เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 288 เด็กผู้หญิงคนหนึ่งงั้นหรือ
ณ เมืองเทียนหนาน
ในตอนนี้ ทหารประเทศหนานเยว่ยังไม่บุกมาถึงเมืองนี้ ทุกอย่างยังคงปกติ แต่ว่าในเมืองเริ่มมีอึกทึกอันแล้ว ข่าวของสงครามกระจายไปทั่วทั้งเมือง ว่าคนประเทศหนานเยว่จะบุกมาแล้ว
บนรถที่มุ่งหน้ามายังเมืองเทียนหนาน
มีคนแค่10กว่าคน
“น้องครับ ตอนนี้คนที่เมืองเทียนหนานมีไม่เยอะแล้ว ส่วนใหญ่จะหนีออกมากันหมดแล้ว ทำไมถึงยังจะไปเมืองเทียนหนานล่ะ”
ฉินเฟิงมองเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ฝั่งตรงข้าม
น่าจะอายุประมาณ17-18ใส่เสื้อผ้าป่าน มีรอยเย็บซ่อมหลายแห่ง มัดผมแกละสองข้าง เหมือนจะเป็นเด็กผู้หญิงในชนบท แต่ว่าดวงตาบ้องแบ๊ว ค่อนข้างน่ารัก ดูไร้เดียงสา
เป็นเด็กผู้หญิงที่ชวนให้คนอยากจะเข้าไปแซวเล่น
“คุณย่าของฉันอยู่ที่เมืองเทียนหนาน ฉันมารับย่า อีกอย่าง ตอนนี้หนีออกไปจากเซาเทิร์นแลนด์ไม่ได้แล้ว เส้นทางขึ้นเหนือ18เส้นทาง ถูกตระกูลซือหม่าปิดไปแล้ว17เส้นทาง ไม่อนุญาตให้เดินทาง เส้นทางเดียวก็คือเมืองเจียงเฉิง ก็มีคนมากมาย แล้วก็ ตอนนี้ทางเซาเทิร์นแลนด์อาจจะไม่ใช่ตายแล้วก็ได้ เพราะว่าเทพสงครามมาแล้ว พวกเราเอาชนะได้แน่”
ตอนที่ยัยหนูคนนั้นพูดเรื่องนี้ สายตาเหมือนเปล่งแสงออกมา
“ใช่ เอาชนะได้แน่”
ฉินเฟิงยิ้มเบาๆ
ในขณะเดียวกัน สายตาก็เผยความร้ายๆ ออกมา
ต่อให้ไม่ใช่เหตุผลอื่น แค่ทำเพียงเพื่อเด็กผู้หญิงคนนี้คนเดียว เขาก็จะต้องขับไล่คนประเทศหนานเยว่ให้ออกไปจากแผ่นต้าหัวให้ได้ ดินแดนของต้าหัว ไม่สถานที่ที่คนพวกนี้จะเข้ามารุกรานได้
แต่ว่าฉินเฟิงก็สังเกตได้ว่า บนมือของเด็กผู้หญิงคนนั้น จับกระเป๋าผ้าไว้แน่น
“น้องครับ ชื่ออะไรล่ะ?” ฉินเฟิงถาม
“จูหลินชิง”
เด็กผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาอย่างกลัวเล็กน้อย
“จูหลินชิง หลินชิง ชื่อเพราะดี”
ฉินเฟิงพยักหน้า
แต่ในตอนนั้นเอง อีกตู้ของรถไฟ ก็เกิดเสียงร้องโอดโอยขึ้นมา
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
ทุกคนก็หันไปมอง ก็พบว่าในตู้รถไฟตู้นั้น มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ผู้ชายเป็นคนพุงใหญ่จากฤทธิ์สุรา ค่อนข้างเคร่งขรึม ส่วนผู้หญิงใส่เสื้อผ้าหรูหรา
กำลังดูเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่พื้นอย่างกังวล
“ในนี้มีหมอไหม รีบมาช่วยดูลูกชายฉันหน่อยค่ะ” ผู้หญิงร้องไห้พูดออกมา
เห็นได้ชัดว่า เป็นลูกชายของเธอ
“ผมดูหน่อย”
ฉินเฟิงเดินเข้าไป พบว่าหัวใจวาย ทันใดนั้นก็เลยกดจุดชีพจรบนตังเด็กผู้ชายคนนั้น
เด็กผู้ชายที่เดิมทีหน้าแข็งทื่อไปนั้น ก็ค่อยๆ มีเลือดไหลเวียนขึ้นมา
แต่ว่า ในตอนนี้ ก็มีวัยรุ่นชายคนหนึ่งเดินเข้ามา มองฉินเฟิง สีหน้าก็เปลี่ยนไป “คุณทำอะไรน่ะ? นี่คืออาการหัวใจวาย คุณมากดจุดชีพจรงั้นหรือ?”
“อืม”
ฉินเฟิงก็ยังคงกดจุดต่อไป
แต่ว่า ในตอนนี้หนุ่มคนนั้น ก็ผลักฉินเฟิงออกไป เพื่อให้ฉินเฟิงหยุด จากนั้นก็พูดกับพ่อแม่คนนั้นว่า “คนนี้ไม่ใช่หมอเสียหน่อย มาช่วยมั่วๆ จุดจงหยินก็กล้ากด”
“คุณคือ?”
พ่อแม่คู่นั้น ก็มองหนุ่มคนนั้น
“กระผมชื่อว่า เจี่ยซิว นักศึกษาปริญญาเอกมหาวิทยาลัยการแพทย์หนานโจว นี่มันเป็นสาขาวิชาเฉพาะ คนคนนี้มาช่วยเหลือมั่วๆ คิดจะทำร้ายชีวิตเด็กคนนี้เอาสิไม่ว่า”
เจี่ยซิวพูดจาว่าร้ายใส่ฉินเฟิง
ราวกับบว่าฉินเฟิงนั้นเข้ามาช่วย เพื่อจะชิงทรัพย์เอาชีวิตคนเสียอย่างนั้น
แต่ว่า วิธีของฉินเฟิงจะถูกต้องหรือไม่นั้น เขาไม่รู้ เขารู้เพียงว่า พ่อของเด็กชายคนนี้ ไม่รวยก็มีฐานะดี ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีเงิน
ขอเพียงได้ประจบคนคนนี้ไว้ ชีวิตในอนาคตของเขาก็จะสบายแล้ว
ดังนั้น เขาจำเป็นต้องขับไล่ฉินเฟิงออกไป
ก็เลยพูดจาว่าร้ายออกไป
“นี่คุณ…..กล้ามาทำร้ายลูกผมงั้นหรือ”
พ่อของเด็กชายคนนั้น ท่วงท่าที่มีพุงใหญ่ๆ พอได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่าคนนี้เป็นนักศึกษาเก่งๆ ในมหาวิทยาลัยการแพทย์ คงจะไม่หลอกลวงกัน ก็เลยหันไปมองฉินเฟิง แล้วก็มีสีหน้าไม่พอใจ
ฉินเฟิงก็ขมวดคิ้ว
“คุณเป็นหมอหรือเปล่า?”
เจี่ยซิวถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่ใช่”
“ตระกูลคุณเป็นหมอหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่”
“คุณได้กราบคนเก่งคนไหนเป็นอาจารย์หรือเปล่า?”
“ไม่ถือว่าคนเก่งอะไรหรอก เรียนรู้กับตาแก่คนหนึ่งมานิดหน่อย”
ฉินเฟิงพูดนิ่งๆ
ตอนที่เขานำทัพออกไป เคยถูกลอบโจมตี ต่อมาก็ถูกสายน้ำพัดพาไป ถูกตาแก่คนหนึ่งทางท้ายน้ำช่วยไว้ แล้วก็ยังสอนวิชาการแพทย์ให้เขาเล็กน้อย
ถึงแม้จะไม่ได้สอนละเอียด
แต่ว่า ก็สามารถรักษาอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ได้
ยิ่งกว่านั้น ฉินเฟิงยังเป็นนักบู๊อีกด้วย
“เหอะ พวกคุณได้ยินแล้วใช่ไหม ได้ยินไหม คนคนนี้เคยเรียนกับตาแก่คนหนึ่งมาเล็กน้อย ตอนนี้ยังจะเข้ามาช่วยลูกชายของคุณแบบมั่วๆ อีก บ้าบอสิ้นดี ผมว่านะ เขาคงจะต้องเห็นว่าคุณใส่เสื้อผ้าดูดี ก็เลยจะเข้ามาหลอกเอาเงินพวกคุณมากกว่า” เจี่ยซิวพูดออกมาเป็นล่ำเป็นสัน
“นี่มึง!”
พอได้ยินดังนั้น ชายพุ่งใหญ่ก็ท่าทางจะเอาเรื่อง หยิบของจากข้างๆ ขว้างไปยังฉินเฟิง สองตาโมโหพูดว่า “ไอ้พวกหลอกลวง ไสหัวไปเลย อย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีกนะ!ไอ้โจรห้าร้อย!คิดจะมาหลอกเอาเงินกู!”
“ไอ้คนลวงโลก ออกไปห่างๆ พวกเราเลย”
หญิงวัยกลางคนคนนั้น ก็เอามือเท้าเอว แล้วมีสีหน้าไม่พอใจมองไปยังฉินเฟิง
ทั้งสองคนกำลังไล่ฉินเฟิง
“พวกคุณแน่ใจนะ?”
ฉินเฟิงยังกอดเด็กคนนั้นอยู่ ดวงตาดำๆ ก็จ้องมองไปที่สองคนนั้น
แต่คำได้ที่ได้กลับมา มีวลีเดียว
“ไสหัวไป”
ฉินเฟิงวางเด็กคนนั้นลง แล้วก็มองเจี่ยซิว พร้อมพูดว่า “ตามสบายเลยครับ เด็กคนนี้ยังเหลือเวลาอีก3นาที”
พูดจบ ก็เดินออกไปจากรถไฟตู้นี้
กลับมายังตู้รถไฟของตนเอง เด็กผู้หญิงชื่อจูหลินชิงคนนั้น ก็ค่อยๆ มองเข้ามา แล้วพูดเบาๆ ว่า “พี่คะ ฉันรู้สึกว่าพี่เป็นคนดี พวกเขาไม่รู้จักพี่หรอก”
“คนดี?งั้นหรือ”
ฉินเฟิงยิ้มเบาๆ จากนั้นก็โบกปัด แล้วก็นั่งลงที่ตนเอง
เริ่มเตรียมพักผ่อน
ฉีหยุนก็มองไปยังฝั่งนั้น แล้วก็เก็บสายตากลับมา ไอ้พวกคนมีตาแต่ไร้แวว
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินเฟิงออกไปแล้ว เจี่ยซิวก็หยิบอุปกรณ์ออกมา เขาเป็นหมอจริงๆ ดังนั้นเขาคิดว่าตนเองสามารถจัดการกับอาการของเด็กคนนี้ได้
ใช้เหตุนี้ ทำให้สองคนผัวเมียรวยๆ คู่นี้ ติดหนี้น้ำใจของเขา
แต่ว่า ตอนที่ตรวจดูอย่างละเอียดแล้วนั้น ก็อึ้งๆ ไป เพราะว่า เพราะว่าเด็กชายคนนี้มีอาการหัวใจวาย รุนแรงกว่าที่คิดไว้
หนึ่งนาที
เจี่ยซิวใช้วิธีต่างๆ เพื่อช่วยชีวิตเด็กชายคนนี้ แต่หนึ่งนาทีผ่านไป เด็กชายคนนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา และใบหน้าก็เริ่มเขียว ดูทรมานมากขึ้นกว่าเดิม
“หมอ เป็นไงบ้าง?”
สองคนผัวเมียคู่นั้น ก็รีบถามขึ้นมา
“ใกล้แล้ว ใกล้จะฟื้นแล้ว”
เจี่ยซิวเอามือเช็ดเหงื่อตนเอง เขาก็ไม่คิดว่าจะร้ายแรงขนาดนี้ แล้วก็ลองไปหลายครั้ง ใช้วิชาความรู้ทั้งหมดที่มี แต่อีกหนึ่งนาทีผ่านไป ก็ล้มเหลว
สีหน้าของเด็กชายคนนั้นเริ่มเขียวมากกว่าเดิมแล้ว
“หมอ!”
สองผัวเมียคู่นั้นก็ร้อนใจมากกว่าเดิม
“ก็เพราะคนลวงโลกเมื่อสักครู่นี้นี่แหละ ไปยุ่งกับจุดชีพจร ทำให้เด็กชายคนนี้เป็นแบบนี้ ตอนนี้จะต้องรีบพาไปโรงพยาบาล ไม่อย่างนั้นละก็……..” เจี่ยซิวโยนความผิดทั้งหมดไปให้ฉินเฟิง
บอกออกมาอย่างเดียว ว่าฉินเฟิงเป็นคนทำ