เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 206 จิ้งจอกเฒ่าที่มองข้ามไม่ได้ ออกโรง
ตูม
คนกลุ่มใหญ่เดินออกมา
โจวจือเชียนถูกไล่ออกไปทันที ที่ออกมาพร้อมกับเธอยังมีกระถางสำริดของ ‘โจวซ่าง’ ด้วย โจวจือเชียนอุ้มกระถางสำริดใบนั้น พึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้างุนงง “ของโจวซ่างเหรอ?”
ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าจะรู้ตัว
จะหาเหตุผล หาที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วเหรอ?
ชิ้นก่อนหน้านี้ จะต้องเป็นกระถางสำริดของโจวตะวันตกแน่
ตอนนี้มีอีกชิ้นอันหนึ่ง มันไม่ใช่กระถางสำริดของโจวตะวันตกแน่นอน นี่คือของโจวซ่าง เห็นได้ชัดว่ากลัว Mr.X
“เจ้าบ้าน มีอะไรผิดเหรอ?”
คนของตระกูลโจวคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วก้มหน้าถาม
“เสือดำถูกคนของ Mr.X ฆ่าตายแล้ว บัดซบ”
โจวจือเชียนนึกด่าในใจ พร้อมกับเผยแววตาที่รู้สึกคาดไม่ถึงออกมา เป็นไปได้อย่างไร เสือดำเป็นจอมโหดในวงการมวยเถื่อนนานาชาติ โหดเหี้ยมจนถึงขีดสุด อันธพาลที่สุดในเมืองเจียงเฉิง แต่ตอนนี้มาถูกคนของ Mr. X สังหารได้อย่างไร
ถูกฆ่าตายแบบนี้
อีกอย่างคนของบริษัทนั้น ล้วนเป็นนักฆ่าระดับหัวกะทิ
แม้ว่าไม่อยากจะเชื่อ แต่ตอนนี้เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้
Mr.X คนนี้ น่ากลัวมากกว่าที่เธอจินตนาการไว้
ที่ผ่านมานึกว่ามองต่ำไป แต่มาดูอีกทีตอนนี้ ก็พบว่าตัวเองนั้นมองสูงเกินไป จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้สัมผัสแม้แต่ลูกน้องปลายแถวของ Mr.X ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโผล่มาจากไหน
“กลับไปที่บริษัท ใช้เส้นสายและความสัมพันธ์ทั้งหมดของตระกูลโจว ครั้งนี้ต้องเอาตัวโจวซวนซวนออกมาให้ได้”
โจวจือเชียนออกคำสั่ง
ต้องช่วยโจวซวนซวนให้ได้ นี่ไม่ใช่แค่ทายาทที่เธอเลือก แต่ยังเป็นหน้าตาของตระกูลโจวของเธอด้วย หากตระกูลโจวไม่สามารถเอาตัวโจวซวนซวนออกมาได้ ชื่อเสียงของตระกูลโจวจะถูกทำลายอย่างย่อยยับ
ถึงตอนนั้นตระกูลโจวอาจจบสิ้นทุกอย่างแล้ว
“รับทราบ”
หลังจากที่โจวจือเชียนกลับมาถึงบริษัทโจวซื่อกรุ๊ป ทันทีที่ออกคำสั่ง ยักษ์ตนนี้ก็เริ่มเคลื่อนไหว แสดงอำนาจเกรียงไกร สั่งให้เส้นสายทุกคนไปช่วยโจวซวนซวน
ความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ผ่านมาหลายปี เริ่มได้ใช้มันแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากโจวจือเชียนจัดการทุกอย่างแล้ว เธอก็ออกมาจากบริษัทโจวซื่อกรุ๊ปทันที เพราะเธอรู้ดีว่า เส้นสายเหล่านี้มันไร้ประโยชน์ในเวลานี้
ช่วยอะไรโจวซวนซวนไม่ได้
ตอนนี้ ที่ช่วยโจวซวนซวนได้คืออีกคนหนึ่ง
“ตระกูลหลิน!”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา โจวจือเชียนก้าวลงจากรถ มองแผ่นป้ายหนึ่งที่ดูธรรมดาทั่วไป บนนั้นสลักไว้สองคำว่าตระกูลหลิน แม้วัสดุจะธรรมดา แต่ตัวอักษรกลับมีพลังและชีวิตชีวา
นี่คือตระกูลหลิน
แม้ว่าภายนอกเธอจะเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองเจียงเฉิง แต่ในความเป็นจริง เธอรู้ดีว่า ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเจียงเฉิงไม่ใช่ตระกูลโจว ไม่ใช่ตระกูลหยวน แต่เป็นตระกูลหลิน ผู้นำตระกูลหลิน หลินเย่าตุง
แรกเริ่มเดิมที เมื่อพูดถึงสามคำนี้ ความหวาดกลัวจะปรากฏขึ้นในแววตาของหยวนชิ่งตง
หลินเย่าตุง ผู้นำตระกูลที่มีพรสวรรค์มากที่สุดคนหนึ่งของตระกูลหลินที่สืบทอดกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี เมื่ออายุได้ 19 ปี เขาดูแลตระกูลหลินทั้งหมดตามลำพัง ควบคุมคนของตระกูลหลินรุ่นก่อนให้อยู่ในกำมือ
เมื่อเติบใหญ่เขาก็ระเบิดพรสวรรค์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ปี ก็กลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองเจียงเฉิงอย่างรวดเร็ว และยังขยายกิจการไปถึงต่างประเทศ ต่อมาก็ไม่มีใครรู้ว่าธุรกิจของเขาไปไกลแค่ไหนแล้ว
ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 35 ปี ก็ได้หายเงียบไป กลับคืนสู่สถานะเดิม แม้แต่ตระกูลหลินทั้งหมดก็เหมือนจะหายสาบสูญไปจากเมืองเจียงเฉิง แต่ชื่อเสียงของเขานั้นหยั่งรากลึก ยังคงติดอันดับตระกูลทรงอิทธิพลสามอันดับแรกของเมืองเจียงเฉิง
นี่คือเหตุผลที่ทำให้ตระกูลโจวของเธอมีชื่อเสียงขึ้นมา
แต่โจวจือเชียนรู้ว่า ผู้ชายคนนี้เก่งกาจแค่ไหน เมื่อนึกถึงฉายาของเขาในตอนนั้น จะมองข้ามไม่ได้เลย หลังจากเงียบหายไปหลายปี เกรงว่าจะกลายเป็นจิ้งจอกเฒ่าตั้งแต่หัวจรดเท้าไปแล้ว
อีกอย่างยังมีเพียงคนนี้คนเดียวในเมืองเจียงเฉิง ที่จะสามารถได้รับการชื่นชมจากผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้น
หลังจากแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว
พ่อบ้านเดินนำทางโจวจือเชียนเข้าไป มันเป็นคฤหาสน์ขนาดเล็ก ไม่ใหญ่โต ไม่คู่ควรกับชื่อตระกูลหลินเลย แต่โจวจือเชียนก็ไม่กล้าสบประมาท
เมื่อมาถึงห้องหนังสือก็พบว่า หลินเย่าตุงกำลังเขียนตัวอักษรหลายตัวลงบนกระดาษม้วนด้วยพู่กันด้ามหนึ่ง แววตาของเขามุ่งมั่นและลุ่มลึก
โจวจือเชียนมองไปที่หลินเย่าตุงซึ่งอยู่ในวัยกลางคนแล้ว แววตามีความรู้สึกซับซ้อน
หลินเย่าตุงสวมเสื้อคลุมสีดำหลวมๆ แต่รูปร่างของหลินเย่าตุงผอมบางราวกับโครงกระดูก เวลาใส่จึงดูเหมือนป่วย เขาไว้หนวดเครา สวมแว่นตากลมอันเล็กๆ
ดูธรรมดามาก แต่โจวจือเชียนนั้นรู้ว่า จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้น่ากลัวกว่าเดิม
หลินเย่าตุงไม่ได้สนใจโจวจือเชียน ยังคงจรดพู่กันเขียนตัวอักษรลงไปทีละเส้นอย่างมีชีวิตชีวาทรงพลังและสง่างาม โจวจือเชียนก็ไม่ได้ตื่นตระหนก รออยู่ทางด้านหนึ่งอย่างเงียบๆ
สิบวินาทีผ่านไป
กริ๊ก
พู่กันด้ามนั้นถูกวางลงเบาๆ
ในเวลานี้ หลินเย่าตุงเชยตาขึ้นมอง ดวงตานั้นมืดมิดและลุ่มลึกน่าสะพรึงกลัว แต่วินาทีถัดมาก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม ให้ความรู้สึกอ่อนโยนและเป็นกันเอง
รู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง
“ตรวจสอบตัวตนของ Mr.X ชัดเจนแล้วเหรอ?” หลินเย่าตุงถามโจวจือเชียน
“ยังค่ะ”
โจวจือเชียนส่ายหน้า “ตรวจสอบไม่ได้เลย เราตรวจสอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่า Mr.X นั่นแซ่อะไร อยู่ดีๆ ก็โผล่มา เพียงไม่นานเขาก็ได้การสนับสนุนจากสามบริษัทคือ บริษัทกึ่งซานหยวนกรุ๊ป ตู้ซื่อกรุ๊ป และบริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ป ทำให้เขาตั้งหลักในเมืองเจียงเฉิงได้สำเร็จ อีกอย่างตอนนี้เขายังจับหลานสาวของฉันเอาไว้ ฉันไม่มีความสามารถพอ ทุกช่องทางความสัมพันธ์ได้ใช้มาหมดแล้ว”
เธอบอกไปตามตรง
“ผู้นำอันดับหก”
สิ้นเสียงหลินเย่าตุง ก็ปรากฏชายชุดดำคนหนึ่งขึ้นที่ข้างกายเขา ก้มหน้าเอ่ยว่า “คุณผู้ชาย มีอะไรให้รับใช้ครับ?”
“ไปเด็ดหัว Mr.X มาให้ฉัน”
“ครับผม”
สิ้นเสียง ผู้นำอันดับหกก็แวบหายไป
“นี่คือลูกน้องของผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นใช่หรือไม่?”
โจวจือเชียนมองไปที่ชายชุดดำคนนั้น พลันรู้สึกหวาดหวั่น พวกเขาทั้งสามล้วนอยู่ใต้บัญชาของผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้น แต่มีเพียงหลินเย่าตุงเท่านั้นที่มีอำนาจเป็นผู้นำ และมีเพียงหลินเย่าตุงเท่านั้นที่มีองครักษ์สามนาย
สามารถมองออกถึงระดับความสำคัญของเขาได้
“ลงไปเตรียมพร้อม กวาดล้างความไม่แน่นอนในเมืองเจียงเฉิงให้หมดสิ้น ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นกำลังจะมา”
หลินเย่าตุงมองไปทางโจวจือเชียน
“รับทราบ”
เมื่อถูกสายตานี้จับจ้อง โจวจือเชียนก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ
หลังจากโจวจือเชียนออกไปแล้ว หลินเย่าตุงก็มองไปยังกระดาษม้วนที่อยู่ตรงหน้า มันคือตัวอักษรสี่ตัว ‘ทุกอย่างพร้อมแล้ว’ พลันเอามือไพล่หลังมองออกไปนอกหน้าต่างในทิศทางของวิลล่าหยุนติ่ง หรี่ตากล่าวว่า “Mr.X คุณช่างเหนือความคาดหมายนัก แต่น่าเสียดาย คิดจะก่อความวุ่นวายที่นี่ คุณยังไม่มีฝีมือพอ”
…
วิลล่าหยุนติ่ง
ตุ้บ
ศพหนึ่งถูกฉีหยุนโยนลงไปบนพื้น จากนั้นฉีหยุนจึงรายงานไปยังฉินเฟิง “ท่านนายพล ก่อนหน้านี้ผมได้ติดตามโจวจือเชียน เธอไปที่บ้านของหลินเสวียนจงก่อน ผมนำป้ายคำสั่งของท่านออกมา หลินเสวียนจงตกใจมาก จากนั้นก็ไปที่บริษัทเคอตุ้นจำกัด ผมไปตรวจสอบข้อมูลแล้ว คนเหล่านี้ไม่ใช่คนดี ผมจัดการฆ่าหมดแล้ว”
“จากนั้นก็ไปที่ตระกูลหลิน เจ้าหมอนี่ก็ออกมา ผมยังนึกว่าจะเป็นผู้เก่งกาจมาจากไหน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นพวกอ่อนหัด แค่นิ้วมือเดียวผมก็จะจัดการเรียบร้อยแล้ว”
ฉีหยุนเอาเท้าเขี่ยศพบนพื้นด้วยสีหน้าผิดหวัง
อ่อนแอจริงๆ
และศพนั้นบนพื้น ก็คือคนที่มีนามว่าผู้นำอันดับหก