เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 264 ตระกูลอู๋แห่งหลินโจวเคลื่อนไหวแล้ว
“ยังจะเล่นอีกไหม?”
ฉินเฟิงชี้ไปที่กระดานหมากอีกครั้ง
“ผมไม่เล่นแล้ว เล่นโหดร้ายขนาดนี้ ช่างมันเถอะ Mr.X ลงไปเล่นข้างล่างเองก็แล้วกัน ผมไม่คอยดูแลแล้วนะ ผมจะให้คนไปเก็บกวาดห้องนี้หน่อย” เจียงเจิ้นกล่าว
“ตกลง”
ฉินเฟิงลงไปชั้นล่าง
ในเมื่อไม่ให้อยู่ เขาก็ต้องไป วันนี้เขาได้เห็นความร้ายกาจของเจียงเจิ้นแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพวกเขา ถึงขนาดฆ่านักฆ่าที่เหลืออยู่สามคนอย่างไม่ลังเล
เด็ดขาด ไม่อ้อมค้อม!
เขาไม่ได้รับโทษทางกฎหมายใดๆ ไปคิดบัญชีกับเจียงเจิ้น
ตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อนกดำตาย เจียงเจิ้นก็ไม่ได้มาคิดบัญชีกับเขา ตั้งแต่เริ่มต้น บอดี้การ์ดมังกรกับเขาไม่มีความเคียดแค้นเกลียดชังใดๆ ต่อกัน ตอนนี้ก็ไม่มีความแค้นเช่นกัน
หรือยังคิดจะเป็นตาอยู่ คอยฉวยโอกาสแย่งชิงผลประโยชน์จากตาอินกับตานาอีกหรือ
การวางแผนของเจียงเจิ้นนั้นดีจริงๆ
หลังจากฉินเฟิงลงไปที่ชั้นล่างแล้ว ซ่างเปียวก็ถามเจียงเจิ้นว่า “นายท่าน สามคนนี้มีตำแหน่งสูงในสำนัก มาถูกฆ่าง่ายๆ แบบนี้ จะมีปัญหาตามมาหรือเปล่า?”
“เกิดปัญหา? ทั้งหมดถูก Mr.X ฆ่า เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ ถึงยังไงก็ต้องตายทั้งหมดอยู่แล้ว สู้ให้ผมได้ดูอะไรสนุกๆ สักฉากดีกว่า Mr.X คนนี้กำลังน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ นึกไม่ถึงว่าเขาจะสามารถฆ่าทีม SS ได้ คนที่น่าปวดหัวแบบนี้ ส่งไปให้หลินเย่าตุงไม่ดีกว่าเหรอ ถึงอย่างไร Mr.X ก็มาคิดบัญชีถึงที่แล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้าย”
ใบหน้าที่งดงามละเอียดอ่อนของเจียงเจิ้น มีรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก
ถ้าไม่แข็งแกร่ง เขาก็ฆ่าอย่างไม่ลังเล แต่ตอนนี้ Mr.X คนนี้ได้ฆ่าทีม SS ไปแล้วอย่างสบายมือ ปัญหาใหญ่เช่นนี้ เหตุใดถึงจะไม่ทิ้งไว้ให้หลินเย่าตุงล่ะ
ใครตาย ตัวเองก็ได้กำไรทั้งนั้น
อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าฉินเฟิงไม่ได้สนใจว่าใครมาก่อนมาหลัง อย่างไรก็ต้องตายเหมือนกัน
ในเวลานี้ฉินเฟิงได้ลงไปที่ชั้นล่างแล้ว เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ หน้ากากปีศาจแยกเขี้ยว ดวงตาลุ่มลึก อารมณ์เยือกเย็นและรุนแรง ทันทีที่ลงไปถึงชั้นล่าง ก็ทำให้อุณหภูมิลดไปหลายองศา
ทุกคนต่างสังเกตเห็นสิ่งนี้ แต่ไม่มีใครกล้าสบตากับ Mr.X
น่ากลัวเหลือเกิน
สายตาเหมือนปีศาจ
ยกเว้นคนหนึ่ง
“นี่…นี่…ความรู้สึกนี้…จริงๆ…จริงๆ…”
อิ่นซินยืนนิ่งอยู่กับที่ จ้องมอง Mr.X อย่างไม่วางตา ในมือยังถือผลไม้ชิ้นหนึ่งเอาไว้ จ้องมองร่าง Mr.X และร่างที่คุ้นเคยนั้นอย่างไม่ละสายตา
“เสี่ยวซิน อย่ามอง Mr.X”
หลิวลานเมิ่งคิดว่าอิ่นซินตะลึงด้วยความกลัว จึงรีบหันหัวอิ่นซินไปอีกทางหนึ่ง และพูดว่า “ถ้ายังเอาแต่มอง Mr.X จะทำให้เกิดความเกรงกลัว ถ้าสบตาก็จะเห็นปีศาจ”
นี่คือเรื่องเล่าขานที่เกี่ยวกับ Mr.X
ถึงอย่างไรหน้ากากนี้ก็ไม่ธรรมดา มันเคยเป็นหน้ากากของปาซางที่มีฉายาว่าราชาเทพ เคยเป็นอันดับ 1 ของประกาศมืด
อย่างไรก็ตาม อิ่นซินได้ลุกขึ้นยืนในทันใด พูดอย่างตื่นตระหนก “ฉันไม่เห็นจะรู้สึกถึงความหนาวเย็นเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับอบอุ่นมากเสียอีก อีกอย่างฉันรู้สึกว่า Mr.X คือฉินเฟิงจริงๆ ฉินเฟิงจริงๆ นะ คล้ายกันมาก”
“ฉินเฟิง? เธอกลัวจนเซ่อไปแล้วเหรอ?”
หลิวลานเมิ่งแหย่ใบหน้าของอิ่นซิน พลางโบกมือพูดว่า “นั่นคือ Mr.X ที่มีชื่อเสียงเรื่องความโหดร้ายในเมืองเจียงเฉิง จะเป็นฉินเฟิงไปได้อย่างไร ฉันว่าเธอนั่นแหละ กลัวจนเกิดภาพหลอนแล้วจริงๆ”
“ไม่ใช่”
อิ่นซินลุกขึ้นยืนและอธิบาย แต่เมื่อหันหลังกลับไปก็พบว่า Mr.X ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว
“เขาล่ะ ไปไหนแล้ว?
อิ่นซินรีบวิ่งออกไปดู
“เฮ้อ ฉันจะโทรศัพท์ ให้เธอล้มเลิกความคิด”
หลิวลานเมิ่งจับมือของอิ่นซิน แล้วรีบโทรศัพท์ออกไป “ฮัลโหล ฉินเฟิง คุณอยู่ที่ไหน?”
“ไม่อยู่ในเมืองเจียงเฉิง” ฉินเฟิงกล่าวเบาๆ
“ดูสิ ไม่อยู่ในเมืองเจียงเฉิง แล้วจะเป็นฉินเฟิงไปได้ยังไง ฉันว่าเธอนะ ไปที่ https://th.readeraz.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน! พอถึงตอนนั้นพวกเธอก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว”
หลิวลานเมิ่งตบหัวไหล่ของอิ่นซิน พูดจาปลอบประโลม
“ไม่ใช่เหรอ ฉันรู้สึกจริงๆ นะว่าเหมือนเขา”
อิ่นซินกวาดสายตามองไปด้านนอกอย่างหมดแรง แต่ก็ไม่เห็นใครแล้ว เมื่อเธอหันกลับไปก็พบว่า หลิวลานเมิ่งเพิ่งวางสายโทรศัพท์ไป เธอถอนหายใจในทันใด
ตัวเองอาจจะคิดมากเกินไป
จะเป็นเขาไปได้อย่างไร
แต่ทำไมเงาร่างนั้นถึงดูคุ้นเคยนัก
จริงๆ นะ
ทำไมถึงคุ้นเคยนัก
ส่วนด้านนอก บนรถจี๊ปทหาร Mr.X ที่สวมหน้ากากอยู่ค่อยๆ วางสายโทรศัพท์ลง ความอ่อนโยนผุดขึ้นในแววตา วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านได้แล้ว
“คุณผู้ชาย ตระกูลหลินเริ่มรนหาที่ตายแล้ว”
“เป็นแบบนี้ก็ดี ไปกันเถอะ”
บรืน
รถจี๊ปทหารวิ่งฝุ่นตลบออกไป
…
และในเวลานี้ ภายในคฤหาสน์ในหลินโจว บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเขม่าดินปืน มีผู้คนมาเป็นจำนวนมากนับร้อยคน ทั้งหมดดูเคร่งขรึมและเยือกเย็น
บนป้ายประกาศเกียรติคุณ มีตัวอักษร ‘อู๋’ แขวนไว้!
นี่เป็นที่ตั้งของตระกูลอู๋ ตระกูลใหญ่ในหลินโจว
ในลานภายในมีที่นั่งเป็นแถวๆ แต่ที่นั่งกันอยู่ล้วนมีใบหน้าแก่ชรา หลังค่อม แต่เป็นคนชราที่ทุกคำพูดยังคงไว้ซึ่งความน่าเกรงขาม บุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ของตระกูลอู๋
อายุเกินห้าสิบกันทั้งนั้น เคยสร้างคุณงามความดีอย่างใหญ่หลวงให้กับวงศ์ตระกูล
ดังนั้นจึงสามารถนั่งอยู่ที่นี่ได้
และในตำแหน่งผู้นำ มีชายวัยกลางคนสวมชุดราชวงศ์ถัง คิ้วหนา และน่าเกรงขามนั่งอยู่ ในมือยังถือวอลนัทเอาไว้สองลูก หมุนไปหมุนมา สายตาดุจนกอินทรี จ้องมองคนที่อยู่กลางห้องโถง
“หลินชิว คุณพูดความจริงเหรอ?”
อู๋เหวินกวง ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลอู๋ถามหลินชิว
“กระผมพูดความจริง Mr.X ฆ่าคุณชายอู๋ห้าวที่เมืองเจียงเฉิง แล้วยังลงโทษและทารุณกรรมอีกหลากหลายรูปแบบ แล้วยังคอยดูถูกตระกูลอู๋แห่งหลินโจว บอกว่าตระกูลอู๋คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาแตะต้อง Mr.X สุดท้ายก็มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน”
ในห้องโถง มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่ กำลังพูดคุยอย่างมีที่มาที่ไป เขายังชี้ไปที่โลงศพที่อยู่ด้านข้างและกล่าวว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าบ้านของพวกเรา คุณชายอู๋คงจะน่าสงสาร แม้แต่ศพก็อาจจะไม่ได้เห็น”
ตรงกลางยังมีโลงศพอีกหนึ่งโลง ภายในมีศพที่ดำเป็นตอตะโก
ตอนแรก หลังจากฉินเฟิงฆ่าอู๋ห้าว ก็ปาระเบิดมือหลายลูกใส่ตระกูลอู๋ อู๋ห้าวกลายเป็นเถ้าถ่านก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่เถ้าถ่านนี้จะเป็นอู๋ห้าวจริงหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้
“Mr.X แห่งเมืองเจียงเฉิง ฮ่า คนที่ไม่มีชื่อเสียงใดๆ กล้ามาฆ่าลูกชายของผม”
ชายในชุดราชวงศ์ถังที่นั่งอยู่ตำแหน่งผู้นำมีสีหน้าโกรธเกรี้ยว
อู๋ห้าวถูกส่งไปหาประสบการณ์ พวกเขาเป็นตระกูลใหญ่อยู่ในหลินโจว อู๋ห้าวมีองครักษ์ทุกชนิดคอยติดตามอยู่ข้างกาย ในเมืองเจียงเฉิงเล็กๆ นี้ ไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นกับเขาแน่นอน
แต่ตอนนี้มันเกิดเรื่องขึ้นแล้ว
ถูกคนที่มีนามว่า Mr.X ฆ่าตาย
นั่นคือทายาทรุ่นต่อไปของตระกูลอู๋ คุณชายตระกูลอู๋
“ประกาศคำสั่งออกไป ให้กองกำลังติดอาวุธของตระกูลอู๋ทั้งหมดรีบรุดไปที่เมืองเจียงเฉิง ครั้งนี้ผมจะฆ่า Mr.X และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ Mr.X เป็นตาสีตาสาที่ไหนกล้ามาฆ่าคนของตระกูลอู๋”
“ครับผม”
ทันทีที่คำสั่งออกไป ตระกูลใหญ่ในหลินโจวตระกูลนี้ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว
รีบรุดไปที่เมืองเจียงเฉิงเพื่อฆ่า Mr.X!