เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 231 อิ่นซินค้นพบแล้ว
หลิวหลินมีความฝันอยากที่จะ
ผดุงความถูกต้อง ยืนหยัดในความยุติธรรม!
ดังนั้นเธอจึงไปเป็นตำรวจ เธอคิดว่าเธอได้ทำตามความฝันของตัวเองแล้ว นั่นก็คือเกลียดชังความเลวร้าย การจัดการเจียงเฉิงภายใต้การดูแลของเธอ เริ่มมีระเบียบเรียบร้อย
แต่ ครั้งนี้ เธอถูกตำหนิเข้าให้แล้ว
หลิวหลินก้มหน้าลง กำพวงมาลัย ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกสลับซับซ้อน เพราะเธอรู้ดีว่า ฉินเฟิงพูดถูก
ถึงแม้เธอจะหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนานี้มาตลอด แต่เหตุผลที่เธอสามารถยืนหยัดสานฝันของเธอให้เป็นจริงอย่างมั่นคงในเจียงเฉิงได้ ก็เป็นเพราะการปกป้องจากพ่อของเธอเอง
ฉินเฟิงไม่ได้พูดอะไร อันที่จริงก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ได้อธิบายเรื่องของตำรวจทั้งสามนายให้หลิวหลินฟัง เป็นเพราะ ถ้าหลิวหลินไปตามหาด้วยตัวเอง เขาก็จะพูดถึงเหตุผล
ถ้าหากไม่ไปหา เขาก็จะไม่พูด
คนคนหนึ่งจมอยู่ในความฝัน ต้องมีวันตื่นสักวัน ต้องมีสักวันที่ หลิวเจิ้นโก๋พ่อของหลิวหลินปกป้องหลิวหลินไม่ได้อีกต่อไป พอถึงเวลานั้น หลิวหลินก็จะต้องถูกความชั่วร้าย เข้าครอบงำกัดกิน
นี่ถือว่าเป็นทหารของตนเหมือนกัน
คำพูดนี้ หลิวหลินสามารถเข้าใจได้เท่าไร ก็เท่านั้นแหละ
“ถึงแล้ว ไม่ต้องส่งเรากลับหรอก”
ผ่านไปไม่นาน ก็มาถึงโรงเรียนอนุบาล ฉินเฟิงลงจากรถ โบกมือให้หลิวหลินที่เอาแต่เงียบ
“อืม”
หลิวหลินก้มหน้าลง ตอบกลับไปหนึ่งคำ
ต่อมา ก็เหยียบคันเร่งแล้วจากไป แต่ในสายตาของเธอมีประกายเจิดจ้า แสงแห่งความดื้อรั้น หลิวหลินเธอไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆหรอกนะ
หลังจากที่มาถึงโรงเรียนอนุบาล หน้าประตูมาเด็กสองคน ฉินกั่วกั่วสวมกระโปรงตัวเล็ก ผูกผมเปียสองข้าง เสี่ยวหยูที่สวมชุดกระโปรงเอี๊ยม ใบหน้าอ้วนน่ารัก เนื้อจ้ำม้ำ ปล่อยผม
เด็กที่น่ารักทั้งสองคน จับมือกัน ยืนอยู่ที่หน้าประตู กลายเป็นภาพฉากหน้าโรงเรียน
“คุณพ่อ”
“คุณลุง”
หลังจากที่เด็กทั้งสองคนมองเห็นฉินเฟิง ก็โผเข้ามาทันที ซ้ายคน ขวาคน อยู่ในแขนซ้ายและแขนขวาของฉินเฟิงพอดี น่ารักน่าชังมาก
“จ้า”
ฉินเฟิงลูบผมของเด็กน้อยทั้งสองคนเบาๆ
เด็กทั้งสองคนนี้ บางครั้งเขาจะมารับ บางครั้งฉีหยุนมารับ บางครั้งหวางเถ่จะมารับ สำหรับเด็กทั้งสองนี้แล้ว ฉินเฟิงไม่ได้มีความลำเอียงเลย
ลูกสาวของหวางเถ่ ก็เหมือนลูกสาวของเขาเหมือนกัน
“คุณพ่อขา วันนี้หนูอยากกลับบ้าน ไปหาคุณแม่ค่ะ”ฉินกั่วกั่วพูดในขณะที่อยู่ในอ้อมกอดข้างขวาของฉินเฟิง
“ได้ครับ”
ถึงวิลล่าหยุนติ่งจะดีอย่างไร จะหรูหราขนาดไหน ที่ที่อิ่นซินอยู่ จะเป็นบ้านของกั่วกั่ว ดังนั้นตอนนี้เธออยากกลับบ้านแล้ว เพื่อไปพบแม่ของตัวเอง
ต่อมา ฉินเฟิงก็โทรศัพท์หาหวางเถ่
ผ่านไปไม่นาน หวางเถ่ก็มารับเสี่ยวหยูไป
เนื่องจากเป็นลูกสาวของตัวเอง
และฉินเฟิง ก็ต้องพาฉินกั่วกั่วกลับตระกูลอิ่น
ณ สวนในตระกูลอิ่น
“คุณแม่ขา คุณแม่ ทำไมคุณแม่ถึงหลับไปแล้วคะ”
ฉินกั่วกั่วเขย่าตัวอิ่นซิน ทำให้อิ่นซินที่สลบไปแล้ว ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา ในขณะที่กำลังค่อยๆตื่นขึ้นมานั้น เธอก็รู้สึกปวดหัวมาก
แต่ว่า หลังจากที่เธอเห็นว่าเป็นฉินกั่วกั่ว เธอไม่สนใจอาการปวดหัวอีกต่อไป รีบโอบกอดฉินกั่วกั่ว“ลูกรัก แม่คิดถึงลูกใจแทบขาดแล้ว”
“กั่วกั่วก็คิดถึงคุณแม่เหมือนกันค่ะ”
ฉินกาวกั่วยื่นมือออกไปอย่างว่าง่าย เพื่อลูบหลังปลอบโยนอิ่นซิน
หลังจากที่โอบกอดอยู่ครู่หนึ่ง อิ่นซินก็ค่อยๆปล่อยมือ แล้วบีบแก้มเล็กๆของฉินกั่วกั่วพลางกล่าวว่า“พ่อของหนูล่ะ?คงไม่ได้ออกไปอีกแล้วใช่ไหม ใจดำจริงๆ”
“พ่อทานข้าวอยู่ข้างนอกค่ะ”
กั่วกั่วพูดอย่างตรงไปตรงมา
เมื่ออิ่นซินได้ยิน เธอก็ตกตะลึง กลับมาแล้วหรอ?เธอรีบอุ้มกั่วกั่วหันหลังเดินออกไป ผ่านไปครู่เดียวเธอก็เห็นอาหารเต็มโต๊ะ เป็นอาหารที่เธอชอบทานทั้งนั้นเลย
กลับมาแล้วจริงๆหรอ
“คุณคะ คุณไปไหนมา?”
อิ่นซินยังไม่ทันได้สวมรองเท้าแตะ ก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องครัว แต่กลับพบว่าทุกอย่างถูกทำความสะอาดหมดจด ห้องครัวว่างเปล่า บนตู้เย็น มีโน้ตเล็กๆแปะไว้หนึ่งแผ่น
“อาหารผมทำเสร็จแล้ว เป็นของที่คุณชอบทานทั้งหมด ผมไปก่อนนะ”
อิ่นซินค่อยๆแกะโน้ตแผ่นเล็ก ออกมาเบาๆ หลังจากนั้นก็กัดมุมปากเบาๆ“คุณไปเร็วขนาดนี้ อยู่ต่อหน่อยจะตายรึไง ไม่รู้รึไงว่าฉันคิดถึงคุณน่ะ”
เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
ไอ้คนใจดำ
แต่เธอก็กำลังโทษตัวเองเหมือนกัน ที่ตื่นช้าไป
“ไม่เป็นไร ไอ้คนใจดำไม่อยู่ก็ช่างเถอะ เราทานอาหารด้วยกันนะ ถึงอย่างไรอีกไม่กี่วันเขาก็กลับมาแล้ว ถึงเวลานั้นเรายังสามารถทานข้าวด้วยกันได้”
อิ่นซินพูดจบ ก็เริ่มทานอาหาร
หลายวันแล้วที่เธอไม่ได้ทานอาหารฝีมือของสามีตัวเอง อร่อยจังเลย
“ซี่โครงนี้อร่อยจัง”
“กั่วกั่วก็รู้สึกว่าอร่อยมากเลยค่ะ อิๆ”
ทานไปด้วย อิ่นซินก็นึกถึง สัญญาครึ่งปีนั้น ทำให้หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา ไม่รู้ว่าสัญญานี้ ฉินเฟิงจะสามารถทำให้สำเร็จได้หรือไม่
ถ้าหากทำไม่สำเร็จ ถึงจะใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ แต่มันก็ว่างเปล่าอยู่ดี
แต่ทว่า เธอก็รู้ว่าเรื่องนี้มันยากจริงๆ
เธอไม่รู้เลยว่า ฉินเฟิงยืนอยู่ในสวน มองดูพวกเธอทั้งสองคน ที่เขาไม่เข้าไป เป็นเพราะว่ากลัว พอเข้าไปแล้วจะไม่อยากจากออกมา
ทันใดนั้น ฉินเฟิงก็หันหลังเดินออกมา
แต่ทว่า เวลานี้ อิ่นซินพึ่งนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ ตัวเองถูกแม่วางยา หลังจากนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง เธอก็ไม่รู้แล้ว
ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่เรื่องดี
แต่ทำไมตนถึงถูกช่วยออกมาล่ะ ใครเป็นคนช่วย สามีของตัวเองอย่างนั้นหรอ?
มีความเป็นไปได้สูงเลยทีเดียว
เพราะหลังจากที่ฟื้นขึ้นมา ฉินเฟิงก็อยู่ภายในบ้าน แถมยังทำอาหารเสร็จ ในเวลาที่เหมาะเจาะ น่าจะเป็นสามีของตัวเองนั่นแหละ แต่ไม่รู้ว่าช่วยออกมาได้อย่างไร
ในเวลานี้เอง ในห้องที่อยู่ข้างๆกัน มีคนที่ตัวสั่นสะท้านทั้งตัว ซบลงบนตัวของอิ่นซินทันที ใบหน้าของเธอกระวนกระวาย“ลูก ต้องอภัยให้แม่ได้ ใช่ไหม แม่ไม่ได้ตั้งใจนะ แม่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ขอโทษนะ แม่ผิดไปแล้ว วันนี้แม่ทำผิดเอง……”
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้น
คนที่เกือบคุกเข่าต่อหน้าอิ่นซิน
ก็คือจางลี่
อิ่นซินมองดูใบหน้าผู้หญิงที่เธอคุ้นเคย แต่ก็แปลกหน้า เธอเงียบลงในทันที ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร นี่เป็นแม่ของเธอ และเป็นคนร้ายด้วยเช่นกัน
ปึ้ง
พอเห็นว่าอิ่นซินไม่ให้อภัยตัวเอง เสียงคุกเข่ากับพื้นของจางลี่ ก็ดังขึ้นปึ้ง เธอพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วยว่า“ลูก ครั้งนี้แม่ผิดไปแล้วจริงๆ ให้อภัยแม่ด้วยเถอะ……”
เธอร้องไห้หนักมาก
เธอตกใจกับการข่มขู่ของMr.Xจริงๆ เธอคิดไม่ถึงว่า Mr.Xที่ชื่อเสียงโหดเหี้ยมจะปรากฏตัวขึ้น
“ถ้าละเว้นครั้งนี้ครั้งต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว”
พอเห็นสภาพของจางลี่ อิ่นซินก็รู้สึกปวดใจมาก ไม่ว่าจะอย่างไร นี่ก็เป็นแม่ของฉัน เธอจึงใจอ่อนพยุงแม่ลุกขึ้นมา เพื่อเป็นการแสดงว่าให้อภัยเธอแล้ว
ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นแม่ของตัวเอง
“ให้อภัยแม่แล้วก็ดี ไม่อย่างนั้นMr.Xคนนั้นจะไม่ให้อภัยแม่ คิดไม่ถึงว่าMr.Xคนนั้นจะชอบลูกจริงๆ ไม่เพียงแค่มอบรถปอร์เช่ที่ลูกชอบที่สุดให้ลูก ยังจัดการคุณชายใหญ่ของตระกูลหลิน เพราะเรื่องนี้อีก แล้วยังส่งลุกกลับมาด้วยตัวเองอีก ถ้ารู้ตั้งแต่แรก แม่สนับสนุนความรักของลูกทั้งสองคนดีกว่า”
หลินจิ่งเหวินถูกจัดการไปแล้ว
เมื่อครู่พึ่งมีข่าวออกมา ทำให้จางลี่ที่ตกใจกลัวในตอนแรก ยิ่งตกใจหนักเข้าไปอีก รับมาขอร้องให้อิ่นซินยกโทษให้ ขอแค่ยกโทษให้ เธอถึงจะรู้สึกสบายใจ
เพียงแต่ว่า เมื่ออิ่นซินได้ยินคำพูดนี้ สมองของเธอก็ราวกับแป้งเปียก เธอพูดพึมพำว่า“Mr.Xเป็นคนช่วยฉันกลับมาอย่างงั้นหรอ?ยังจัดการหลินจิ่งเหวินอีกด้วย นี่มันฉินเฟิงไม่ใช่หรอ?นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!”