บทนำ เด็กน้อยกับโชคชะตา
ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อน
ณ ห้องนั่งเล่นกลางบ้าน
สถานที่เงียบสงบปราศจากความวุ่นวายจากโลกภายนอก
ชายวัยกลางคนกำลังนั่งจดจ้องมองหญิงชราเบื้องหน้า จดจ้องมองหล่อนล้วงหยิบสำรับไพ่ขึ้นมาหนึ่งสำรับตัวสำรับล้วนดำสนิทไม่มีสีอื่นเจือปน หลังจากหยิบจับขึ้นมาเรียบร้อย
หญิงชราสูงวัยก็เริ่มวางจัดเรียงไพ่วางลงบนโต๊ะ วางทีละใบทีละใบอย่างประณีต จากหนึ่งไปสองและไปสามไปเรื่อย ๆ จนไพ่ครบทั้งสิ้นสิบใบ
เรียกได้ว่าตลอดระยะเวลาตลอดกระบวนการการจัดวางเรียงไพ่ หญิงชราสูงอายุไม่มีอาการหวาดหวั่นหวั่นไหวกับสภาพแวดล้อมรอบกาย ยิ่งไม่มีห้วงอารมณ์อื่นเข้ามามีส่วนร่วม คล้ายตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
หลังจากจดจ้องมองอยู่นานชายวัยกลางคนก็เลือกเปิดปากเปิดประเด็นพูดคุย
“วันนี้สินะ”
“วันที่เด็กน้อยจะไปสารภาพรักสารภาพความรู้สึกตัวเอง”
“…”
“ท่านมีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้?”
“…”
“เหมือนเดิม”
“เมื่อก่อนเป็นยังไง”
“ปัจจุบันย่อมเป็นแบบนั้น”
“และอนาคตก็จะเป็นต่อไป”
“ไม่มีความคิดเห็นเป็นอย่างอื่น”
“ไม่มีเลยแม้แต่น้อย”
เฒ่าชราสูงวัยกวาดสายตามองไพ่ทั้งสิบ
ไพ่มากมายที่วางอยู่บนโต๊ะล้วนมีความหมายมากมายนับไม่ถ้วนรอคอยให้ใครสักคนเข้ามาสัมผัสเข้ามาจับต้อง น่าเสียดายที่ใครคนนั้นยังไม่ปรากฎโผล่หน้าออกมาให้เห็น
พอได้ยินแนวทางความคิดเห็นจากหญิงชราสูงวัยเบื้องหน้า
ชายวัยกลางคนทำได้แค่ทอดถอนหายใจเหนื่อยอ่อน
…‘ยังยึดมั่นในตัวเองเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน’
“…”
สายตามากไปด้วยอารมณ์ขยับย้ายไปมองนอกบ้าน
สุดท้ายปลายทางกลายเป็นว่ามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นห่วงเด็กน้อยจนแทบอดทนอดกลั้นต่อไปไม่ไหว ยิ่งนานเข้าอาการเป็นห่วงยิ่งเข้ากัดกินจิตใจ
กัดกินจนเนื้อตัวเริ่มอยู่ไม่สุข
“หวังว่าจะไม่เป็นอะไรนะ”
“ถามเจ้าตัวดูสิ”
“…” ตอนแรกเจ้าตัวมึนงงสับสนไม่เข้าใจ
จนกระทั่งเสียงร้องไห้ดังลั่นเป็นตัวนำ
เขาถึงได้รู้ว่าสถานการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นมันได้เกิดขึ้นเป็นที่เรียบร้อย ฟังจากเสียงร้องไห้ดังลั่นการสารภาพรักครั้งนี้คงไม่พ้นต้องล้มเหลวพังทลายไม่เป็นท่า
เสียงร้องไห้เริ่มแรกดังไม่ถึงนาทีก่อนร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในห้อง
“คุณลุง!” พุ่งเข้ามากอดชายวัยกลางคนเต็มรัก
“…”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“อือออออ!”
เด็กน้อยตอบด้วยเสียงร้องไห้ที่ดังหนักหน่วงกว่าเดิม
เดาได้เลยว่าการปฏิเสธรักครั้งนี้ ย่อมสร้างผลกระทบเชิงลบให้กับเด็กน้อยค่อนข้างมากอาจมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ชายวัยกลางคนเพียงยิ้มอบอุ่นลูบหัวคอยปลอบประโลม
ขณะหญิงเฒ่าชราละสายตาเงยหน้าหันมอง
มองด้วยแววตาราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์
“ดูจากสภาพหลานในตอนนี้คงไม่พ้นโดนปฏิเสธกลับมาสินะ”
“…” ทราเวียร์กัดปากพยักหน้า
“ทั้งที่เธอบอกจะมีผมคนเดียว”
“แต่ทำไมถึงไปเล่นกับคนอื่นล่ะ”
“ทำไมต้องไปหอมแก้มคนอื่นด้วย”
“…”
ทราเวียร์จ้องมองพื้นด้วยแววตาว่างเปล่า
ชายวัยกลางคนอ้าปากคล้ายต้องการกล่าวบางสิ่งอย่างหวังช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดของเด็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากส่งเสียงทุกสิ่งอย่างเป็นอันต้องหยุดลง
เนื่องจากพบเห็นแววตากร้านโลกจับจ้องมอง
แน่นอนว่าเป็นชราภาพที่ไม่ต้องการให้ใครส่งเสียง
“…” หญิงเฒ่าชราหยิบไพ่ใบหนึ่งขึ้นมาจ้องมองก่อนกล่าวถาม
“จำคำที่ย่าเคยบอกได้ไหม?”
“…”
“ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นไปตามโชคชะตา”
“ไม่มีใครหน้าไหนสามารถแปรเปลี่ยนโชคชะตาได้”
“กระทั่งหลานเองก็ทำไม่ได้”
“หลานกับแม่หนูนั้นก็แค่ไม่มีโชคชะตาวาสนาต่อกัน”
เป็นคำกล่าวที่เยือกเย็นแข็งกระด้าง
ไม่มีเค้าโครงอ่อนโยนปรากฎให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
อาจบอกได้ว่าทุกคำกล่าวที่ออกมาจากปากเฒ่าชราสูงวัย
ล้วนเปรียบเสมือนคมดาบแหลมคมพร้อมเสียบแทงประหัตประหารอริศัตรู เสียบแทงจนกว่าจะตายกลายเป็นศพหรือไม่ก็จนกว่าชีวิตจะหาไม่
ร่างเด็กน้อยที่ได้ยินถึงกับสั่นสะท้าน น้ำตาเจ้ากรรมเริ่มหวนคืนกลับมาอีกครั้ง มือทั้งสองข้างลอบกำหมัดแน่น ก่อนโยนคำถามกลับไปหาเฒ่าชราสูงวัย
ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ผม”
“ที่ผมโดนปฏิเสธ”
“เป็นเพราะโชคชะตาเหรอ?”
“เป็นเพราะโชคชะตาใช่ไหม?”
“…”
หญิงเฒ่าชราสูงวัยไม่คิดตอบให้เปลืองน้ำลาย
แม้จะไม่ตอบออกเสียงแสดงความคิดเห็นเป็นกิจลักษณะ แต่ความเงียบเนี่ยแหละคือคำตอบที่ดังที่สุดสำหรับเด็กน้อยในตอนนี้เสมือนบางสิ่งอย่างในทรวงอกแตกสลาย
ก่อนเสียงร้องตะโกนไม่ยินยอมรับความเป็นจริงจะดังขึ้น
“ผมไม่เชื่อ!”
“ไม่เชื่อเด็ดขาด!”
“ไอ้เรื่องแบบนั้นน่ะ!”
กล่าวจบเด็กน้อยก็วิ่งหนีหายออกไปจากบ้าน
ถึงตัวจะออกไปแล้วแต่เสียงร้องไห้ก็ยังดังต่อเนื่องตลอดเส้นทาง
ก่อนทุกสิ่งอย่างจะหวนคืนกลับมาสงบเสงี่ยมตามเดิม ชายวัยกลางคนถอนหายใจเหนื่อยหน่ายพร้อมเงยหน้ามองเฒ่าชราเบื้องหน้าทั้งยังมองด้วยท่วงท่ารู้สึกจนด้วยเกล้า
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงชราถึงได้กล่าวแบบนั้นออกไป
…‘ไม่ว่ายังไงก็ไม่เข้าใจความคิดของเธอ’
“…”
“เขายังเป็นแค่เด็กน้อย”
“เป็นเด็กน้อยไม่รู้ความ”
“จะรู้ความหรือไม่รู้ความ”
“ไม่ขึ้นอยู่กับนาย”
“ขึ้นอยู่กับฉันคนนี้ต่างหาก”
“อีกอย่างเรื่องบางเรื่องจำต้องกล่าวตักเตือนเอาไว้ตั้งแต่ตอนต้น” หญิงชราหรี่ตามองด้วยแววตายากจะคาดเดาความรู้สึก “ยิ่งรู้ตัวเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีกับตัวเขามากขึ้นเท่านั้น”
ชายวัยกลางคนพยายามกล่าวโต้แย้งกลับไป
“แต่—”
“…”
ไม่อนุญาตให้โต้เถียง
ท่วงท่าหญิงชราเบื้องหน้าตีความออกมาแน่วแน่ไม่ยินยอมให้แสดงความคิดเห็น ต่อให้คิดคัดค้านหรือคิดเป็นอื่นยังไงก็เปล่าประโยชน์ทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับมันเท่านั้น
ขณะบรรยากาศภายในบ้านเต็มเปี่ยมไปด้วยห้วงอารมณ์ความคิดเห็นไม่ลงรอย ห่างออกไปไม่ไกลมากนักเสียงร้องไห้ยังคงดังต่อเนื่องไม่มีหยุดหย่อน
น้ำตาสองสายยังไหลอาบไปทั่วใบหน้า
…‘ทำไม ทำไม ทำไม’
“…”
เด็กน้อยลอบกัดฟันแน่น
ในหัวสมองอายุไม่รู้ความเริ่มฉายภาพความทรงจำย้อนหลัง ทั้งยังเป็นภาพความทรงจำอันน่าเจ็บปวดที่เด็กน้อยคนหนึ่งไม่สมควรจะได้รับมัน
เป็นภาพหญิงชราทรงอำนาจกำลังจดจ้องมอง
มองด้วยแววตาคมกร้านเย็นเฉียบ
…“หลานไม่มีทางรักกับใครคนอื่นได้”
…“นอกจากคู่โชคชะตาวาสนาเท่านั้น”
…“ความรักครั้งนี้ถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า”
…“หลานกำลังหาเรื่องเจ็บตัวเปล่าประโยชน์”
ถ้อยคำถากถางยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองยิ่งแววตาราบเรียบเย้ยหยันในการกระทำโง่เขลาทราเวียร์ยิ่งจดจำได้ชัดเจนจดจำสลักลึกอยู่ในหัวสมอง
ยิ่งพบเห็นยิ่งขุ่นเคืองเสมือนราดน้ำมันลงไปในกองเพลิง
…‘จะให้เราเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นเหรอ?’
“…”
ไม่มีทางยอมรับได้อยู่แล้ว
เด็กน้อยทราเวียร์ส่ายหน้าปฏิเสธไม่ยอมรับ
เนื้อตัวทั่วทั้งร่างกายล้วนสั่นสะท้านไปหมด ก่อนเสียงร้องตะโกนจะดังลั่นไปทั่วบริเวณหวังระบายหมดทุกสิ่งอย่างไม่ว่าจะเป็นความในใจหรืออารมณ์ขุนเคืองไม่ยินยอม
ทราเวียร์ล้วนแสดงออกมาทั้งหมด
“ไม่มีทาง!”
“ไม่เชื่อเด็ดขาด!”
“ฉันไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด!”
เสียงร้องตะโกนยังดังต่อเนื่องนานร่วม 10 นาที
ด้วยลักษณะเด็กน้อยปรกติธรรมดาทั่วไปหากเกิดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อไหร่ หรือว่ามีสิ่งอื่นใดเข้ามากระทำให้อารมณ์หวั่นไหวย่อมต้องหวนคืนกลับสู่พื้นที่ปลอดภัย
สำหรับเด็กน้อยคนอื่นอาจเป็นบ้านหรือพ่อแม่แต่ไม่ใช่สำหรับทราเวียร์ เขาอาศัยขาคู่เล็กวิ่งมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งสถานที่สำหรับเขาและเธอเพียงแค่เราสองคน
ซึ่งมันควรจะเป็นแบบนั้น
…‘เสียง?’
“…”
เด็กน้อยเลิกคิ้วสูง
ลางสังหรณ์เลวร้ายกำลังทำงานเต็มประสิทธิภาพ ยิ่งผ่านไปนานเข้าขาทั้งสองยิ่งเพิ่มพูนความเร็วไปอีกหลายเท่าตัวยังไม่รวมหัวใจดวงน้อยที่กำลังสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง
คล้ายต้องการแหวกอกแหวกออกมาเผชิญโลกภายนอก และแล้วสิ่งที่เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นมันก็เกิดขึ้นจริงเมื่อสถานที่เพียงเราสองคนบัดนี้ได้เพิ่มเติมใครอีกคนหนึ่งเข้ามา
ทั้งยังเป็นคนที่เขาไม่นิยมชมชอบอีกต่างหาก
“…” เด็กน้อยหน้าหล่อคนแปลกหน้ายิ้มฉีกกว้าง
ขณะกล่าวชมสถานที่ไม่ขาดปาก
“ที่นี่ สุดยอดไปเลย”
“ใช่ไหมละ?”
“สถานที่สุดพิเศษเก็บเอาไว้ดูคนเดียวคงน่าเสียดายแย่”
“เห็นด้วย”
“ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”
“มันสวยมาก”
“…” เด็กหญิงยิ้มหัวเราะ
พุ่งเข้ามาจับมืออีกฝ่ายก่อนลากพาวิ่งไปต่อ
“ตามมาสิ เดี๋ยวฉันพาไปดูของดี”
“ยังมีอีกเหรอ?”
“มีอีกแน่นอน”
และแล้วทั้งสองก็วิ่งจากไป
ปล่อยให้ผู้เฝ้าจับตามองต้องทนทุกข์ทรมานทรกรรมอยู่อย่างนั้น
ฉากภาพดังกล่าวมันช่างทำร้ายทำลายจิตใจเด็กน้อยที่กำลังเฝ้ามองเหลือเกิน นอกจากยืนนิ่งเงียบอย่างเดียวดายทราเวียร์ก็ไม่คิดกระทำอย่างอื่นเลยแม้แต่น้อย
และในช่วงเวลาจังหวะนั่นเอง ช่วงเวลาที่เขาเผลอปล่อยเนื้อปล่อยตัวขั้นสุดสองฝ่ามือขาวเนียนก็ขยับเข้าหารวดเร็วยิ่งยวดรวดเร็วเกินกว่าจะตอบสนองได้ทันท่วงที
ตรงเข้าสวมกอดเด็กน้อยจากด้านหลัง
หมับ!
“…”
“เด็กน้อย”
“รู้สึกยังไงบ้าง?”
น้ำเสียงหวานกระซิบข้างหู
สัมผัสเรือนร่างงดงามสมบูรณ์แบบแนบชิดติดจนไม่เหลือช่องว่าง
หากเป็นใครคนอื่นเข้ามาแทนที่หรือเข้ามารับสัมผัสโดยตรงแทนเด็กน้อย คงไม่พ้นต้องลุ่มหลงหลงใหลจนลืมวันลืมคืนไม่เป็นอันทำอะไรแน่นอน
น่าเสียดายที่เด็กน้อยตัวเล็กไม่อยู่ในอารมณ์ครุ่นคิดกระทำสิ่งอื่น
“…” เขายังคงนิ่งเงียบตามเดิม
หญิงสาวเลือกไม่ถือสาก่อนจะยิ้มกล่าวเบาบาง
“พี่สาวคนนี้รู้นะว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่”
“…”
“เดาได้ว่าเธอในตอนนี้คงรู้สึก”
“เจ็บปวด เจ็บใจ เศร้าหมอง”
“หรือว่าเคียดแค้น”
“…”
“พี่สาวพูดถูกไหม?”
ยังคงนิ่งเงียบตามเดิม
เด็กน้อยทราเวียร์หาได้สนใจสิ่งอื่นล้อมรอบกาย สายตาเขาล้วนจับจ้องมองอยู่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นในตอนนี้ นั่นก็คือฉากภาพเด็กน้อยสองคนหัวเราะสนุกสนานจับมือถือแขน
จับใครคนอื่นที่ไม่ใช่เขา
“…” เด็กน้อยพยายายามกลั้นน้ำตาตัวเอง “อึก!”
ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงสะอื้น
“ผะ ผมไม่รู้”
“ผมในตอนนี้ไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
“ไม่อยากรู้ด้วย”
“…”
“งั้นเหรอ”
อ้อมกอดเริ่มกระชับแนบแน่น
ไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานขนาดไหนอาจผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีหรืออาจยาวนานไปหลายต่อหลายนาที แต่ที่แน่นอนเลยคือทั้งสองต่างยังคงอยู่ในท่วงท่าเดิมไม่มีขยับไปไหน
เด็กน้อยยืนนิ่งสงบหญิงสาวคอยโอบกอดไม่ปล่อยผ่าน
“…” แววตาเด็กน้อยเริ่มแปรเปลี่ยน
ออกอาการหวั่นไหวให้เห็นอย่างชัดเจน
“คุณย่าเคยบอกผม”
“บอกผมว่า”
“ผมจะไม่มีทางรักกับใครคนอื่นได้”
“นอกจากคนที่โชคชะตาจะเลือกเอาไว้ให้”
“แล้วเธอเชื่อรึเปล่า?”
น้ำเสียงนุ่มอ่อนโยนถามกลับ
ถามว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ เขาสามารถบอกกล่าวได้เต็มปากเต็มคำว่าไม่เชื่อและจะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด ทั้งที่คิดเอาไว้อย่างนั่นแต่พอได้มาเห็นฉากเล่นสนุกระหว่างเด็กน้อยสองคน
หนึ่งเพื่อนสนิทอีกหนึ่งเป็นเด็กชายหน้าไหนก็ไม่รู้
“…” มันก็อดหวั่นไหวไม่ได้
เด็กน้อยแข็งขืนพยายามส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่เชื่อ!”
“ไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว!”
“แต่ว่า…”
ทราเวียร์เลือกนิ่งเงียบไม่คิดโต้ตอบเพิ่มเติม
บรรยากาศเศร้าหมองเริ่มกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณแววตาเด็กน้อยเริ่มปริบน้ำตาอีกครั้ง ขณะนั่นเองอ้อมกอดหญิงสาวปริศนายิ่งแนบแน่นคล้ายต้องการโอบกอดความเศร้าหมอง โอบกอดปลอบประโลม หวังอยากแบ่งเบาภาระจิตใจ
ถึงอย่างนั้นเด็กน้อยก็ยังนิ่งเงียบตามเดิมไม่มีแข็งขืน
“…” เพียงนิ่งเงียบและเงียบต่อไป
เมื่อพบเห็นทราเวียร์ยินยอมให้โอบกอดไม่มีขัดขืน รอยยิ้มหวานยิ่งขยับขยายเพิ่มเติมไปอีกหลายเท่าตัวก่อนหล่อนจะตัดสินใจกล่าวบางสิ่งอย่างกับเขา
กล่าวกระซิบไปที่ข้างหูของทราเวียร์
กระซิบเบาบางด้วยน้ำเสียงชวนฝัน
“ถ้าไม่เชื่อในโชคชะตา”
“เธอก็ต้องเปลี่ยนมันด้วยมือตัวเอง”
“เปลี่ยนมัน?”
“ใช่ เธอแค่ต้องเปลี่ยนมัน”
“…”
รวดเร็วเกินกว่าตอบสนองได้ทันท่วงที
ฝ่ามือขาวเนียนสองข้างเลือกตรงเข้ามาปิดดวงตาของเขาเรียบร้อย นอกจากไม่มีคิดต่อต้านเด็กน้อยยังปล่อยให้ลงมือตามใจชอบเสมือนตัวเองเป็นเพียงตุ๊กตาประดับห้อง
แววตาคู่งามบังเกิดห้วงอารมณ์หวานชื่น
“ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ว่าจะผ่านไปนานขนาดไหน”
“พี่สาวจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ”
“…”
ร่างเล็กทิ้งตัวลงสู่อ้อมกอด
ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจมลงสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
เลือกปล่อยผ่านทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ชวนสับสนวุ่นวายกับเด็กน้อยทั้งสองเบื้องหน้า หรือจะเป็นคำกล่าวทำร้ายจิตใจของเฒ่าชราสูงวัยที่พล่ามบอกกล่าวกับเด็กน้อยว่าเด็กน้อยจะไม่มีวันหลงรักใครหน้าไหนนอกเสียจากบุคคลในโชคชะตา
นิ้วมือเรียวงามลูบตามโครงหน้าอีกฝ่าย
“…” ตามด้วยน้ำเสียงหวานชวนให้ลุ่มหลง
“กล่าวสำหรับพี่สาวแล้วเธอน่ะ”
“สำคัญกับพี่สาวมากนะ”
“สำคัญมากจน…”
สุ้มเสียงทั้งหมดจางหายไปพร้อมกับสติอันน้อยนิด
สิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนสติทั้งหมดจะหลุดลอย มีเพียงคำกล่าวแปลกประหลาดจับใจความไม่ได้ รู้เพียงแต่ว่าน้ำเสียงพี่สาวปริศนามันช่างชวนให้รู้สึกจมจ่อมเหลือเกิน
และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาจดจำได้
MANGA DISCUSSION