ่อกับแม่กลับไปยังบ้านพักหลังกะทัดรัดของตัวเอง แต่แล้วสายตาเจ้ากรรมก็มองเลยไปยังรถยนต์ราคาแพงระยับคันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลจากจุดที่หล่อนกับครอบครัวยืนอยู่นัก ร่างของผู้ชายสูงใหญ่ สีผมและความใหญ่โตของเรือนร่างบอกให้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนไทยอย่างแน่นอน แต่หากมันแค่นั้นหัวใจของหล่อนก็คงไม่สั่นสะท้านมากเท่านี้
หล่อนปากสั่น ตัวสั่น ดวงตาเบิกกว้างทำท่าทางราวกับพบเจอผีร้ายในตอนกลางวันยังไงยังงั้น ผู้ชายคนนั้นหมุนตัวหันมาทางหล่อน ก่อนจะยกมือหนาถอดแว่นกันแดดสีดำออกจากใบหน้า แค่นั้นทุกสรรพสิ่งภายในกายล้วนแต่ตายดับ มีแค่หัวใจดวงเดียวเท่านั้นที่เต้นแรงระรัวอยู่
“อาจารย์ไทเลอร์!”
คำพึมพำที่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจของหล่อนทำให้ผู้เป็นมารดาอดเอ่ยถามด้วยความสงสัยไม่ได้ และนั่นก็ทำให้จันทร์เจ้าขาได้สติ
“เป็นอะไรเหรอเจ้าขา อาจารย์… อาจารย์อะไรนะ แม่ได้ยินไม่ถนัด”
หญิงสาวหันมามองมารดาของตัวเอง ก่อนจะรีบปฏิเสธ
“ไม่… ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แม่…”
หล่อนตอบมารดาและรีบหันกลับไปมองที่เดิม แต่แล้วก็ต้องพบกับความว่างเปล่า รถยนต์คันนั้นไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว และร่างของผู้ชายที่หล่อนคิดว่าคือไทเลอร์ก็หายไปเช่นกัน หล่อนรีบวิ่งตรงไปยังจุดที่ว่างเปล่าตรงนั้น หมุนตัวมองไปรอบๆ และตะโกนหาอย่างบ้าคลั่ง
“อาจารย์… อาจารย์ไทเลอร์… อาจารย์อยู่ที่ไหนคะ อาจารย์”
ไม่มีเสียงใดตอบกลับมามีเพียงสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเท่านั้นที่หล่อนได้สัมผัส
“เจ้าขา… ลูกเป็นอะไรไปน่ะ”
“แม่… แม่ก็เห็นใช่ไหมคะ”
ผู้เป็นลูกสาวหันไปถามมารดาอย่างไม่อาจจะสะกดกลั้นอารมณ์ได้อีก
“เห็นอะไรลูก”
“ผู้ชายตัวใหญ่ๆ เป็นฝรั่งน่ะแม่ สวมแว่นตาสีดำ เมื่อกี้ยืนอยู่ข้างๆ รถคันยาวๆ น่ะแม่ แม่เห็นไหมคะ เห็นหรือเปล่า”
จันทราสับสนกับอาการของบุตรสาวยิ่งนัก
“ไม่… แม่ไม่เห็นอะไรเลย ลูกตาฝาดไปหรือเปล่า”
“ไม่… หนูไม่ได้ตาฝาด แต่หนูเห็นเขาจริงๆ อาจารย์ไทเลอร์… หนูเห็นเขาจริงๆ”
จันทร์เจ้าขาร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้นเอาไว้ได้ หัวใจเจ็บปวดอย่างรุนแรง นี่หล่อนเห็นเขาจริงๆ หรือว่ามันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตากันนะ
“กลับบ้านกันเถอะลูก พ่อเค้าเพลียมากแล้ว”
พอได้ยินว่าพ่ออ่อนเพลียมากแล้ว จันทร์เจ้าขาก็ได้สติ เช็ดน้ำตาออกจนเกลี้ยงใบหน้าอย่างรวดเร็ว และเดินกลับไปหาบิดา
“พ่อ… หนูขอโทษนะคะ หนูมัวแต่ทำเรื่องไร้สาระ ไปเรากลับบ้านกันเถอะจ้ะ”
ใช่… หล่อนไม่ควรคิดถึงเรื่องของตัวเองอีกแล้ว ตอนนี้หล่อนมีพ่อมีแม่ที่ต้องดูแล หล่อนจะต้องเลี้ยงดูพวกท่านให้สุขสบายด้วยแรงกายทั้งหมดที่ตัวเองมี แม้ว่าจะไม่ได้ปริญญาอย่างที่คาดหวังเอาไว้ แต่หล่อนก็จะสู้ให้ถึงที่สุด
ไทเลอร์จ้องมองร่างอรชรที่ประคองผู้ชายคนหนึ่งและมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งเดินประคองกันขึ้นรถโดยสารประจำทางไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอำมหิต สองมือกำเข้าหากันแน่น กรามแกร่งขบกันอย่างแรงจนขึ้นสันปูดเป่ง ในที่สุดเขาก็หาหล่อนจนพบ หลังจากที่พลิกทั้งประเทศไทยเพื่อตามหาหล่อนมาเกือบสิบกว่าวัน
“ถึงเวลาที่เธอจะต้องได้รับบทเรียนแล้วล่ะ จันทร์เจ้าขา”
รถสปอร์ตสีดำก็แล่นตามรถประจำทางไปจนในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่าบ้านของจันทร์เจ้าขาอยู่ที่ไหน
“พรุ่งนี้ฉันจะทำให้เธอต้องคลานเข้ามาหาฉัน จันทร์เจ้าขา!”
มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาคนของตัวเอง จากนั้นทุกความต้องการของเขาก็พรั่งพรูออกมาจนหมดสิ้น คนปลายสายรับคำและยืนยันว่าพรุ่งนี้ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่เขาต้องการอย่างแน่นอน
“ดีมาก แล้วฉันจะเพิ่มเงินค่าจ้างให้กับคุณ”
ไทเลอร์กดวางสาย ดวงตาเป็นประกายไฟน่าสะพรึงกลัว หัวใจของเขายังคงทุกข์ทรมาน ตลอดสองสัปดาห์เต็มๆ ที่ผ่านมา ไม่มีคืนไหนที่เขานอนหลับสนิทได้เลย ในหัวของเขามีแต่แม่นั่น มีแต่ผู้หญิงใจร้ายใจดำคนนั้น ทั้งๆ ที่พยายามอย่างที่สุดที่จะลืมหล่อน แต่เขาก็ทำไม่ได้ ความรู้สึกทั้งรักทั้งแค้นฝังแน่นจนยากจะลืมมันลงได้
“ในเมื่อเธอร้ายกับฉัน ฉันก็จะไม่มีทางปรานีเธอ พรุ่งนี้เธอจะต้องเป็นยิ่งกว่าขอทาน ที่คลานเข้ามาวิงวอนขอให้ฉันเมตตา”
ไทเลอร์มองบ้านหลังกะทัดรัดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะขับรถผ่านหน้าบ้านนั้นไปด้วยความเร็วสูง และเสียงของความเร็วนั้นก็ทำให้เจ้าของบ้านที่กำลังพยุงบิดาขึ้นบันไดต้องหันหลังมามอง แต่ก็ไม่ทันได้เห็นแม้แต่ท้ายรถหรูแม้แต่น้อย
MANGA DISCUSSION