ตอนที่ 19: เชื้อพระวงศ์โดยกำเนิด
“คุณท่านเจ้าขา…รู้สึกดีขึ้นหรือยังเจ้าคะ?”
เช้าวันถัดมา ในขณะที่ลุกซ์กำลังเตรียมตัวไปโรงเรียนขุนนาง เชียน่าก็เอ่ยถามด้วยความกังวลเล็กน้อย ว่าลุกซ์จะยังไม่หายจากเรื่องของซาร์ดเมื่อวานนี้หรือไม่
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ขอบคุณนะ…เมื่อวานผมก็พึ่งพาเชียนะไปเต็ม ๆ วันนี้ก็ยังทำให้เป็นห่วงอีก ผมนี่ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะเลยเนอะ”
เชียน่าฟังแล้วก็ส่ายหัวปฏิเสธทันที พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่จริงเลยเจ้าค่ะ! ความเข้มแข็งที่แท้จริงของกษัตริย์ ก็คือการกล้าแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็นได้ต่างหาก!”
“กษัตริย์…คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ก็ขอบคุณนะ”
แม้ในใจเชียน่าจะคิดว่าลุกซ์เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นกษัตริย์ แต่ด้วยฐานะของตนในฐานะเมด ก็ไม่อาจเอ่ยความรู้สึกนั้นออกมาตรง ๆ ได้ จึงเลือกเก็บมันไว้ในใจ และจดจำแค่คำขอบคุณจากลุกซ์อย่างลึกซึ้ง
“วันนี้พอไปถึงโรงเรียน ผมกะว่าจะลองพูดคุยกับคุณซาร์ลอีกครั้ง แบบใจเย็น ๆ ดู”
“…พูดคุยแบบใจเย็นเหรอเจ้าคะ?”
“อืม ถึงเมื่อวานคุณซาร์ลจะดูโกรธมากก็เถอะ…แต่เผื่อว่าเมื่อคืนเขาอาจจะได้ทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง แล้วเปิดใจฟังในสิ่งที่ผมพูดมากขึ้น ถึงจะยังไม่เห็นด้วยก็ตาม”
เชียน่าเงียบลงขณะครุ่นคิด──ถ้าทั้งโลกมีแต่คนอย่างลุกซ์ โลกคงสงบสุขกว่านี้มาก
ด้วยฐานะของเธอที่เป็นถึงองค์หญิงลำดับสาม ทำให้ต้องเห็นเบื้องหลังอันไม่น่าดูของทั้งขุนนางและมนุษย์มากมาย──แม้แต่เมื่อคืน เธอก็รู้ดีว่าซาร์ลยังคงเดือดดาลไม่เลิก แม้จะกลับไปอยู่ตามลำพังก็ตาม
ต่อให้ตอนนี้ซาร์ลยังมีชีวิตอยู่ เขาก็คงไม่คิดจะเปิดอกพูดคุยกันอย่างใจเย็น แถมอาจจะใช้กำลังกับลุกซ์ด้วยซ้ำ
──เพราะในโลกนี้มีสิ่งชั่วร้ายที่ลุกซ์จินตนาการไม่ถึงอยู่มากมาย
“ขอให้เป็นเช่นนั้นนะเจ้าคะ”
“อื้ม!”
เชียน่าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม และลุกซ์เองก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
──เชียน่าคิดว่า ลุกซ์ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องเลวร้ายเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ
หากวันหนึ่งเธอได้หมั้นกับลุกซ์ และสามารถผลักดันให้เขาได้เป็นกษัตริย์ได้จริง เธอก็ยินดีที่จะรับบทบาทในด้านมืดนั้นแทน
เพราะการเป็นกษัตริย์นั้น ไม่ใช่แค่ความดีงาม แต่ยังต้องยอมแบกรับความโสมมของประเทศนี้ไว้ด้วย──และนั่นไม่ใช่สิ่งที่ลุกซ์ควรจะแบก
เพราะหากปล่อยให้ลุกซ์ทำเรื่องแบบนั้น เขาอาจจะโทษตัวเองและรู้สึกผิดไปตลอด──ในขณะที่เชียน่าไม่มีความลังเลแบบนั้นเลย
เพื่อความสุขของลุกซ์ และเพื่อความมั่นคงของประเทศ ไม่ว่าเรื่องเลวร้ายแค่ไหน เธอก็สามารถทำได้โดยไม่รู้สึกอะไร──เพราะเธอคือ “เชื้อพระวงศ์โดยกำเนิด”
ถ้าไม่ได้พบกับลุกซ์ เชียน่าในวันนี้ก็คงกลายเป็นคนที่เย็นชาจนไร้หัวใจไปแล้ว──แต่เพราะได้พบกับเขา เธอจึงได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าความอบอุ่นและความรัก
สำหรับเชียน่าแล้ว ลุกซ์คือคนสำคัญอย่างแท้จริง──และหากมีใครคิดจะมาทำร้ายเขา เธอก็พร้อมจะกำจัดทิ้งอย่างไม่ลังเล──เหมือนที่ทำกับ คนนั้นเมื่อคืน
เชียน่าเดินมาส่งลุกซ์ถึงหน้ารถม้าแล้วเอ่ยว่า
“ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะเจ้าคะ คุณท่าน”
“อื้ม แล้วเจอกันนะ”
เชียน่าก้มศีรษะให้ลุกซ์ ขณะที่เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนจะขึ้นรถม้า และรถม้าก็เริ่มเคลื่อนตัวไปยังโรงเรียนขุนนาง
◇ฝั่ง ลุกซ์ ◇
พอรถม้ามาถึงโรงเรียนขุนนาง ผมก็เดินตรงไปยังห้องเรียน ขณะคิดว่าจะเข้าไปพูดคุยกับคุณซาร์ดยังไงดี
แม้เขาจะดูแสดงท่าทีดูถูกผมเพราะผมมีบรรดาศักดิ์ต่ำกว่า แต่ถ้าเรื่องเกี่ยวกับองค์หญิงผมอาจจะเปลี่ยนความคิดเขาได้
เช่น พูดถึงข้อดีของท่านเฟลิชิอาน่าเยอะ ๆ หรือช่วยให้เขานึกถึงคำพูดของท่านตอนวันเปิดเทอมก็ได้──ผมคิดแบบนั้นพลางเดินมาจนถึงห้องเรียน แล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง
ทันใดนั้นเอง คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วที่ข้าง ๆ อย่าง “ฟลอเรนซ์” ก็หันมาทักผม
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านลุกซ์ ร็อดเดเอล”
“ฟลอเรนซ์ซัง อรุณสวัสดิ์ครับ”
“เมื่อวานคงเป็นวันที่หนักหนาไม่น้อย ดิฉันเองก็อยากจะพูดแทนให้ท่านลุกซ์อยู่เหมือนกัน แต่เพราะอีกฝ่ายคือคนจากตระกูลมาร์ควิส ดิฉันจึงตัดสินใจไม่พูดอะไรออกไป เพราะมันอาจกลายเป็นเรื่องระหว่างตระกูลได้”
“นั่นแหละถูกแล้วครับ ไม่ต้องคิดมากนะครับ”
ถึงฟลอเรนซ์ซังจะดูนิ่ง ๆ สบาย ๆ แต่ก็คิดไตร่ตรองรอบคอบกว่าผมเมื่อวานซะอีก
“พูดถึงเรื่องนั้น…แม้ทางโรงเรียนจะไม่อยากให้เรื่องร้าย ๆ แพร่กระจายออกไป แต่ท่านรู้หรือยังคะว่า…ชายที่มีปากเสียงกับท่านเมื่อวาน ได้เสียชีวิตไปแล้ว”
“…หา? คุณซาร์ล…เสียชีวิตแล้วเหรอ!?”
ผมตกใจจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
แม้ผมจะเคยได้ยินว่าพวกขุนนางเสียชีวิตกระทันหันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางการเมือง ความบาดหมาง หรือเรื่องส่วนตัวก็ตามที
แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าคนที่เพิ่งคุยกันเมื่อวาน วันนี้จะจากไปแล้วจริง ๆ
“แล้วเขา…เสียชีวิตได้ยังไงเหรอครับ?”
“นิสัยเขาเจ้าปัญหาขนาดนั้น มีคนไม่ชอบเยอะก็คงไม่แปลกนัก──แต่จากที่ได้ยินมา ดูเหมือนเขาจะขายข้อมูลของประเทศเราให้กับต่างชาติ แล้วหวังจะได้บรรดาศักดิ์เป็นดยุกที่นั่น จึงน่าจะถูกหน่วยลับของราชวงศ์จัดการไปแล้วเจ้าค่ะ”
“ขายข้อมูลให้ต่างประเทศ…นั่นมันกบฏเลยไม่ใช่เหรอครับ?”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”
…เมื่อวาน ตอนที่เขาห้ามไม่ให้ผมแนะนำตัว ทั้งที่รู้ว่ามันเสียมารยาท ผมยังแปลกใจอยู่เลย แต่ถ้าคิดว่าเขาไม่ได้รักประเทศนี้ขนาดขายข้อมูลได้ก็…เข้าใจได้อยู่
“ต้องขออภัยที่พูดเรื่องไม่สบายใจตั้งแต่เช้านะเจ้าคะ”
“ไม่เลยครับ ขอบคุณที่เล่าให้ฟังนะครับ”
หลังจากนั้นพวกเราก็เปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องชีวิตในโรงเรียนขุนนางแทน จนกระทั่งฟลอเรนซ์ซังก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นว่า
“ท่านลุกซ์ ร็อดเดเอล…ถ้าไม่รังเกียจ วันหยุดคราวหน้า เชิญไปจิบน้ำชายามบ่ายที่บ้านของดิฉันดีไหมเจ้าคะ?”
MANGA DISCUSSION