เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 203 ท่านหลินขี้ขลาด แสดงให้เห็นถึงความขลาดเขลา
ผ่านไปไม่นาน
ก็มีรถปอร์เช่ใหม่เอี่ยมอ่องคันหนึ่ง ขับเข้ามาในชุมชน
“เตรียมพร้อมรึยัง?”
โจวจือเชียนเดินลงมาจากรถ
“เตรียมพร้อมแล้วค่ะ ต้าหงเผาจากเขาอู่อี๋ซานชั้นดีสามห่อ”เลขาที่อยู่ข้าง ก้มหน้ากล่าว
ต้าหงเผาคือชาชนิดหนึ่ง อีกทั้งเป็นต้าหงเผาจากเขาอู่อี๋ซานชั้นดี ชาทุกใบมีราคาสูงมาก และสามห่อนี้ คงจะมีราคาหลักล้าน
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าท่านหลินชอบอะไร แต่พวกเธอก็ต้องแสดงถึงความจริงใจ
“ก็ดี”
โจวจือเชียนเดินเข้าไปด้านใน
ด้านหลังมีคนเดินตามเป็นขบวน ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านโจว ถ้าหากไม่มีคนติดตาม มันจะดูไม่ทรงพลัง ดูต่ำต้อยกว่าคนอื่น และตอนนี้ กลับดูน่าเกรงขามมากๆ
ผ่านไปไม่กี่นาที ก็มาถึงบ้านของท่านหลิน
เป็นแบบเรือนสี่ประสาน ค่อนข้างสง่างาม
เนื่องจากเป็นการใช้ชีวิตในบั้นปลายชีวิตแบบคนเกษียน จึงไม่ได้หรูหราอะไร
“ท่านหลินคะ”
ในตอนที่โจวจือเชียนเดินทางมาถึง ท่านหลินก็กำลังรดน้ำให้กับพวกกล้วยไม้ เขาสวมเสื้อกั๊กสีเทา ไม่แตกต่างอะไรจากคนชราธรรมดาๆคนหนึ่ง
สิ่งเดียวคือ ท่วงท่าของเขา มีท่าทีที่เหนือกว่าคนอื่น
“อืม จือเชียนมาหรอ เข้ามานั่งก่อนสิ”
ท่านหลินผู้นี้ มีนามว่าหลินเสวียนจง มีอายุมากกว่าร้อยปีแล้ว พอเห็นโจวจือเชียน เขาก็ยิ้มๆ แล้วรีบให้โจวจือเชียนเข้ามา
“ท่านหลินคะ ฉันมาเยี่ยมคุณโดยเฉพาะเลยนะคะ”
โจวจือเชียนค่อยๆเดินเข้ามา นำต้าหงเผาสามห่อวางไว้บนโต๊ะ แสดงให้เห็นถึงมารยาท แต่เพราะเป็นห่วงโจวซวนซวน จึงไม่ได้ชักช้าอะไรอีก แล้วพูดออกไปว่า“ท่านหลินคะ เราสองตระกูลเป็นสหายเก่า ตอนนี้หลานสาวของฉันถูกจับ อาจจะต้องรบกวน ให้ท่านหลินช่วย ดิฉันจะรู้สึกซาบซึ้งมากค่ะ”
เธอเน้นหนัก คำว่า‘สหายเก่า’สองคำนี้
เห็นได้อย่างชัดเจน ความหมายของเธอก็คือจะใช้หนี้บุญคุณในอดีต เนื่องจากครั้งนี้ตกอยู่ในมือของผู้หญิงอย่างหลิวหลิน มีพยานหลักฐานทุกอย่าง
อยากปล่อยคน ยาก
แต่ถ้าหากท่านหลินที่อยู่ตรงหน้ายอมออกโรงช่วย ถ้าอย่างนั้นจะต้องจัดการได้แน่ ถึงแม้ว่าตอนนี้หลิวโจงกั๋วจะเป็นเบอร์หนึ่งแห่งเจียงเฉิง พ่อของหลิวหลิน ก็ถือได้ว่าเป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับท่านหลินแล้ว ยังคงห่างไกล
ท่านหลินผู้นี้ อยู่ในเจียงเฉิงมาสามสิบเจ็ดปี มียศสูงศักดิ์ ลูกศิษย์สามพันคน แต่จะต้องมีไม่น้อยกว่าสามคนอย่างแน่นอน อาจจะพูดได้เลยว่าเป็นตำนานของการเอามือปิดฟ้า
เรียกได้ว่า สามารถทำให้ทั่วทั้งเจียงเฉิงสั่นสะท้านได้เลยทีเดียว
กระทั่ง แค่คำเดียว ก็สามารถทำให้หลิวโจงกั๋วถูกปลดได้ นี่เป็นไม้ตายของตระกูลโจว เดิมทีจะเก็บไว้ใช้ในตอนที่ตระกูลเกิดอันตราย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาสนใจอะไรมากแล้ว
ช่วยโจวซวนซวนออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
หลังจากที่โจวจือเชียนพูดจบ ก็รอท่านหลินรับปาก เนื่องจากคนแก่ที่มีตำแหน่งสูงแบบนี้ ให้ความสำคัญกับน้ำใจของมนุษย์มาก เขารอที่จะตอบแทนบุญคุณของพวกเขามาโดยตลอด แต่พวกเขาไม่มีโอกาส
ตอนนี้พอให้มา ต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่า ท่านหลินถอนหายใจ แล้ววางบัวรดน้ำลงกับพื้น หลังจากนั้นก็ทุบหลังเบาๆ พลางพูดว่า“ขอโทษด้วยนะ จือเชียน เรื่องนี้ ฉันช่วยอะไรพวกเธอไม่ได้หรอก”
“ว่าไงนะ!”
ชั่วพริบตาเดียว โจวจือเชียนถึงกับตกตะลึง ดวงตาเบิกโพลง
เธอคิดไม่ถึงว่า ท่านหลินจะปฏิเสธแบบนี้
ปฏิเสธ!
จะปฏิเสธได้อย่างไร
ตาแก่คนนี้มีอิทธิพล สามารถใช้มือปิดฟ้าได้ ช่วยคนคนหนึ่งออกมาจากคุกจากตาราง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เขากลับปฏิเสธงั้นหรอ!
“ท่านหลิน เมื่อก่อนคุณรับปากกับพวกเราว่า หนี้บุญคุณที่ติดตระกูลโจวของเรา วันนี้ฉันจะใช้หนี้บุญคุณนี้ คุณคงไม่ต้องถึงกับคิดว่าตระกูลโจวของเราเล็ก เลยไม่เห็นแก่บุญคุณ”
โจวจือเชียนพูดอย่างตรงไปตรงมา
หนี้บุญคุณที่คุณติดค้างเรา วันนี้ควรจะชดใช้ได้แล้ว
ตอนนี้การกดขี่ของMr.X ทำให้เธอไม่สามารถลังเลได้อีกต่อไป
แต่ทว่า ท่านหลินถอนหายใจอีกครั้ง“ต้าหงเผาเธอเอากลับไปเถอะ เอาไปให้พ่อที่อายุเยอะแล้วของเธอดื่ม เพราะเขาอาจจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว”
“ท่านหลิน คุณ?”
ในเวลานี้เอง ท่านหลินไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเดินเข้าไปด้านในห้อง เดินไปด้วย พูดไปด้วยว่า“ไม่ใช่ว่าฉันไม่รักษาสัญญา แต่เป็นเพราะ……เห้อ พวกเธอน่ะ พวกเธอไม่รู้ว่าตัวเองไปสร้างปัญหาใหญ่อะไรไว้”
“ไปเสียเถอะ”
ท่านหลินขับไล่แขกตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม
ปัญหาใหญ่!
จนกระทั่งโจวจือเชียนเดินจากออกมาด้วยสีหน้างงงวย ในใจปรากฏคำคำหนึ่ง ปัญหาใหญ่ หมายถึงMr.ใช่ไหมX?หมายความว่า ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากรักษาสัญญา
แต่เป็นเพราะ เขาไม่มีปัญญาทำอะไรMr.Xคนนี้ได้
เมื่อก่อนเขาเคยบอกแล้วว่า ถ้าเป็นคนที่เขาไม่มีปัญญาทำอะไรได้ เขาจะไม่ออกโรงช่วยเด็ดขาด
ถ้าอย่างนั้น Mr.Xคนนี้จะต้องน่ากลัวขนาดไหนกัน แม้แต่ท่านหลินยังกลัว ไม่กล้าเป็นศัตรู ตระกูลโจวของเรา ตกลงไปยุ่งกับใครกันเนี่ย!
หลังจากที่โจวจือเชียนจากไปแล้ว
ท่านหลินกลับมาถึงห้องของตัวเอง แล้วมองไปยังหน้าต่างบานหนึ่ง มีชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนอยู่ แล้วกล่าวอย่างเคารพนอบน้อมว่า“ผู้พันฉี ผมทำแบบนี้ดีไหมครับ?”
“หลินเสวียนจง เรื่องนี้คุณทำได้ไม่เลวเลย”
ผู้ชายคนที่หันกลับมา ก็คือฉีหยุน
ถึงแม้หลินเสวียนจงจะแก่ชราแล้ว แต่ถ้าพูดถึงเรื่องผลงานยังคงห่างชั้นกับท่านหลิน หลายปีมานี้เขาแอบช่วยเหลือตระกูลโจว ทำเรื่องเลวร้ายมามาก แน่นอนว่าไม่ได้รับความเคารพจากฉีหยุนคนในกองทัพอย่างฉีหยุน นับประสาอะไรกับ การกดขี่คนที่ต่ำต้อยกว่า และฉีหยุนก็มีตำแหน่งสูงกว่าหลินเสวียนจงหลายขั้น
ผู้พันของเขา เขามาจากการฆ่า ที่ใช้ทั้งมีดและปืน
“ถ้าอย่างงั้นช่วยกระผมหน่อยได้ไหมครับ ฝากทักทายเทพสงครามแห่งอีสเตอร์แลนด์?”หลินเสวียนจงถามอย่างระมัดระวัง
“ได้”
ฉีหยุนตอบอืม แล้วเดินจากไป
สำหรับเรื่องแบบนี้ เขาไม่ใส่ใจอะไร
เพียงแต่หลินเสวียนจงกลับอกสั่นขวัญแขวน เขาใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตอยู่ในเจียงเฉิง มีอะไรบ้างที่ไม่เคยเจอ สามารถทำอะไรได้อย่างหน้าเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งยังสามารถพูดกลับดำให้เป็นขาวได้
ประสบการณ์ทั้งชีวิต คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเปรียบได้
น่าเกรงขามมาก
สี่คำนี้ ไม่ใช้คำพูดล้อเล่นแต่อย่างใด
แต่ว่า หลังจากที่เห็นของที่อยู่ในมือของฉีหยุน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที ขาทั้งสองข้างอ่อนพับ ประสบการณ์ต่างๆ ความน่าเกรงขาม หายไปในชั่วพริบตาภายในวินาทีนั้น
เพียงเพราะว่า ป้ายประกาศิตแผ่นนั้น แกะสลักคำว่า‘วีรบุรุษผู้ไม่มีสอง’สี่คำนี้
ป้ายประกาศิตนี้ ทั่วทั้งต้าหัวมีแค่แผ่นเดียวเท่านั้น
เป็นของเทพสงครามแห่งอีสเตอร์แลนด์ เขาคือผู้ที่ยกทัพจับศึกแบกโลงศพ จัดการศัตรู พิชิตพวกอันธพาล ทำให้ประเทศที่ยกจนและอ่อนแออย่างต้าหัว พอได้ยินชื่อก็ต้องตกใจลนลาน ตัวสั่นไม่ไหว เป็นการสู้รบที่สามารถสังหารหมู่กองกำลังศัตรูสามแสนนาย สองมือมีเลือดเปื้อนเต็มไปหมด
และเรียกว่ามีผลงาน
สามารถสั่งทหารม้าทั่วหล้าได้
เมื่อเห็นมันครั้งแรก เขาตกใจแทบแย่ มึนงงไปหมด ตีให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อว่าเจียงเฉิงเมืองเล็กๆแห่งนี้ จะมีบุคคลอันดับหนึ่งแบบนี้อยู่
เทพสงครามเบอร์หนึ่งแห่งต้าหัว
เจียงเฉิงเมืองเล็กๆ ยังไม่พอให้ท่านผู้นี้เล่นด้วยนิ้วเดียวด้วยซ้ำ เพียงแค่เขาคนเดียว ตระกูลโจวนั่น อยากจะสู้รบตบมือกับเทพสงครามเบอร์หนึ่งแห่งต้าหัว ฝันไปเถอะ!ดังนั้น เขาถึงพูดคำนั้นออกไป
“เอาไปให้พ่อเธอชงดื่มเถอะ เพราะเขาอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว”
นี่ไม่ใช่การเจตนาพูดเพื่อให้เธอกลัว!