เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 33 การกลั่นแกล้งของคุณท่านอิ่น
บทที่33 การกลั่นแกล้งของคุณท่านอิ่น
“ผู้ช่วยผู้บังคับบัญชากองทหารคือพันเอก!นายพลท่านนั้น คือท่านนายพลฉิน!”
รูม่านตาของหลี่ห้าวเบิกกว้าง ร่างกายเขาสั่นไปทั้งตัว เขาคิดไม่ถึงว่าจะหาเรื่องใส่ตัว หากระดานเหล็กอันหนักอึ้งซะด้วย ไม่สิ นี่ไม่สามารถพูดว่ากระดานเหล็กแล้ว นี่มันเป็นหินลาวาที่ร้อนระอุ
นายพลฉินเป็นใครน่ะเหรอ!
นายทหารอันดับหนึ่ง
ในบรรดาชายแดนทั้งสี่ทิศ เขาเป็นบุคคลในตำนานที่สามารถใช้คำว่าเทพแห่งการรบสองคำนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ เขาสามารถกำจัดศัตรูไปได้ถึงสามแสนคนในตอนที่ประเทศต้าหัวเกิดภัยขึ้นมา เขาสามารถช่วยชีวิตคนทั้งประเทศต้าหัวให้รอดจากภัยสงครามได้
บุคคลสำคัญแบบนี้ เขากลับเจอดีเขาให้ซะแล้ว!
จบกัน
“คุณคือฉีหยุน มือวางอันดับหนึ่งของทหารที่ถูกเล่าขาน ราชาแห่งกองทัพ?มีเพียงท่านคนเดียวเท่านั้น อายุแค่ยี่สิบห้าก็สามารถเลื่อนยศถึงขั้นพันเอกได้แน่นอน ว่านอกจากนายพลฉินแล้ว ที่ถูกเล่าขานต่อๆกันมาว่าเขาคือคนบ้าที่ไม่คิดชีวิตคนหนึ่ง”
หลี่ห้าวฝืนหัวเราะอย่างขมขื่น เขากลับเจอเข้าให้กับประมุขจนได้
“ในเมื่อเธอมาถึงที่แล้ว บัญชีนี้ จะแล้วกันไปคงไม่ได้แล้วล่ะ ใช่ไหม?”ฉีหยุนพูด
“ยินดีที่จะลงโทษครับ”
หลี่ห้าวไม่สามารถต่อต้านได้
พอเห็นประมุขท่านนี้แล้ว ไม่สามารถปฏิเสธต่อต้านได้แม้แต่น้อย ลำพังแค่ชื่อแรกที่เอ่ยขึ้นมาก็สามารถกดเข้าให้ตายได้แล้ว
“นี่ น้อง ยืมโทรศัพท์ให้ฉันหน่อยได้ไหม เมื่อกี้ฉันยังเล่นละครไม่จบเลย ยังเอาโทรศัพท์ไม่ได้”
ฉีหยุนเดินไปหยุดตรงหน้าของฉินเฟิง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นมิตร
“รีบเอาให้ผู้บัญชาการคนนี้เถอะ”
อิ่นซินรีบดึงตัวฉินเฟิง หล่อนพึ่งเห็นกับตาเมื่อครู่นี้เอง ตอนแรกหลี่ห้าวที่ยโสโอหัง ตอนนี้ท่าทางเขาน่าสงสารมาก ต้องผ่านการคิดก่อนถึงจะรู้ ว่ายศนี้มันใหญ่มากขนาดไหน
หล่อนไม่กล้าแตะต้องหรอก
ฉินเฟิงก็ไม่กล้ายุ่งด้วย
“ได้ครับ”
ฉินเฟิงล้วงมือถือออกมาอย่างหมดคำพูด ฉีหยุนไม่ใช่ว่าไม่ได้พกโทรศัพท์มือถือหรอก แต่มือถือของเขาไม่สามารถติดต่อบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดของอีสเตอร์แลนด์ได้ มีเพียงแค่โทรศัพท์มือถือของฉินเฟิงเท่านั้นที่สามารถทำได้
พอหลังจากที่รับโทรศัพท์มาแล้ว ฉีหยุนก็โทรออกไป หลังจากนั้นก็วางสาย แล้วหันไปพูดกับหลี่ห้าวว่า“นายพันหลินฝากผมบอกกับคุณว่า รีบกลับกองทัพด่วน”
“ขอรับ”
หลี่ห้าวรีบทำความเคารพแบบทหาร แต่สีหน้าของเขาซีดเผือด
จบเห่แน่
หมดกัน
หลังจากที่กลับกองทัพต้องไม่มีผลดีอะไรแน่ อีกทั้งยังมาจากปากของนายพันหลินแล้วด้วย นายพันหลินเป็นใคร เป็นคนอันดับที่สองของเวสเตอร์แลนด์ แค่คำเดียวจะส่งตัวเขากลับยังได้เลย
“ผมไปแล้วนะ”
หลี่ห้าวพูดกับอิ่นเสี้ยงสวี่ แล้วก็เดินจากไป
ความคล่องแคล่วและรวดเร็วเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการทำสงคราม เบื้องบนบอกมาแล้วต้องกลับกองทัพเดี๋ยวนี้ ถึงเขาจะมีนิสัยก้าวร้าว หรือจะมีนิสัยยโสจองหอง แต่ยังไงเขาก็ต้องทำตามคำสั่ง รีบกลับกองทัพโดยด่วน
?“นี่คุณ!”
อิ่นเสี้ยงสวี่มองดูหลี่ห้าวเดินจากไป ได้แต่โกรธจนกระทืบเท้าไปมา
“ท่านประธานครับ ท่านดูจะเบ่งอำนาจมากไปนะครับ ใครไม่รู้ยังคิดว่าคุณกำลังจะโจมตีทั้งประเทศอย่างนั้นแหละ รถถังก็เอาออกมาแล้ว”
เฝิงกางเดินออกมา แล้วกลืนน้ำลายเอือกๆ
ก่อนหน้านี้เขารู้ว่าฉีหยุนเก่งกาจขนาดไหน แต่คิดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจมากขนาดนี้ เขาดึงเอารถถังออกมาอย่างไม่รีรอ
“ผมเข้าไปในเขตกองพันทหารของเมืองเจียงเฉิง ไปทำการฝึกซ้อมให้กับเจ้าเด็กพวกนี้มา พึ่งแสดงเสร็จเมื่อกี้นี้เองครับ คุณก็โทรศัพท์ตามผมมา ผมเลยเอามันมาด้วยเลย ตอนนี้จบเรื่องแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ”
ฉีหยุนอธิบายอยู่ครู่หนึ่ง นั่นก็คือการรายงานให้ฉินเฟิงฟัง หลังจากนั้นก็คืนโทรศัพท์ให้กับฉินเฟิง“ขอบใจนะ”
“รีบพูดว่าไม่ต้องเกรงใจครับสิ”
อิ่นซินรีบดึงมือของฉินเฟิง พูดกระซิบกับเขาเบาๆ“นี่เป็นคนที่ตำแหน่งสูงมากเลยนะ ฉันรู้ว่าก่อนหน้านี้คุณมีบุญคุณกับเขา แต่บุญคุณส่วนบุญคุณ คุณก็ต้องทำตัวดีๆหน่อย”
ฉินเฟิงพูดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็พูดไปว่า“ไม่ต้องเกรงใจครับ”
หลังจากนั้น ทหารกองนี้ก็เดินจากไป เฝิงกางรีบหันไปพูดกับอิ่นเสี้ยงสวี่อย่างได้ใจ“เห็นรึยังครับ ว่าเบื้องหลังของบริษัทเฟิงซิ่งของเราคุณไม่มีปัญญาทำอะไรได้?”
ในตอนนี้เอง เขารู้สึกว่าเขาคิดถูกที่เลือกอยู่ฝั่งฉินเฟิง
เพราะว่าแม้แต่ตระกูลฉินที่อยู่ยันจิงก็ไม่สามารถทำแบบนี้ได้ บอกให้ดึงทหารทั้งกองทัพออกมาก็ดึงออกมาได้ทันที ถือว่าครั้งนี้เขาเลือกเจ้านายได้ถูก
“หึ!”
ตอนนี้อิ่นเสี้ยงสวี่สะสมความโกรธจนปะทุออกมา เรื่องที่อยากทำในวันนี้ ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังคุยโม้โอ้อวดคำโตในการประชุมคณะกรรมการ แต่ตอนนี้หล่อนหน้าแตกจนไม่เหลือแล้ว
จะขายหน้าที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าต้องขายหน้าต่อหน้าของอิ่นซินคงจะเป็นอะไรที่ทรมานมาก
“ประธานเฝิง ดิฉันขออภัยกับการกระทำไร้ซึ่งมารยาทเมื่อสักครู่ แต่ฉันขอร้องอีกครั้งได้ไหมคะ ให้โอกาสฉันอีกครั้งเถอะค่ะ ได้เซ็นสัญญาใหม่อีกครั้ง จะเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ก็ได้”
อิ่นเสี้ยงสวี่เดินเข้าไปใกล้อีกก้าว แล้วยืดไหล่ยืดอกเล็กน้อย
อย่างไรเสียอายุมากหน่อย แต่การก้าวหน้าก็ดีไม่ใช่น้อย อิ่นเสี้ยงสวี่หน้าตาดีไม่แพ้ใคร เพียงแค่อาจจะด้อยกว่าอิ่นซินเล็กน้อย อีกทั้งยังมีฝีมือ ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำให้หลี่ห้าวหลงหัวปักหัวปำขนาดนี้หรอก
เฝิงกางมองดูครู่หนึ่ง ใจสั่นหวั่นไหวเล็กน้อย แต่เถ้าแก่กับเถ้าแก่เนี้ยอยู่ข้างๆมองดูอยู่ หวั่นไหวก็ส่วนหวั่นไหว เขาจะ เอาวันตายของตัวเองมาอยู่ในวันนี้ไม่ได้
“คุณอิ่นครับ ผมเป็นผู้ชายที่มีหลักการนะครับ ในเมื่อการเซ็นสัญญาไปแล้วหนึ่งครั้ง ผมรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญาครั้งที่สองหรอกมั้งครับ” เฝิงกางยังคงยืนยันคำเดิม หลังจากนั้นก็แสดงให้เห็นอีกครั้งหนึ่ง“ยังจะเข้าไปนั่งอีกไหมครับ?”
“ไม่ล่ะ”
อิ่นเสี้ยงสวี่เดินจากไปด้วยความโกรธ
เหลือไว้เพียงอิ่นซินกับฉินเฟิง หลังจากที่อิ่นซินเห็นผลลัพธ์ของเรื่องนี้แล้ว จึงก้าวไปข้างหน้าขอบคุณเฝิงกาง เฝิงกางที่ใบหน้าเต็มไปด้วยทีท่าอ่อนโยนมีไมตรี พูดจาอย่างระมัดระวัง
หลังจากนั้น อิ่นซินที่อยู่ระหว่างทาง ก็โทรศัพท์ไปหานายท่านอิ่น“คุณปู่คะ”
“อืม?”
เสียงจากปลายสายเป็นเสียงคนแก่ของนายท่านอิ่น
“อิ่นเสี้ยงสวี่กับหลี่ห้าวพวกเขาไม่ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่นะคะ หนังสือสัญญาฉบับนี้หนูยังคงเป็นคนเซ็น ใช่ไหมคะ คุณปู่พูดแล้ว คงไม่กลับคำพูดหรอกนะคะ”
อิ่นซินยังคงรู้สึกดีใจอยู่บ้าง อ้อมไปไกล สุดท้ายก็ต้องอ้อมกลับมา
หล่อนยังคงสามารถเอาตำแหน่งประธานกรรมการ
เพียงแต่ เสียงปลายสายของนายท่านอิ่นก็พูดขึ้นมาว่า“สัญญาเธอเป็นคนเซ็น แต่บริษัทฟางซื่อกรุ๊ปกับพวกเราถือได้ว่าเป็นศัตรูกันแล้ว ปัญหาใหญ่นี้แก้ไม่ได้ บริษัทซานหยวนกรุ๊ปของพวกเราก็จะล้มละลาย และก็จะไม่มีตำแหน่งประธานกรรมการ เธอไปจัดการเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากัน”
ตู๊ดๆ
สายโทรศัพท์ถูกตัดไป
“หา……คุณปู่คะ……ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ……อ๊า……”
อิ่นซินวางสายแล้ว มือกำแน่นมาก สุดท้ายก็คลายออกมา แล้วพิงไปกับร่างของฉินเฟิง หล่อนถามขึ้นอย่างไม่มีเรี่ยวแรง“ผัวจ๋า คุณว่าเมื่อไหร่ฉันถึงจะเอาของที่เป็นของฉันกลับมาได้คะ จะจัดการกับบริษัทฟางซื่อกรุ๊ปยังไงดีล่ะ เขาเกลียดฉันอย่างกับอะไรดี ”
“ผมจะช่วยคุณเอง”
ฉินเฟิงใช้นิ้วโป้งของมืออีกข้าง เขาพูดไปด้วย เล่นกับเส้นผมของอิ่นซินไปด้วย
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร พักนี้ฉันถึงรู้สึกว่าโชคชะตาฉันเปลี่ยนไป รู้สึกว่าโลกทั้งใบต่างพากันเป็นมิตรกับฉัน หรืออาจจะถึงเวลาเปลี่ยนโชคชะตาของฉันแล้วก็ได้ ขอบคุณพระเจ้ามากเลยนะคะ”
“จริงสิ คุณรู้จักนายพลฉินคนนั้นไหมคะ ฉันเคยได้ยินเรื่องของเขา ตั้งแต่กั่วกั่วอายุได้สองขวบฉันก็ได้ยินชื่อเสียงของเขาแล้ว เขาเป็นเทพสงครามที่หนึ่งของประเทศเรา คอยรบอยู่แนวหน้า กำจัดศัตรูอย่างกล้าหาญ ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เขาได้ชื่อว่า ‘เป็นคนบ้าที่ไม่คิดชีวิต’ภารกิจจะอันตรายขนาดไหนเขาก็ไม่หวั่นลงมือทำภารกิจอย่างตั้งใจ เป็นลูกผู้ชายตัวจริง ผู้ชายแบบนี้ไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายในอุดมคติของผู้หญิงมากมายขนาดไหน อย่างไรเสีย จะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่มีความรัก”
“ความจริงแล้วฉันนับถือเขามากเลยนะ แต่ฉันแต่งงานแล้ว ลูกยังโตขนาดนี้แล้ว เอาล่ะ ฉันไม่พูดแล้วดีกว่า อย่าหึงไปนะ มา ฉันจะให้รางวัลคุณ ที่วันนี้คุณปกป้องฉัน”
ม๊วฟเสียงดังขึ้นหนึ่งครั้ง
อิ่นซินจูบไปที่ใบหน้าของฉินเฟิงหนึ่งครั้ง เหลือไว้เพียงรอยจูบของสีลิปสติก ฉินเฟิงใช้มือลูบเบาๆ มุมปากยกขึ้น เขาจะไปหึงได้ยังไงกัน