เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 238 ละอายใจต่อไอ้โจว
ตายจากไปแล้ว!
คำพูดนี้ ราวกับก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งจมลงไปบนพื้นมหาสมุทรอันเงียบสงัด จากนั้นก็เกิดคลื่นขนาดใหญ่
แต่ว่า ไม่มีใครกล้าสงสัยคำพูดของฉินเฟิง
“ขอบคุณครับเทพสงคราม”
ประเด็นคือ ถึงแม้จะลงโทษเช่นนี้ แต่พี่น้องตระกูลตู้ ก็ยังคงก้มหัวขอบคุณฉินเฟิงอยู่ดี พากันกล่าวขอบคุณอย่างซึ้งใจ ถ้าเกิดฉินเฟิงทำลายล้างตระกูลของพวกเขาจริงๆล่ะ
พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปหาความเป็นธรรมที่ไหน
อีกทั้งพูดไปก็ไม่มีประโยชน์
ท่านนี้ เป็นถึงเทพสงครามอันดับหนึ่งของต้าหัว ไร้ซึ่งศัตรู
“จริงสิ ทำความสะอาด สุสานนี้ด้วย”ฉินเฟิงกล่าว
“ครับ”
หลินจุ้นเจี๋ยพูดตอบ
“เทพสงครามครับ จะให้เราส่งคนมาคุ้มกันไหมครับ?”เหลียงชิวโม่กล่าว
ความหมายของเขาก็คือ นายพล ไม่ควรต้องมาอยู่สุสานรกร้างเช่นนี้
แต่ว่า ฉินเฟิงโบกมือไปมา“ไม่ต้อง ไอ้โจวเป็นคนเรียบง่าย ไม่ชอบความหวือหวา เอาแบบนี้นั่นแหละ ทำความสะอาดซะหน่อย ก็ดี จริงสิ คนในครอบครัวของไอ้โจว คุณรู้จักไหม?”
“ผมจะไปตรวจสอบเดียวนี้เลยครับ”เหลียวชิวโม่กล่าว
“ดี”
ฉินเฟิงไม่ได้กล่าวโทษเหลียงชิวโม่
ในตอนที่ไอ้โจวตาย ไม่ได้รายงานข่าวการเสียชีวิตของเขากลับไปยังเมืองเทียนหลิง เพราะไอ้โจวมีแม่อายุเจ็ดสิบปีท่านแก่มากแล้ว สุขภาพไม่ดี ไม่สามารถทนต่อแรงกระตุ้นได้
ถ้าถูกส่งข่าวกลับไป เกรงว่าแม่ของเขาจะอยู่ได้ไม่นาน
นี่เป็นคำที่ไอ้โจวสั่งเสียเอาไว้
ไอ้โจวตายไปสามปีแล้ว ในสามปีนี้ เขาวุ่นแต่กับสงคราม ไม่มีเวลามาเยี่ยม วันนี้จะต้องไปเยี่ยมให้ได้ เนื่องจาก แม่ของไอ้โจวก็คือแม่ของเขาเหมือนกัน พวกเขาเป็นสหาย และเป็นพี่น้องกัน
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหลียงชิวโม่กลับมา อย่างหน้าเสียแล้วกล่าวว่า“เธอกำลังขายมันเทศ……อยู่ที่บ้านเลขที่ 89 ถนนว่านเสี้ยงของเมืองเทียนหลิงครับ……”
แม่ของนายพลผู้ล่วงลับ กลับต้องไปขายมันเทศ
ถ้าข่าวถูกปล่อยออกไป จะให้คนอย่างเขาที่มีอำนาจดูแลเขตทหารเมืองเทียนหลิง จะให้เขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งได้อย่างไร
“ผมจะไปดูหน่อย ไม่ต้องตามผมไป”
ฉินเฟิงส่งสัญญาณให้ทุกคน
เหลียงชิวโม่กับคนเหล่านี้ไม่ต้องตามเขาไป เนื่องจากถ้าคนเหล่านี้ตามไป จะเป็นการโอ้อวดเกินไป ต้องรู้ว่าเหลียงชิวเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของเมืองเทียนหลิง
ถ้าถูกคนพบเข้า จะทำให้เกิดความโกลาหล
“ครับ”
เหลียงชิวโม่พยักหน้า
แต่เขาเตรียมพร้อมตลอดเวลา เพื่อรับคำสั่ง
ถูกเทพสงครามอันดับหนึ่งของต้าหัว เป็นเกียรติยศอย่างหนึ่ง!
ฉินเฟิงก็มากับฉีหยุนและหวางเถ่ ถนนว่านเสี้ยงหมายเลข89ที่เหลียงชิวโม่พูดถึง อยู่บริเวณโรงเรียนแห่งหนึ่ง รถคันเก่าเล็กๆคันหนึ่ง แต่ทำความสะอาดเรียบร้อยมาก
เมื่อก้าวออกไปข้างหน้า ก็สามารถเห็นยายแก่คนหนึ่งอายุประมาณหกสิบ สวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลเก่าๆตัวหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะสีน้ำตาลสกปรกได้ยาก ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยริ้วรอย รูปร่างง่อนแง่น เห็นได้ชัดว่าไม่มีเพียงอายุมาก สุขภาพยังแก่ไปแล้วด้วย
แต่ยังคงสามารถฝืนขายมันเทศเผา
และในเวลานี้ มีนักเรียนมัธยมต้นออกมาจากข้างในโรงเรียน พอเดินออกมาก็พูดกับคุณยายอย่างไม่เกรงใจว่า“นี่ยาย เอามันเทศให้เราสักสองสามชิ้นนะ ขอติดไว้ก่อน”
น้ำเสียงของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก
“ได้จ๊ะๆ”
คุณยายไม่ปฏิเสธ กลับกันยังหยิบมันเผาพวกนั้นขึ้นมาเผา ผ่านไปครู่เดียว มันเทศก็ถูกเผาเสร็จ นักเรียกมัธยมต้นพวกนั้นหยิบมันเทศมาแล้วเดินออกไปทันที
ไม่เพียงแต่ไม่ให้เงิน ยังไม่พูดขอบคุณด้วย
เมื่อฉินเฟิงเห็นแบบนั้น จึงเดินเข้าไป แล้วพูดอย่างขมวดคิ้วว่า“คุณยายครับ พวกเขา ชอบติดไว้แบบนี้บ่อยๆหรอครับ?พวกเขาเคยเอาเงินมาจ่ายไหมครับ”
“พวกเขาเป็นเด็กกันทั้งนั้น”
คุณยายส่ายหัวไปมา ไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้
แต่ทว่า นักเรียนหญิงมัธยมต้นคนหนึ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น จึงพูดกับฉันเฟิงด้วยความไม่พอใจว่า“นี่ลุง ไอ้พวกนั้นน่ะมันน่ารังเกียจมากเลยนะ พวกเขามาเอามันเทศทุกครั้ง ไม่เคยให้เงินหรอก เห็นว่านี่เป็นครอบครัวเดียวกันกับพวกเขา อีกทั้ง ถ้าคุณยายไม่ให้ พวกเขาก็จะก่อกวนร้านของคุณยาย”
“พังข้าวของ หรือขโมยของ ทำให้คุณยายไม่สามารถขายของได้ คนพวกนั้นชั่วมากเลยล่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ชอบเด็กเลวพวกนี้
ฉินเฟิงส่งสายตาให้ฉีหยุน จากนั้นฉีหยุนก็รีบจากไปทันที ผ่านไปไม่กี่นาที เอาเศษเงินกลับมา แล้วพูดกับฉินเฟิงว่า“คุณครับ ทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบหยวนครับ ทั้งเนื้อทั้งตัวของพวกเขามีแค่นี้แหละครับ ผมให้พวกเขา มาทำงานให้คุณยายเป็นการชดใช้ครับ”
“ไม่ได้ลงมือหนักไปใช่ไหม?”
“ไม่ครับ จะใช้ได้ยังไง แค่ร้องไห้หนักไปหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”
ฉีหยุนเกาหัวแกรกๆ
ฉินเฟิงกลอกตาใส่ฉีหยุน แต่ถึงแม้ฉีหยุนจะเป็นคนบ้าคลั่งในกองทัพ แต่ยังคงสามารถควบคุมพลังกำลังได้ดี ถ้าบอกว่าไม่เป็นอะไร จะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน
ความสามารถแค่นี้ยังพอมีอยู่บ้าง
“คุณยายครับ นี่เป็นเงินที่เด็กพวกนั้นคืนให้ครับ ยังบอกอีกด้วยว่าจะกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่ จากนี้ไปจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก และจะมาช่วยคุณยายทำงานด้วยครับ”
ฉินเฟิงยื่นเงินมอบให้กับคุณยาย
ผ่านการสั่งสอนจากฉีหยุน เด็กพวกนั้นต้อง‘เชื่อฟัง’แล้วล่ะ เนื่องจากนี่เป็นสิ่งที่พวกเขาทำไม่ถูกต้องอยู่แล้ว พวกเขาไม่ควรทำให้เป็นเรื่องใหญ่
“จริงหรอจ๊ะ ไอ้หนุ่ม ขอบคุณมากนะ”
คุณยายคิดไม่ถึงว่า วันหนึ่ง จะได้เงินพวกนี้กลับมา เธอรับไว้ทันที แล้วนำเศษเงินใส่เข้าไปในกระเป๋าสตางค์ใบเก่าที่ตัวเองเป็นคนปักทีละใบๆอย่างระมัดระวัง
สายตาของฉินเฟิงเกิดความสงสัย ตอนนั้นเขาตั้งใจให้คนกลับมาโดยเฉพาะ เพื่อดูแลคุณยาย
และยังซื้อบ้านให้กับคุณยายหลังหนึ่งอีกด้วย
และยังเอาบัตรธนาคารของไอ้โจวไว้ให้เธอ ในนั้นมีเงินหลายแสน
แต่ว่า ตอนนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ
“คุณยายครับ เราเป็นสหายของซูยุ่น ครั้งนี้กลับมาเพื่อเยี่ยมคุณยายครับ”ฉินเฟิงพูดเบาๆ
เขาไม่ได้พูดเรื่องที่ว่าไอ้โจวตายในสนามรบ ข่าวการตายบอกใครก็ได้ แต่คนเดียวที่บอกไม่ได้ก็คือคุณยาย เพราะคนแก่เป็นโรคหัวใจ ไม่สามารถรองรับแรงกระตุ้นได้
“พวกเธอเป็นสหายของลูกชายฉันเองหรอกหรอ เร็วเข้า รีบนั่งกันก่อน……”
คุณยายอยากให้ฉันเฟิงนั่ง แต่พบว่าที่นี่ไม่มีเก้าอี้มากพอ ทันใดนั้นจึงเอาเก้าอี้ของตัวเอง ยื่นให้กับฉินเฟิง หลังจากนั้นก็หันไปเผามันเทศ แล้วฉีกยิ้มที่ในปากมีฟันหายไปหลายซี่แล้ว พลางพูดอย่างยิ้มๆว่า“พวกเธอรอก่อนนะ ฉันไม่มีอะไรจะต้อนรับแขกได้ ฉันจะเผามันเทศให้พวกเธอสองหัวนะ”
“คุณยายครับ ไม่ต้องหรอกครับ”
ฉินเฟิงพูดเกลี้ยกล่อม
หลังจากพูดอยู่นาน คุณยายถึงละทิ้งความคิดที่จะเผามันเทศ หลังจากนั้นก็ยิ้มแหะๆมองไปที่ฉินเฟิง พลางถามขึ้นมาว่า“เอ่อนี่ สหายน้อย ฉันถามอะไรเธอหน่อยได้ไหมจ๊ะ ลูกชายของฉันทำตัวดีไหม?เขาได้เป็นตัวถ่วงพวกเธอไหม เด็กคนนั้นน่ะ ยืนหยัดแต่สิ่งที่ตัวเองคิด ฉันไม่สามารถควบคุมเขาได้”
“จากนั้นเขาบอกว่าพบเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง แล้วก็ไปอีสเตอร์แลนด์ทันทีเลย ไปเป็นทหาร ในสนามรบ นี่เป็นสิ่งที่ฉันสนับสนุนเขา เพื่อไปปกป้องประเทศชาติ ไม่ได้กลับมาหลายปีแล้วล่ะ แม้แต่จดหมายก็ไม่ได้ส่งกลับมา แต่ฉันก็เข้าใจ ถ้าเด็กคนนี้ก่อเรื่อง พวกเธอรายงานขึ้นไปได้เลยนะจ๊ะ ให้เบื้องบน ลงโทษสั่งสอนเขาหนักๆเลย”
“วางใจเถอะ ฉันไม่สงสารหรอก ขอแค่เด็กคนนี้ไม่เป็นตัวถ่วงพวกเธอก็พอแล้วล่ะ”
คุณยายพูดไปด้วย แววตามีประกายความคิดถึงปรากฏขึ้น
“คุณยายครับ ซูยุ่นทำตัวดีมากเลยครับ เขาได้เป็นนายพล เป็นวีรบุรุษคนหนึ่งเลยนะครับ แต่ว่าตอนนี้กำลังยุ่งอยู่ กลับมาไม่ได้ ดังนั้น เลยให้พวกเขามาเยี่ยมคุณยายน่ะครับ”
ฉินเฟิงรู้สึกอัดอั้นตันใจ
ขอโทษนะครับ
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ”
คุณยายไม่เข้าใจว่านายพลคืออะไร รู้แค่ว่าลูกชายของตัวเอง ไม่ได้ขี้ขลาด และไม่เป็นอะไร แถมยังได้เลื่อนตำแหน่ง ในแววตาของเธอมีความสุขมาก