เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 207 กั่วกั่วโทรหาอิ่นซิน
“นี่น่ะหรือคือบุคคลเหนือธรรมดาของสามตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลสูงสุดที่คุณสืบเสาะมาได้?”
ฉินเฟิงยืนอยู่บนสนามหญ้า ชำเลืองมองฉีหยุน
“คนนี้แหละครับ”
ฉีหยุนชี้ไปที่ศพนั้นแล้วกล่าวขึ้นอีก “แต่ไม่ได้มีแค่คนเดียว ยังมีอีกสองคน แข็งแกร่งกว่าเจ้าหมอนี่หน่อย ประมาณว่าผมต้องใช้สองนิ้วจัดการ ส่วนเจ้าหมอนี่แค่นิ้วเดียว”
ฉินเฟิงเหลือบมองผู้นำอันดับหกแล้วส่ายหัว ความสามารถของเจ้าหมอนั่นก็นับว่าใช้ได้ ถือได้ว่าเป็นนักฆ่าระดับ A แล้ว แต่น่าเสียดายที่มาเจอฉีหยุน
จอมบ้าระห่ำในกองทัพ ผู้ช่วยใต้บังคับบัญชาคนแรกของเขา
ถูกสังหารภายในเสี้ยววินาที
ตายอย่างไร้ค่า
“ตรวจสอบตัวตนได้หรือเปล่า?” ฉินเฟิงถามขึ้น
“ไม่ได้ครับ บนตัวเขาไม่มีข้อมูลระบุตัวตนเลย และตอนที่เขารู้ตัวว่าจะตาย ก็กินยาพิษฆ่าตัวตาย ถือว่าอยู่ในระดับหน่วยกล้าตายคนหนึ่ง”
ฉีหยุนสีหน้าจริงจังขึ้นมา
เป็นหน่วยกล้าตาย แถมยังเป็นหน่วยกล้าตายที่ถือว่ามีความสามารถไม่เลว เขาต้องมีทรัพย์สินในบ้านมาก ถึงสามารถรวบรวมได้อย่างครบถ้วน
“น่าสนใจ”
ฉินเฟิงยิ้มบางๆ จากนั้นเขาก็มองไปทางตระกูลหลินอีกครั้งและกล่าวว่า “ยังมีอีกสองคนเหรอ? สามตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลจริงๆ แต่ตอนนี้ผมเริ่มสนใจแล้ว ที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกคุณคือใคร? มาที่เมืองเจียงเฉิงทำไม”
ตอนแรกแค่รู้สึกว่ามันแปลกๆ
ตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้ว แต่จุดประสงค์ที่อยู่ในเมืองเจียงเฉิงของสามตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลสูงสุดนี้คืออะไร
แล้วที่พุ่งเป้ามาที่อิ่นซิน คืออะไรอีก!
“จัดการเจ้านี่ซะ”
ฉินเฟิงให้ฉีหยุนจัดการกับศพนี้ แม้ว่าตอนที่พวกเขาอยู่แนวหน้าจะได้พบเจอกับศพอยู่เสมอ แต่ที่นี่คือเมืองเจียงเฉิง และยังมีสาวน้อยอีกสองคนอยู่ด้วย
“ครับผม”
ฉีหยุนหายไปพร้อมกับผู้นำอันดับหก
ในเวลานี้ ฉินเฟิงเดินเข้ามาในห้อง เสี่ยวหยูและกั่วกั่วกำลังเล่นกันอยู่ แต่พอเห็นเขาก็รีบวิ่งเข้ามาทันที ก่อนจะโผเข้าหาและเอาใบหน้าเล็กๆ คลอเคลียอย่างน่ารักน่าชัง “พ่อคะ พ่อคะ หนูคิดถึงแม่แล้ว หนูอยากโทรหาคุณแม่”
“ได้สิ”
ฉินเฟิงมองด้วยแววตาเอ็นดู พลางยื่นโทรศัพท์มือถือให้ฉินกั่วกั่ว
หลังจากรับโทรศัพท์มาแล้ว ฉินกั่วกั่วก็เดินออกไปข้างนอก กดหมายเลขโทรออก ส่วนทางด้านอิ่นซินกำลังเลิกงานพอดี พอเห็นสายโทรเข้ามาก็รู้สึกตึงเครียดในหัวใจ
“ตาคนนี้ ในที่สุดก็โทรหาฉันแล้ว ไม่งั้นฉันคงนึกว่าหายสาบสูญไปแล้ว”
อิ่นซินกัดริมฝีปาก ความไม่พอใจปรากฏขึ้นในแววตา
ไปนานขนาดนี้
แม้ว่าภายนอกเธอจะเย็นชา เหินห่างจากฉินเฟิง แต่ในใจกลับเป็นห่วงมาก
อิ่นซินรับสาย ตอนแรกอยากจะทำเสียงให้เคร่งขรึมหน่อย แต่แล้วเสียงอันอ่อนหวานก็ดังมาจากปลายสาย “คุณแม่ คุณแม่ กั่วกั่วเองค่ะ”
“สุดที่รักของแม่”
อิ่นซินดีใจมาก
กั่วกั่วห่างไปเพียงวันเดียวก็คือวันนี้ แต่รู้สึกเหมือนผ่านไปเป็นปี ไม่ได้เห็นหน้าลูกสาววันเดียวเธอก็รู้สึกเศร้าแล้ว ความเย็นชาที่มีจางหายไปในทันที
“แม่คะ กั่วกั่วคิดถึงแม่ ฮิฮิ”
เธอพูดความจริง
กั่วกั่วคิดถึงอิ่นซินจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรหา
“สุดที่รัก หนูอยู่กับคุณพ่อเป็นยังไงบ้าง? เขาทำอาหารอร่อยๆ ให้หนูกินหรือเปล่า แกล้งหนูหรือเปล่า หนูไม่ต้องกลัว บอกแม่มาได้เลย” อิ่นซินกล่าว
“พ่อไม่ได้แกล้งกั่วกั่ว คอยอยู่เป็นเพื่อนกั่วกั่วตลอดเวลา ส่วนเรื่องทำอาหารอร่อย มีพี่สาวคนหนึ่งอยู่ด้วย เธอเป็นคนทำอาหารอร่อยๆ ให้กั่วกั่วกิน”
พอฉินกั่วกั่วพูดมาแบบนี้ อิ่นซินก็ขมวดคิ้ว
พี่สาวคนหนึ่ง?
ผู้หญิง
ผู้หญิง!
อีตาบ้าฉินเฟิง กล้ามีผู้หญิงอยู่ด้วย!
“พี่สาวคนนั้นคือใคร? อายุมากหรือเปล่า สวยไหม? สนิทสนมกับพ่อของหนูหรือเปล่า? ไปทำอะไรที่นั่น?” อิ่นซินถามเป็นชุด
ในใจเธอรู้สึกคุกรุ่น
ทำไมถึงมีผู้หญิงได้
ทำไมถึงมีผู้หญิง? ฉินเฟิงไปทำอะไรกันแน่!
“พี่สาวคนนั้นแซ่โหว ปกติเราจะเรียกกันว่าพี่โหว เธอเป็นคนดี ยังสาว ได้ยินคนอื่นบอกว่า เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยค่ะ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ กั่วกั่วได้ยินเธอเรียกคุณพ่อว่าเจ้านาย น่าจะเป็นพนักงานค่ะ” ฉินกั่วกั่วคิดทบทวนอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ตอบ
เจ้านาย!
เมื่อได้ยินสองคำนี้ อิ่นซินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ที่แท้ก็เป็นพนักงาน
มีความสัมพันธ์ฉันเจ้านายและลูกน้อง
ตกใจแทบแย่ ยังนึกว่าฉินเฟิงทรยศเธอไปมีผู้หญิงคนอื่น ตอนนี้ได้คำตอบแล้ว มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นจริงๆ ผู้ชายที่อิ่นซินเลือก จะทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไร
หากเป็นพนักงาน ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าฉินเฟิงกำลังทำธุรกิจอยู่ข้างนอก กำลังหาเงินอยู่จริงๆ
อิ่นซินรู้สึกอุ่นใจ
ทุกอย่างยังเรียบร้อยดี
อย่างไรก็ตาม อิ่นซินยังกล่าวว่า “กั่วกั่ว เอาโทรศัพท์ให้คุณพ่อ แม่ขอคุยกับเขาหน่อย”
“ได้ค่ะ”
กั่วกั่วส่งโทรศัพท์ให้ฉินเฟิงอย่างเชื่อฟัง
หลังจากฉินเฟิงรับโทรศัพท์มา สิ่งแรกที่ได้ยินคือเสียงอันเย็นชา “บอกความจริงมา หญิงสาวที่อยู่กับคุณที่นั่นคือใคร? มีความเกี่ยวข้องยังไงกับคุณ?”
เธอคิดจะหลอกถามฉินเฟิงสักหน่อย
ดูซิว่าฉินเฟิงจะบอกว่าเป็นพนักงานหรือเปล่า ประสบการณ์ทางการค้าหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เขาคิดอย่างรอบคอบ
“เป็นพนักงานของผมเอง”
ฉินเฟิงกล่าวพลางยิ้มมุมปาก “ทำไมเหรอ? หึงเหรอ? คิดถึงผมแล้วใช่ไหม?”
เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นความหึงหวงอย่างรุนแรง
“ใครหึง รีบพากั่วกั่วกลับมาไวๆ”
อิ่นซินเถียงหัวชนฝาแล้ววางสายทันที เดินกลับบ้านหลังจากเลิกงานด้วยใบหน้าแดงก่ำ เอามือกุมหน้าอก หัวใจเต้นระรัว
พลางคิดในใจว่า ฉันหึงจริงๆ
สงสัยว่าจะใจอ่อนตกหลุมรักฉินเฟิงแล้วจริงๆ!
ตุ้บตุ้บ
พอได้ยินเสียงเต้นตุ้บตุ้บ ฉินเฟิงก็หัวเราะเจื่อนๆ อย่างอธิบายไม่ถูก จนทำให้โหวเมิ่งหยาวที่อยู่ข้างๆ ตกใจ Mr.X คนที่พูดจาคำไหนคำนั้น เผด็จการ เย็นชา เย่อหยิ่ง และลึกลับอยู่ในตัวคนคนเดียว ตอนนี้กลับกำลังหัวเราะเจื่อนๆ!
อยู่ดีๆ ก็หัวเราะเจื่อนๆ!
คุณพระ
แต่วินาทีถัดมา โหวเมิ่งหยาวก็พอจะรู้แล้วว่าหัวเราะเจื่อนๆ เรื่องอะไร ส่วนใหญ่ก็กำลังคุยกับภรรยาตัวเอง เพราะคนที่สามารถทำให้ Mr.X ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมเปลี่ยนท่าทีได้ มีเพียงประธานอิ่นคนเดียวเท่านั้น
เธอเม้มริมฝีปากทันที ในใจเกิดความรู้สึกอิจฉาขึ้นมาอย่างมากมาย
น่าอิจฉาเหลือเกิน!
ทำไมเธอถึงไม่ได้พบกับเจ้าชายขี่ม้าขาวแบบนี้บ้าง
โอ้สวรรค์
ทำไมตัวละครที่ปรากฏแต่ในนิทาน ถึงได้มาปรากฏอยู่ในโลกของเธอ ประเด็นคือในโลกใบนี้ เธอเป็นแค่ตัวประกอบ ไม่ใช่นางเอก!
แต่เธอก็รู้ว่า เธออิจฉาไปก็ไม่มีประโยชน์ Mr.X เป็นของประธานอิ่นไปแล้ว หล่อนช่างเป็นคนที่โชคดี
ส่วนกั่วกั่วก็กระโดดโลดเต้นเข้ามาดูหน้าจอมือถือ เมื่อพบว่าวางสายไปแล้ว ก็โผเข้ากอดขาของฉินเฟิงทันที หน้าตาบูดบึ้งด้วยความโกรธ กำลังจะร้องไห้ออกมา
“ฮือๆๆ…คุณพ่อแกล้งหนู แกล้งกั่วกั่ว หนูได้คุยกับคุณแม่ไม่กี่คำเอง คุณพ่อก็ทำให้คุณแม่โกรธจนวางสายไปแล้ว คุณพ่อนิสัยไม่ดี คุณพ่อนิสัยไม่ดี เอาคุณแม่คืนมา เอาคุณแม่คืนมา”