เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 287 อิ่นซิน:เขาติดหนี้ที่จะต้องจัดงานแต่งให้ฉันอยู่เลย
ณ อ่าวผานหลง ฉินเฟิงตั้งค่ายอยู่ที่นี่
“นายพลครับ ฟื้นแล้ว”
หมอทหารคนหนึ่ง เดินออกมาจากกระโจมที่พัก แล้วเข้ามารายงานฉินเฟิง ด้วยสีหน้าสับสน
“อืม”
ฉินเฟิงพยักหน้า
สลบไป2วัน วันนี้ก็ฟื้นสักที
จากนั้นก็นำคนเดินเข้าไป
ในกระโจม มีหนุ่มน้อยคนหนึ่งคนหนึ่งสวมชุดผู้ป่วย แขนขวาว่างเปล่า กำลังก้มหน้ามองผ้าห่มอย่างเหม่อลอย เหมือนกับตายทั้งเป็น
“หมิงเจ๋อ”
ฉินเฟิงเรียกออกมา
พอได้ยินเสียงเรียกว่า ซูหมิงเจ๋อ ก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองฉินเฟิง แล้วก็พยายามยิ้มพูดอกมาว่า “พี่ฉิน ผมไม่เป็นไรครับ เสียแขนไปหนึ่งข้าง สำหรับผมแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยังลงสนามรบฆ่าศัตรูได้ครับ”
รอยยิ้มนั้น มันดูโรยรา
ค่อนข้างฝืนออกมา
แฝงความสิ้นหวัง
“เก่งเหมือนพ่อนาย”
ฉินเฟิงมองซูหมิงเจ๋อ สายตาก็เผยความสับสนออกมา
เด็กคนนี้ โตแล้ว
เขาและซูเฉินหมิง ล้วนเกิดในตระกูลทหาร ยังเคยทำสงครามด้วยกัน มีความสัมพันธ์กันดี ถือว่าเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกันได้ และซูหมิงเจ๋อที่เป็นลูกชายของซูเฉินหมิง บอกได้แค่สองคำว่า
ซุกซน
ตั้งแต่เด็กจนโต ซุกซนมาก สอนไม่ฟัง
ก่อเรื่องที่ไหนได้ ก็ไปหมด เคยไปก่อเรื่องที่เซาเทิร์นแลนด์ อีสเตอร์แลนด์ หัวดื้อไม่ฟัง ทุกครั้งจะต้องให้ซูเฉินหมิงมาตามเก็บขี้และขอโทษคนอื่นเขาเสมอ
ทุกครั้งก็จะถูกซูเฉินหมิงจับมัดแล้วตีสั่งสอน
ซูเฉินหมิงสูง180เซนติเมตร ใบหน้ามีหนวดเครามาก ตอนไม่ยิ้มจะดูขรึมมาก น่ากลัว แต่พอยิ้มออกมา ก็จะรู้สึกสนิทสนมด้วย
พวกเขาเจอกันครั้งก่อน คือเมื่อ3ปีที่แล้ว
ไม่คิเลยว่า แค่พริบตาเดียว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายขนาดนี้ เป็นถึงตระกูลเก่าแก่ซือหม่าของต้าหัว แต่ทรยศออกจากต้าหัว ร่วมมือกับศัตรูนอกประเทศอย่างประเทศหนานเยว่ มาโจมตีเซาเทิร์นแลนด์
ซูเฉินหมิงก็เลยสละชีพในสนามรบ!
ลูกชายเพียงคนเดียว ก็เกือบต้องตาย แต่ก็ต้องเสียแขนไปหนึ่งข้าง
“พี่ฉินครับ”
ทันใดนั้น ซูหมิงเจ๋อก็เงยหน้าขึ้นมามองฉินเฟิง
“ว่าไง”
“ตอนที่พวกพี่บุกเข้าโจมตีเมืองเซาเทิร์นแลนด์นั้น ให้ผมเป็นแนวหน้าได้ไหมครับ ไอ้พวกชั่วนั่น มันเอาร่างของพ่อผม แขวนไว้บนกำแพงเมือง ตากแดดตากลมมาแล้ว3วัน3คืน นั่นเป็นพ่อผมนะครับ ถึงแม้บางครั้งจะดูน่าโมโห แต่นั่นก็คือพ่อของผม!”
พอพูดออกมา ซูหมิงเจ๋อก็เสียการควบคุม จนตะโกนออกมาดัง
สองตาแดงก่ำ
ถึงแม้เข้าจะไม่ค่อยชอบซูเฉินหมิง บอกตลอดว่าเป็นตาแก่ แต่เขาก็ภูมิใจกับพ่อคนนี้
แต่ว่า ตอนนี้ได้ตายไปแล้ว
แถมยังถูกแขวนไว้บนกำแพงเมือง3วันแล้วอีก ตายอย่างตาไม่หลับ
“ได้”
ฉินเฟิงเดินมาตรงหน้าเขา แล้วใช้มือฟาดลงไปที่ต้นคอของเขา ดังตุบ ซูหมิงเจ๋อก็สลบไป
“หลับอีกหลายวันหน่อยแล้วกัน พอตื่นมา ค่อยมายึดเมืองด้วยกัน”
ฉินเฟิงมองเขา แล้วพูดเบาๆ
ตอนนี้ซูหมิงเจ๋อเดิมทีก็เจ็บหนักอยู่แล้ว ร่างกายเสียเลือดมาก ถ้ายังมีอารมณ์ฉุนเฉียวล่ะก็ เกรงว่าจะเป็นปัญหาได้ ก็เลยทำให้เขาสลบไปดีกว่า
นอนหลับให้สบาย
พักผ่อนหน่อยแล้วกัน
“เฉินหมิง รอผม ผมจะไม่ให้คุณรอผมนานแน่นอน”
ฉินเฟิงเผยสายตาเป็นประกายเย็นยะเยือกออกมา
ที่ต้าหัว ยึดถือเรื่องฝังศพเพื่อความสงบของผู้ตาย
แขวนร่างของซูเฉินหมิงไว้ มี2เหตุผล หนึ่งเพื่อเอามาข่มขวัญเซาเทิร์นแลนด์ บอกคนต้าหัวในเซาเทิร์นแลนด์ว่าเจ้าถิ่นเซาเทิร์นแลนด์ได้ตายแล้ว และมีสภาพเป็นแบบนี้
อีกด้าน ก็เพื่อแก้แค้น
เซาเทิร์นแลนด์ มีไว้ป้องกันแดนใต้ ซูเฉินหมิงก็ไม่ใช่กระจอก ไม่มีทางถูกโจมตีได้ เป็นคนโหดแห่งยุคคนหนึ่ง
ดังนั้น ก็เลยมีจะแก้แค้นเขา
“ไม่ว่าจะเป็นใคร แค้นนี้ ได้จำไว้แล้ว”
ฉินเฟิงเดินออกจากกระโจม ปากก็บ่นๆ
และในตอนนี้ ซูหยางก็เข้ามารายงาน “นายพลครับ ความวุ่นวายครั้งนี้ ที่เมืองใหญ่ที่สุดของเซาเทิร์นแลนด์ ในเมืองเทียนหนาน เหมือนว่าจะมีอะไรผิดปกติ มีกองกำลังบางกลุ่ม ได้ทรยศแล้ว และยังมีร่องรอยของตระกูลหม่าเคลื่อนไหวด้วยครับ”
“เมืองเทียนหนานงั้นหรือ?” ฉินเฟิงบ่นพึมพำ
เมืองเทียนหนาน อยู่ข้างๆ แม่น้ำขนส่งสินค้าของเซาเทิร์นแลนด์ เศรษฐกิจรุ่งเรือง เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในเซาเทิร์นแลนด์ ทหารเข้มแข็ง ทหารของประเทศหนานเยว่ยังไม่สามารถยึดเมืองนี้ได้ แต่ว่า เมืองนี้ เริ่มสั่นคลอนแล้ว
“ซูหยาง”
“ครับ”
“พอผมไปแล้ว ทหารม้าหมาป่าก็ให้คุณจัดการดูแล คุณมีหน้าที่ซ่อนตัวไว้ จากนั้นก็เผยหน้าตาออกมาบ้างที่ทางตะวันออกของเซาเทิร์นแลนด์ ถ้าพบศัตรู ก็อย่าวู่วาม จากนั้น3วัน พาทหารม้าหมาป่าแสนคนไปที่เมืองเทียนหนาน”
“ครับ”
ซูหยางรับคำสั่ง แล้วก็อึ้งๆ เงยหน้ามองฉินเฟิง แล้วพูดอย่างตกใจว่า “นายพล จะออกไปหรือครับ?”
“อืม”
ฉินเฟิงไพล่หลังพูด “ตอนนี้เมืองเทียนหนานเป็นเมืองที่ดีมาก เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเซาเทิร์นแลนด์ น่าดึงดูดขนาดนี้ ผมจะไม่ไปดูเสียหน่อยได้ไง ว่าเมืองโบราณเป็นแบบไหน”
ตอนนี้เมืองเทียนหนานเริ่มแปลกๆ แล้ว
ขาดแค่เกิดสงครามเท่านั้น
แต่ว่าซูหยางก็เหมือนจะรู้แล้วว่าฉินเฟิงไปทำอะไร เมืองเทียนหนานอยู่ทางทิศตะวันตกของเซาเทิร์นแลนด์ แต่นายพลสั่งให้เขาไปโผล่ที่ทางทิศตะวันออกของเซาเทิร์นแลนด์
ตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของนายพล
นายพลกำลังเตรียมจะหลอกคนแล้ว
“ฉีหยุน ไป ไปสัมผัสทัศนียภาพเมืองโบราณกันหน่อย”
ฉินเฟิงทักทายขึ้นมา
“ครับ”
ฉีหยุนก็รีบตามมาทันที
ฉีหยุนก็เป็นแม่ทัพเก่งคนหนึ่ง แต่เป็นสู้เก่ง ไม่ใช่วางแผนเก่ง สู้เป็นอย่างเดียว ถ้าให้เขาไปปกครองกองทัพ มันยากมาก ยิ่งกว่านั้น ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา ก็จะทำให้ต้าหัวแพ้สงครามยับเยิน
ยิ่งกว่านั้น เขาเองก็ไม่ชอบนำทัพ
ชอบหาคนมาสู้กันมากกว่า
ดังนั้นก็ให้ซูหยางดูแล ซูหยางก็ติดตามเขามาหลายปีแล้วเหมือนกัน
ทันใดนั้น ก็ออกไปจากกองทัพของทหารม้าหมาป่า และเริ่มเดินทางไปยังเมืองเทียนหนาน
“นายพลครับ พวกเราจะไปเมืองเทียนหนานทำไมครับ?”
“ไปตกปลา ปลาตัวใหญ่”
……
ณ เมืองเจียงเฉิง
ที่บ้านพักของตระกูลอิ่น
ที่ระเบียง อิ่นซินกำลังสอนกั่วกั่วทำการบ้าน
แต่ว่า กั่วกั่วเอาแต่ก้มๆ เงยๆ ลืมดวงตาโตๆ น่ารักๆ ออกมา แล้วถามเบาๆ ว่า “” แม่คะ พ่อไปไหนคะ หลายวันแล้วยังไม่กลับ กั่วกั่วคิดถึงพ่อค่ะ
“หมอนั่นนะหรือ คงจะทิ้งพวกเราไปแล้วล่ะ หนีไปแล้ว”
ยังไม่รอให้อิ่นซินตอบ จางลี่ที่กำลังนั่งแทะเมล็ดทานตะวันดูทีวีอยู่ ก็พูดด้วยสีหน้ารังเกียจออกมา
“แม่ ไม่หรอกค่ะ”
อิ่นซินรีบอธิบาย
“ไม่งั้นหรือ? อะไรคือไม่หรอก? ก่อนหน้านี้บอกว่าอีก7วันจะกลับมา แล้วมันกลับมาไหมล่ะ? ไม่เพียงไม่กลับมา โทรก็ไม่โทรมาเลย ไม่มีข่าวคราวเลย และที่ก่อนหน้านี้แกบอกว่าฉินเฟิงคือMr.X ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เหอะ ลูกแม่ แกก็โกหกให้มันเนียนหน่อย แม่รู้ว่าแกชอบฉินเฟิง แต่ก็ไม่ควรโกหกเพื่อมันขนาดนี้นะ ไม่มีสมองเลยหรือไง”
พอจางลี่พูดถึงฉินเฟิง ก็มีสีหน้าไม่พอใจ
Mr.Xเป็นคนไม่เอาไหนอย่างฉินเฟิง
ช่างเป็นเรื่องน่าขำสิ้นดี
พออิ่นซินเห็นว่าอธิบายไม่ไหว ก็เลยไม่อยากอธิบายอะไรแล้ว แล้วก็หันมาลูบๆ หัวของกั่วกั่ว แล้วก็พูดอย่างนุ่มนวลว่า “พ่อหนูน่ะหรือ อีกไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว พ่อหนูบอกว่า พอกลับมา ก็จะจัดงานแต่งยิ่งใหญ่ให้แม่เลยรู้ไหม”
“งานแต่งยิ่งใหญ่งั้นหรือ? เหอะ ไอ้คนจนอย่างนั้น ยังจะคิดจัดงานแต่งยิ่งใหญ่ ถ้าจัดแพงกว่าล้านหนึ่ง ฉันยอมกระโดดลงจากชั้นสองนี้เลย พูดได้ทำได้”
จางลี่พ่นเปลือกเมล็ดทานตะวันออกมา แล้วพูดอย่างมั่นใจ
อย่างฉินเฟิง จนแบบนั้น ยังจะคิดจัดงานแต่งยิ่งใหญ่
บ้าบอ
“ยัยลูกสาวโง่”
อิ่นหยวนอยู่ในห้อง เห็นดังนั้น ก็ถอนหายใจออกมา เขาเริ่มเสียดายแล้ว คนไม่เอาไหนอย่างฉินเฟิง หลอกลูกสาวตัวเองจนหลงเสียขนาดนี้
ไม่เข้าใจจริงๆ
เสียดายจริงๆ
คางคกอย่างนั้น จะมาคู่ควรกับหงส์ฟ้าอย่างลูกสาวตนเองได้อย่างไรกัน