เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 265 วิธีการฆ่าศัตรูอีกแบบ
ในเวลานี้หลินชิวกำลังรายงานข้อมูลกลับไปที่หลินเย่าตุง “ท่านเจ้าบ้าน ตระกูลอู๋มีการเคลื่อนไหวแล้ว ทุกคนกำลังรีบรุดไปที่เมืองเจียงเฉิง ดูเหมือนว่าจะเชื่อในสิ่งที่พวกเราพูดจริงๆ”
“ก็ไม่แน่ว่าจะเชื่อคำพูดของคุณ บางทีพวกเขาอาจจะอยากมาที่เมืองเจียงเฉิงอยู่แล้วก็ได้ ถึงอย่างไรเมืองเจียงเฉิงก็อยู่ภายใต้การควบคุมของท่านผู้นั้น”
หลินเย่าตุงนั่งอยู่ในที่นั่งของเขา เอามือข้างหนึ่งเคาะกับเก้าอี้ อีกข้างหนึ่งถือโทรศัพท์มือถืออยู่
“ตามพวกเขาไป ผมต้องการข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง”
“ครับ”
หลังจากหลินเย่าตุงวางสายโทรศัพท์ เขาก็รู้ว่า ไม่ว่าจะอย่างไร ไม่ว่าจุดประสงค์ของตระกูอู๋จะคืออะไร เป้าหมายแรกของทั้งตระกูลคือ Mr.X แน่นอน
ส่วนเขา ความจริงได้เตรียมตัวมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
เขาหันไปหาท่านผู้นั้นเพื่อขอความช่วยเหลือ
แต่ก็ไม่รู้ว่า เหตุใดภายในใจจึงมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น
…
เมื่อฉินเฟิงกลับมาถึงวิลล่าหยุนติ่งก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว หลิวหลินกำลังเล่นเป็นเพื่อนเสี่ยวหยูอยู่ภายในห้อง ทั้งสองพูดคุยหัวเราะกัน กำลังกินขนมขบเคี้ยวอยู่
“เทพสงคราม”
เมื่อเห็นฉินเฟิงหลิวหลินก็ยืนขึ้นและกำลังจะทำความเคารพเขา
“พอแล้ว คุณก็ไม่ใช่คนที่ชอบทำความเคารพผมเท่าไรนัก พวกเราอายุไม่มากและวัยใกล้เคียงกัน” ฉินเฟิงโบกมือให้เธอเอามือลง
เขากับหลิวหลินอายุต่างกันไม่มาก แค่ 6-7 ปีเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นคนรุ่นเดียวกัน
ถ้าตึงเกินไปมันจะไม่ดี
“ค่ะ”
หลิวหลินท่าทางยิ้มแย้มดีใจ
เธอเองก็ไม่ชอบอะไรที่ตึงเกินไปเหมือนกัน จึงนั่งกอดเสี่ยวหยูดูทีวีอยู่บนโซฟา
“เมิ่งหยาว”
ภายในห้อง โหวเมิ่งหยาวยังอยู่เหมือนเดิม ฉินเฟิงตะโกนขึ้นมา
“อยู่ค่ะ”
โหวเมิ่งหยาวเดินเข้ามา เธอทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน
“คืนนี้พาเสี่ยวหยูเข้านอนเร็วหน่อย”
“ค่ะ”
ทันทีที่โหวเมิ่งหยาวได้ยินสิ่งนี้ก็รู้ว่า คืนนี้วิลล่าหยุนติ่งจะไม่เงียบสงบแล้ว ครั้งก่อนวิลล่าหยุนติ่งเป็นแบบนี้ ก็มีตระกูลเห้อมาหาเพื่อขออภัย ครั้งนี้ไม่รู้ว่ากำลังจะมีปัญหาอะไร
ใช้ชีวิตดีๆ มันไม่ดีกว่าเหรอ
ต้องไปยั่วยุ Mr.X ให้ได้
“หลิวหลิน ออกมา คืนวันนี้มีการฝึกอบรมอย่างเร่งด่วน”
ฉินเฟิงเดินออกมาแล้วตะโกนบอก
“ครับผม”
หลิวหลินจึงรีบออกไป เธอออกมาจากกองทัพ ดังนั้นเธอจึงรู้ความหมายของคำว่ากฎหมายเฉียบขาดสี่คำนี้ ทันทีที่พูดถึงการฝึกก็ต้องออกไปทันที
ทหาร มันเป็นหน้าที่ที่จะต้องเชื่อฟังคำสั่ง
“เสี่ยวหยู ให้พี่มาดูกับเธอหน่อย”
โหวเมิ่งหยาวเดินเข้ามาแทนที่หลิวหลิน
และในเวลานี้หลิวหลินมาถึงสนามด้านนอก สนามหญ้าเขียวชอุ่ม ยังมีโต๊ะหินที่มีโคมไฟถนนขนาดใหญ่เปิดสว่างอยู่ เพื่อให้ผู้คนสามารถมองเห็นสถานที่นี้ได้
ฉินเฟิงยืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงนี้
“หลิวหลิน คุณเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผม ดังนั้นคุณไม่สามารถทำให้ผมขายหน้าได้ มิฉะนั้นหากข่าวแพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของผมในฐานะเทพสงครามจะแย่มากจริงไหม?” ฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ
มันไม่เรื่องที่ไม่น่าฟังเลย
เหตุผลหลักคือหลิวหลินอ่อนแอเกินไปในตอนนี้
“ค่ะ”
หลิวหลินก็เข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง ใบหน้าแดงระเรื่อ ก่อนหน้านี้ยังภูมิใจในทักษะการต่อสู้ของตัวเอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะแย่กว่าเดิมมาก
“ผมมีคำถามสำหรับคุณ มีผู้คนจำนวนมากมาโจมตีเราคืนนี้ แถมยังเก่งกาจมาก คุณจะทำยังไง?” ฉินเฟิงถาม
“วางกำลัง”
หลิวหลินตอบทันทีว่า “วางกำลัง ซุ่มโจมตีทุกด้าน”
นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่เธอรู้จัก
แต่ฉินเฟิงส่ายหน้าและพูดว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าศัตรูเก่งมาก ไม่มีประโยชน์ถ้าคุณจะวางกำลังซุ่มโจมตี?”
“เรื่องนี้เกรงว่าจะต้องล่าถอยเท่านั้น”
หลิวหลินครุ่นคิดแล้วตอบคำถาม
เธอคิดออกเพียงเท่านี้
ไม่สามารถเอาชนะได้ วางกำลังซุ่มโจมตีก็ไม่มีประโยชน์ ก็ทำได้เพียงหนีไปเท่านั้น
“แล้วคุณเคยคิดไหมว่า คุณสามารถเอาชนะพวกเขาได้? ฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ฉัน?”
หลิวหลินตกตะลึง “ฉันสามารถเอาชนะพวกเขาได้เหรอ?”
“คุณทำไม่ได้”
“แล้ว?”
“แต่ตอนนี้คุณทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าอีกสามชั่วโมงต่อไปคุณจะทำไม่ได้”
ฉินเฟิงยืนเอามือไพล่หลัง
หลิวหลินไม่เข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง แต่วินาทีต่อไปเขาตะโกนว่า “หวังเถ่ สามชั่วโมงขอมอบหมายให้คุณ นี่คือการฝึกครั้งแรก อีกสามชั่วโมงศัตรูจะมาถึงแล้ว คือเวลาให้คุณทดสอบผลการฝึกอบรมแล้ว”
“อะไรนะ?”
หลิวหลินตื่นตระหนก
การฝึกสามชั่วโมง? อีกสามชั่วโมงให้หลังต้องตรวจสอบผลการฝึกโดยการจัดการกับคนเหล่านั้น?
ล้อเล่นหรือเปล่า
คุณไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม
อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อไปเงาร่างหนึ่งได้ปรากฏอยู่ข้างกายเขา เขาชี้ไปที่ป่าที่อีกด้านหนึ่งและพูดว่า “ลองไปสู้กันที่ป่า การฝึกแห่งความเป็นและความตายสามชั่วโมง จงมีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว มันอาจถึงแก่ชีวิตได้”
“รับทราบ”
เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ หลิวหลินก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชื่อฟังคำสั่งในทันที
แม้จะบอกว่าอาจตายได้ แต่หลิวหลินได้เลือกที่จะอุทิศตัวเองเพื่อฉินเฟิง เธอเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีเพื่ออุทิศให้กับความเลื่อมใสของตัวเอง
เช่นเดียวกับโจวซูยุ่น
ไม่นานนัก ก็เห็นแสงจากใบมีดกะพริบแปลบปลาบจากป่าที่อยู่ทางด้านหนึ่ง รอยแผลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิวหลิน วินาทีถัดไปแผลก็ปรากฏขึ้นบนขาของเธอ
ยังมีคำพูดของหวังเถ่อีก
“ช้าเกินไป ช้าเกินไป ไม่มีความตื่นตัวเลย”
“ทำไมถึงช้าแบบนี้ อ่อนแอเกินไป”
“คุณกำลังจะตายแล้ว”
หลังจากผ่านไปสักพัก ก็เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของหลิวหลินเริ่มปรากฏรอยมีด และเริ่มที่จะมองเห็นใบหน้าไม่ชัดแล้ว เต็มไปด้วยรอยเลือดเหมือนปีศาจ
“หลิวหลิน ใบหน้าของคุณมีรอยขีดข่วนแล้ว ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเสียโฉมแน่ หรือว่าจะยอมแพ้?”
ฉินเฟิงนั่งที่โต๊ะหินและดื่มชา พลางพูดกับอีกด้านหนึ่ง
“ไม่ต้อง”
หลิวหลินกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ฉันไม่สนใจแล้วว่าจะเสียโฉมหรือเปล่า”
คำพูดนี้ฝืนใจอย่างที่สุด ท้ายที่สุดสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กสาวก็คือหน้าตา ใครก็อยากดูดี ไม่ต้องการทำให้ใบหน้าเสียโฉม แต่ตอนนี้หลิวหลินเต็มใจที่จะละทิ้งสิ่งนี้เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของเธอ
“น่าสนใจ”
ฉินเฟิงส่ายหน้าเล็กน้อย กล่องพลาสเตอร์ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ ในมือของเขา
สามชั่วโมงต่อมา กลุ่มคนได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่และซุ่มโจมตีอยู่นอกวิลล่าหยุนติ่งอย่างเงียบๆ เจ้าบ้านตระกูลอู๋ซึ่งเป็นผู้นำสวมที่ปิดตาข้างเดียว อู๋เหวินกวงกวาดสายตามองและพูดว่า “ไม่มีแสงไฟ สงสัยจะหลับไปแล้ว”
คืนนี้บุกเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว สมาชิกทั้งหมดของตระกูลอู๋ได้เข้าร่วมการโจมตี
ในที่สุดก็มาถึงคืนนี้
“ท่านเจ้าบ้าน ไม่มีการป้องกัน”
ทันใดนั้นสมาชิกของตระกูลอู๋คนหนึ่งก็มารายงาน
พวกเขาตระกูลอู๋มีการจัดระเบียบ หนึ่งในนั้นคือองครักษ์ตระกูลอู๋ เป็นกำลังที่ยอดเยี่ยมของตระกูลอู๋ และไพ่ตัวคิงที่ตระกูลอู๋เก็บไว้ ส่วนใหญ่อยู่ในระดับหน่วยกล้าตาย และอยู่ภายใต้คำสั่งของอู๋เหวินกวงโดยตรง
โดยปกติเรื่องแย่ๆ ของตระกูลอู๋เป็นหน้าที่รับผิดชอบขององค์กรนี้
“ครับ”
อู๋เหวินกวงยังเชื่อมั่นในกำลังพลนี้ที่ได้ผ่านการฝึกฝนจากเขา จึงพยักหน้าตอบตกลงทันที จากนั้นก็ยิ้มมุมปากเยาะเย้ย “มีอะไรอีก Mr.X ผู้โหดร้าย ฮ่า แค่คนเหี้ยมโหดจากพื้นที่เล็กๆ เท่านั้น วันนี้ผมจะบอกให้คุณรู้ว่าอะไรที่เรียกว่ายอดเยี่ยม และถือโอกาสทำให้ท่านผู้นั้นรู้ว่า ผมแข็งแกร่งกว่าหลินเย่าตุง”