เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 296 ปล่อยแกออกมาแล้วเหรอ
ผู้อำนวยการถางตกตะลึง จากนั้นก็เดินเร็วขึ้นในวินาทีถัดมา
เขาไม่อยากจะไปสนใจคนคนนี้
เงินชดเชยหนึ่งล้านก็ยังคิดออกมาได้
แต่หลังจากเดินไปได้สองก้าว เขาก็พบว่าตำแหน่งของเขานั้นอยู่กับที่ พอหันหน้ากลับมาก็พบว่าชายร่างกำยำที่อยู่ตรงหน้าเมื่อครู่ จับคอเสื้อของเขาไว้แล้วยกตัวเขาขึ้นด้วยมือข้างเดียว
“สามีของฉันปล่อยแกออกมาแล้วเหรอ?”
ฉีหยุนออกจะเหี้ยมโหด
แค่ขยิบตาก็เกือบจะทำให้ผู้อำนวยการถางฉี่ราดแล้ว
“โรงพยาบาลมันเหมือนรังโจรอย่างดี แกยังกล้าออกมาได้ยังไง?”
ฉินเฟิงเอามือไพล่หลังเดินเข้ามา สายตามีแววดูถูก
“แกคิดจะทำอะไร ฉันจะบอกแกให้นะ แพทย์ของเรามาจากโรงพยาบาลที่หนึ่งเมืองเทียนหนาน มีเส้นสายใหญ่โต แกหนีไปไหนไม่พ้นหรอก ปล่อยฉัน ไม่งั้นฉันจะให้บทเรียนแก่แกอย่างสาสม”
ผู้อำนวยการถางพูดไปด้วยดิ้นรนไปด้วย
“เส้นสายใหญ่โต? ฉันอยากรู้จังว่าเส้นสายอะไรใหญ่โต”
ฉินเฟิงเอามือไพล่หลัง ดวงตาเปล่งประกายด้วยความสนอกสนใจ
เส้นสายใหญ่โตก็ดี
ถ้าไม่ใช่เส้นสายใหญ่โต ฉินเฟิงก็ไม่อยากจะลงมือ
เขามาที่เมืองเจียงเฉิงในครั้งนี้ก็เพื่อจับปลา ถ้าไม่สร้างสถานการณ์ปั่นป่วนขึ้นมาแล้วจะมีปลามาติดเบ็ดได้อย่างไร
“ฮ่าฮ่า ฉันมาจากตระกูลถาง ตระกูลถางแห่งเมืองเทียนหนาน รู้จักไหม? ฉันกับพันจ่านายหนึ่งในกองทัพเมืองเทียนหนานเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุด ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน ระวังฉันจะโทรเรียกพวกเขามาคิดบัญชีกับแก”
ผู้อำนวยการถางพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“โอ๊ะ? เป็นพันจ่าในกองทัพด้วย งั้นก็ให้เขามาเถอะ ฉันก็อยากเห็นว่าเขาคือใคร” ฉินเฟิงพูดชี้นำ
ไม่มีความตื่นตระหนกเลยสักนิด
ผู้อำนวยการถางมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขาหมายความว่าอย่างไร สถานการณ์ของเซาเทิร์นแลนด์ในตอนนี้ กองทัพคือสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งมีอำนาจจัดการทางทหารทั้งหมดในภาวะสงคราม ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีใครกล้ายั่วยุกองทัพ
แต่คนคนนี้ก็ไม่กลัวเลย
ตรงกันข้ามกลับเรียกให้มาหาอีก
เพื่อเหตุผลอะไร
“ฮ่าฮ่า ถ้าเรียกมานี่แกต้องลำบากแล้วล่ะ” จางหงเอามือกอดอกยิ้มเยาะอยู่ข้างๆ เขารู้ว่าคนที่ผู้อำนวยการถางบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทที่สุดนั้น มันไม่ใช่เสียทีเดียว แต่เป็นผู้คุ้มกะลาหัวของตระกูลของพวกเขา
ตอนนี้เมื่อเกิดความวุ่นวายขึ้นมาแล้ว ทุกตระกูลก็ต่างหาผู้คุ้มกะลาหัว
ตระกูลถางก็ได้ตามหาคนคนนั้น
ที่สามารถเรียกมาหาได้ในช่วงเวลาที่สำคัญ
ส่วนคนคนนั้นก็เก่งกาจมากทีเดียว มีกำลังคนนับพันอยู่ในมือ พร้อมอาวุธครบครันและกองกำลังที่เป็นมืออาชีพ ในเมืองเทียนหนานนี้เขามีอิทธิพลมาก
อย่างน้อยก็มีมากเกินพอที่จะกำจัดไอ้หนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้
“ดี ไอ้หนุ่ม คอยดูเถอะ”
ผู้อำนวยการถางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันทีและโทรออกไปยังหมายเลขหนึ่ง
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ผู้อำนวยการถางก็แสยะยิ้มกล่าวว่า “ปล่อยฉัน คนของฉันมาถึงเมื่อไหร่ จะทำให้พวกแกต้องคุกเข่าขออภัย อยู่ก็เหมือนตายแน่นอน”
“ปล่อยเขาไป”
ฉินเฟิงส่งสัญญาณบอก
โครม
ฉีหยุนจับผู้อำนวยการถางโยนลงบนพื้นก้นกระแทกอย่างจัง ร้องออกมาอย่างน่าเวทนา
“ฉันอยากดูว่า แกจะทำให้พวกเราอยู่ก็เหมือนตายได้ยังไง” ฉินเฟิงเอามือไพล่หลัง
“คอยดูเถอะ”
ผู้อำนวยการถางเอามือลูบก้น แววตาเปล่งประกายอันเยือกเย็น
สิบนาทีผ่านไป ทั่วทั้งโรงพยาบาลก็เริ่มเกิดความโกลาหลขึ้นมา ได้ยินเสียงฝีเท้าของทหารอย่างชัดเจน กลิ่นอายแห่งสงครามได้แผ่ขยายไปทั่วทุกทิศ
“เป็นกองทัพจริงๆ”
ฉินเฟิงยืนมองอยู่ด้านนอกหน้าต่างครู่หนึ่ง
กองทัพของจริง
เมืองเทียนหนานเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐทางใต้ มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพลผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด มีกำลังทหารที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมอาณาจักรหนานเยว่จึงโจมตีเข้ามาไม่ได้สักที
มีอะไรให้ต้องเกรงกลัวมากมาย
นอกจากนี้หากใช้ไม้แข็งจริงๆ มันจะเป็นการกดดันเมืองเก่าแห่งนี้ได้ง่าย เมื่อถึงเวลานั้นหากสู้กันจนพังทั้งสองฝ่าย อาณาจักรหนานเยว่สิ้นเปลืองไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็จะได้มาเพียงเมืองที่ทรุดโทรมพังทลายเท่านั้น
มันได้ไม่คุ้มเสียเลย
“ไอ้หนุ่ม คนของฉันมาแล้ว”
พอผู้อำนวยการถางเห็นคนเหล่านี้ แววตาก็เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
กำลังสนับสนุนของเขามาถึงแล้ว
ครั้งนี้จะต้องจัดการฆ่าสองคนนี้ให้ได้
พรึ่บ พรึ่บ
ทหารเริ่มเดินขึ้นมา เมื่อมาถึงชั้นนี้ผู้อำนวยการถางก็เห็นพันจ่าที่เป็นที่พึ่งพิงของตระกูลถางอยู่ด้านหน้าสุด จึงรีบเข้าไปหาและพูดประจบสอพลอ “สวัสดีครับหัวหน้า”
“ศัตรูของคุณอยู่ที่ไหน?”
โจวควนขมวดคิ้วถาม
ความจริงเขาไม่อยากมา ไม่อยากมาจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งล่วงเกินบุคคลลึกลับท่านหนึ่งไป และเขาก็อยู่ในภาวะจิตใจย่ำแย่อยู่แล้ว แต่ถางเชียนชิวโทรศัพท์บอกว่าชีวิตตกอยู่ในอันตราย เขาจึงต้องมา
ตอนนี้เมืองเทียนหนานมีความสลับซับซ้อน แม้ว่าเขาจะมีกองกำลังหนึ่งพันนายอยู่ในมือ แต่ก็เปลี่ยนแปลงสถานการณ์โดยรวมอะไรไม่ได้มาก ดังนั้นเขาจึงเป็นพันธมิตรกับตระกูลเหล่านี้ ประคับประคองกัน ผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้
เมืองเทียนหนานมีอิทธิพลอยู่ในมือ ตอนนี้ก็ทำแบบนี้กันหมด
ตัวเขาก็ไม่มีข้อยกเว้น
แต่เขารู้ดีว่าถางเชียนชิวคนนี้ไม่ใช่คนดี เขาจึงถามทันทีที่มาถึงว่าอยู่ที่ไหน จากนั้นจึงพาคนไปที่นั่นเพื่อตรวจสอบว่ามีหลักฐานการก่ออาชญากรรมใดๆ หรือไม่ ถ้าไม่มีก็จะปล่อยตัว
หลังจากเดินสำรวจคร่าวๆ
สถานการณ์บีบคั้น เขาไม่มีทางเลือก
แน่นอนว่าหากมีความผิดจริง เขาจะไม่ปล่อยคนคนนี้ไปแน่นอน
“นี่ล่ะ คนนี้ล่ะที่ก่อความวุ่นวายในโรงพยาบาลของผม แล้วยังกล่าวหาพล่อยๆ ว่าพวกเราทำให้เกิดความผิดพลาดในการรักษาอย่างใหญ่หลวง เรื่องนี้ร้ายแรงมาก ผมคิดว่าจำเป็นต้องประหารด้วยการยิงเป้า”
“ยิงเป้า?”
โจวควนบุ้ยปาก ยังจะยิงเป้าอีก
คนคนนี้เหมือนผีเจาะปากมาพูด เชื่อถือไม่ได้เลย
แต่เพื่อศักดิ์ศรีของตระกูลถาง จับไปขังสักสองสามวันแล้วค่อยว่ากัน
แต่เมื่อเขามองไปตามทิศทางที่ถางเชียนชิวชี้ไปตัวก็แข็งทื่อทันที ไม่ใช่แค่ตัวแข็ง แต่รูม่านตายังหดตัวลงอย่างรวดเร็ว เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาจากเสื้อกล้าม
“เราพบกันอีกแล้วนะ โจวควน หัวหน้าโจว”
ฉินเฟิงยิ้มบางๆ มองไปที่โจวควน
“พวกแกเคยพบกันมาก่อนเหรอ? ฮ่าฮ่า ถ้าเคยพบกันมาก่อนก็ควรรู้ว่าตัวตนของเพื่อนซี้ที่สุดของฉันคนนี้น่ากลัวแค่ไหน ไม่ใช่คนที่คนตัวเล็กๆ อย่างแกจะมาเทียบได้”
ถางเชียนชิวกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
แต่ทว่า
ในวินาทีถัดมา ‘ผัวะ’
ฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของเขาด้วยแรงมหาศาล จนเขาวิงเวียนและล้มลงกับพื้น หน้าตาบวมปูดเหมือนหัวหมู
ทำให้เขาตกตะลึง
นั่งตกตะลึงอยู่กับพื้น 3-4 วินาทีก็ยังไม่เข้าใจ
เหตุใดพันจ่าที่เป็นพันธมิตรกับทางตระกูลผู้นี้ถึงได้ตบเขา แถมยังมือหนักอีกด้วย
“หัวหน้า คุณตบผมเหรอ? หรือว่าไม่เกรงกลัวตระกูลถางของผมเลยจริงๆ?”
แม้ว่าถางเชียนชิวจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้เขาตำหนิโจวควน เป็นที่รู้กันดีว่าตระกูลถางนั้นเป็นตระกูลใหญ่ในท้องถิ่น ในด้านฐานะทางสังคม โจวควนคนนี้เทียบไม่ติดเลย
แต่ในเวลานี้โจวควนอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างสูง
แต่ทว่า สายตาที่โจวควนมองเขา ราวกับกำลังมองคนที่ตายแล้ว
“ตระกูลถางของพวกคุณ? เมื่อเทียบกับหัวหน้า มันไม่มีค่าอะไรเลย”
พูดจบก็โค้งคำนับให้ฉินเฟิง กล่าวเสียงดังว่า “กระผม หัวหน้าหมวดโจวควน หมวดที่112 กองพลทหารที่32 แห่งเมืองเทียนหนาน ขอคารวะหัวหน้า หัวหน้าได้โปรดลงโทษด้วย”