เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 172 แผนของจางว่าน แต่น่าเสียดาย
“อ้าว ฉินเฟิง ดูสิไอ้คนไม่เอาไหนมาแล้ว”
จางว่านเห็ยว่าฉินเฟิงมา สายตาก็เกิดความสนุกขึ้นมา แล้วก็ไม่สนใจคนที่นอนบนพื้น กระพือพัดไปมา สายตาก็เผยความเย่อหยิ่งออกมา “จริงๆ แล้ว มึงก็ติดกับดักแล้วล่ะ”
“ออกมา”
จางว่านสั่งการไป รอบๆ ก็มีคนโผล่ออกมาอีกจำนวนมาก
ดูๆ ไปแล้ว มีอย่างน้อย200-300คน
“บอกตามตรงนะเว้ย ฉินเฟิง ครั้งก่อนกูได้ไปสืบหาข้อมูลมึงมาแล้ว มึงเคยไปเป็นทหารที่อีสเตอร์แลนด์ด้วยนี่หว่า ในเมื่อเคยไปเป็นทหาร ก็แสดงว่าต่อสู้เก่ง แต่สถานการณ์แบบนี้ มึงจะเอาชนะได้ไหมวะ?”
จางว่านก็เอามือขยับแว่นตาบนสันจมูกขึ้น มุมปากเผยยิ้มเยาะออกมา
คนที่ทำให้เขาครั้งก่อน ไม่ใช่แค่ต้าตาวคนเดียว หัวโจกก็คือฉินเฟิง และตามจริงแล้ว วันนี้ที่เขาใช้แผนนี้กับต้าตาว และก็ได้คิดจะล่อฉินเฟิงออกมาด้วย
เขาเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้น
ถ้าไปหาเรื่องเขา ฉินเฟิงและต้าตาวต้องตาย
และก็มั่นใจมาก เขาให้คนแอบซ่อนอยู่ที่นี่หลายร้อยคน ต่อให้ล้มทับก็สามารถล้มทับคนไม่กี่คนพวกนี้ให้ตายได้
“ไอ้ควาย”
แต่ว่า ต้าตาวเงยหน้าขึ้นมา แล้วด่าออกมาอย่างโจ่งแจ้ง สายตาแฝงไปด้วยความเยาะเย้ย
คนเท่านี้ คิดจะเล่นงานพี่ใหญ่งั้นหรือ?
นั่นมันเป็นการกระทำที่โง่มาก
ต้องรู้ว่า ครั้งก่อนเขารังเกียจที่ตนเองที่มีกำลังน้อย ด้วยความไม่รู้เลยไปขอฝึกกับฉินเฟิง ฉินเฟิงก็โยนฉีหยุนออกมา จากนั้น ก็เป็นการฝึกที่ทำให้คนต้องสงสัยในชีวิตของตนเอง
ผีร้าย
ในการฝึกหลายๆ ครั้ง พวกเขาก็ได้เห็นความร้ายกาจของฉีหยุน ว่าร้ายดั่งสัตว์ร้ายในร่างมนุษย์ จำนวนคนที่มากไม่มีผลอะไรต่อฉีหยุนเลย แม้แต่เขาเองก็ได้รับอันตรายตั้งหลายครั้ง
เขาก็มักจนปลอบตัวเอง ว่าถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองโชคดี ก็ไม่แน่ว่าจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว
และคนแบบนี้ มาอยู่ต่อหน้าฉินเฟิง ก็นอบน้อมอย่างกับแมวน้อย คิดดูก็รู้ๆ ว่าฉินเฟิงจะเก่งกว่าสักแค่ไหน
“เหอะ พูดจาไร้ข้ออ้างอิง มีคนล้อมไว้มากมายแบบนี้ จะหนีพ้นได้อย่างไรกัน”
จางว่านหัวเราะออกมาอย่างไม่พอใจ
จากนั้น เขาก็มองไปยังลูกน้องของตนเองคนหนึ่ง “หลางโก่ว บุกเข้าไป เข้าไปสับไอ้คนทางขวานั่นให้แหลก”
“ครับ”
หลางโก่วมีรูปร่างสูงใหญ่ เป็นคนเล่นกล้าม แล้วก็หันตัวไปมองคนทางด้านขวา และคนคนนั้นก็คือฉีหยุน พร้อมกับเอียงคอพูดว่า “เห้ย เตรียมตัวตายหรือยังวะ?”
“เออ ลืมบอกพวกมึงไป นี่คือลูกน้องฝีมือดีที่สุดของกู จัดการพวกมึงได้อย่างสบายๆ”
จางว่านมีสีหน้ามั่นใจ
เพียงแต่ วินาทีต่อมาก็ต้องนิ่งไป เพราะว่าไม่รู้ว่าฉีหยุน โผล่เข้ามาตรงหน้าของหลางโก่วตอนไหน แล้วก็ต่อยออกมาหนึ่งหมัด
ตุบ
ร่างสูงใหญ่ของหลางโก่ว ก็กระเด็นออกไปราวกับลูกกระสุน
สุดท้ายก็ไปตกกระแทกลงกับพื้น จนพื้นแตกเป็นรอยออกมา
“……”
ทั้งเหตุการณ์ก็นิ่งอึ้งอ้าปากค้าง มีคนไม่น้อยต้องกลืนน้ำลายตัวเอง นี่มัน โหดขนาดนี้เลยหรือนี่
แม้แต่จางว่านเองก็งงเหมือนกัน
ลูกน้องที่ฝีมือดีที่สุดที่กูฝึกมา ถูกต่อยไปหมัด ก็กระเด็นลอยไปเลยงั้นหรือ?
นี่มัน เรื่องจริงใช่ไหม?
“วันนี้กูอารมณ์ไม่ดี เข้ามาหนึ่งคน กูก็ฆ่าหนึ่งคน มาเป็นฝูง กูก็ฆ่าเป็นฝูง” สายตาของฉีหยุนเต็มไปด้วยความอำมหิต กวาดมองไปทั่วทุกคน แล้วก็ตะโกนออกมา
“แย่……แย่แล้วแม่มึงเอ้ย……”
เผชิญกับขุนพลฝีมือดีที่สุดที่ฉินเฟิงแห่งอีสเตอร์แลนด์ฝึกมา เป็นขุนพลพยัคฆ์คนหนึ่งที่สามารถฆ่าศัตรูนับหมื่นได้ด้วยคนเดียว แค่ส่งสายตาอำมหิตออกไป คนธรรมดาก็รับไว้ไม่ได้
คนส่วนใหญ่ ก็ตกใจกับสิ่งที่เห็น ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง คิดอยากจะหันหลังวิ่งหนีไป แต่ก็ไม่กล้าหนี
“ฉีหยุน ถอยไปก่อน”
ฉินเฟิงสั่งการ
“แต่คุณผู้ชายครับ”
“บอกแล้วไง ว่าให้ถอยไปก่อน!”
“ครับ”
พอสั่งไป ต่อให้ฉีหยุนไม่พอใจแค่ไหน ก็ต้องอดกลั้นไว้ แล้วก็ถอยไปอย่างเชื่อฟัง แต่สายตากลับเต็มไปด้วยรังสีการฆ่าที่มองไปทางคนฝั่งซ้าย
ทางซ้ายก็คือ หวางเถ่
เขาคิดไม่ถึงว่า พอมาถึงแล้วจะได้เจอกับหวางเถ่ คนที่เคยนับถือกันเป็นพี่น้องในตอนนั้น และเป็นคนที่ถือมีดสั้นพุ่งเข้ามาฆ่าฉินเฟิง
อารมณ์เกิดความสับสน
แต่มีความโกรธแค้นมากกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของฉินเฟิง เขาก็จะสามารถเข่นฆ่ากันกับหวางเถ่แล้วในตอนนั้น ดังนั้นก็เลยอดกลั้นไฟแค้นนี้ไว้
“ใครที่ยังไม่ได้ลงมือ ก็ให้รีบออกไปเสีย”
และในตอนนี้ ฉินเฟิงเอ่ยปากพูดขึ้น ทันใดนั้นทุกคนก็รู้สึกเหมือนมีแรงกดดันที่น่ากลัว เหมือนกับมีสัตว์ร้ายตื่นขึ้นมาแล้วอย่างนั้น สายตานั้น ทำให้ทุกคนไม่กล้าขยับตัว
มีบางคนที่ยังไม่ได้ลงมืออะไรไป ก็เลยรีบออกไป
โดยไม่กล้าจะอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว
ส่วนคนที่ลงมือไปแล้ว ก็อยากจะไปเหมือนกัน แต่ในใจเหมือนมีอะไรมากดทับไว้ ขยับไปไหนไม่ได้
หลังจากนั้น1นาที
ในพับนิพพานแห่งนี้ ก็เหลือเพียง10กว่าคน จางว่านทำไปเพื่อล่อฉินเฟิง จริงๆ แล้วจะฆ่าต้าตาวไม่จำเป็นต้องใช้คนมาก มีคนมาก แต่ทำอะไรไม่ได้
ก็เลยเหลือเพียง10กว่าคนที่ลงมือไปแล้ว
แต่ว่า 10กว่าคนนี้ล้วนเป็นคนที่มีฝีมืออันดับต้นๆ ทั้งหมด
“ให้ตายเถอะ ไอ้ฉินเฟิงนี่มันอะไรกันวะ!”
ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า หรือภายในใจ จางว่านก็ล้วนเป็นกังวล เหงื่อออกเต็มหน้าไปหมด
ฉินเฟิงเป็นแค่ลูกเขยที่ไปแต่งเข้าตระกูลเมียไม่ใช่หรือไง อย่างมากก็เป็นทหาร แต่ตอนนี้มันอะไรกัน แรงกดดันแบบนี้ สายตาแบบนี้ เล่นเอาเหงื่อแตกไปทั้งตัว
“คนคนนี้ ไม่ธรรมดา”
คนที่ท่องเที่ยวไปทั่วอย่างเจ้าบาดแผลต้าตาว พอมองไปที่ฆาตกรไพล่หลัง ม่านตาก็หดตัวลง เต็มไปด้วยเคร่งขรึม
เขารู้สึกขนลุก รู้สึกเป็นอันตรายถึงชีวิต
“เอ็งห้ามลงมือนะ”
ฉินเฟิงมองไปที่ฉีหยุน แล้วก็สั่งการ
“เอ่อ……ครับ……”
ฉีหยุนตอบกลับไปอย่างอัดอั้น แต่ว่าสายตาอำมหิตที่ส่งให้กับหวางไพล่หลัง ไม่ได้น้อยลงเลย
“คุณอาคะ หนูลืมตาได้หรือยังคะ? ?”
ข้างๆ มือของฉินเฟิง จูงมือเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉินกั่วกั่ว อายุ5-6ขวบ ปล่อยผมไม่ได้มัด ท่าทางเชื่อฟัง ใบหน้ากลมๆ มุมปากยิ้มออกมาแล้วเห็นเขี้ยวน่ารักๆ สองซี่
รูปร่างหน้าตาน่ารักมาก
นี่ก็คือลูกสาวของหวางเถ่ ชื่อหวางเสี่ยวหยู ครั้งนี้เลยถือโอกาสพามาด้วยเลย
แต่เนื่องจากสถานการณ์ตรงหน้าในตอนนี้ ไม่เหมาะสมกับเด็ก ดังนั้นฉินเฟิงก็เลยให้หวางเสี่ยวหยูหลับตาเอาไว้ก่อน เสี่ยวหยูก็เชื่อฟังดีมาก ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา
“รออีกเดี๋ยวนะ”
ฉินเฟิงพูดเสียงต่ำ แล้วก็มองไปยังฉีหยุน แล้วพูดว่า “เข้ามานี่”
“ครับ”
ฉีหยุนก็เดินไปตรงหน้าของฉินเฟิง
“ฝากเสี่ยวหยูให้เอ็งด้วยแล้วกัน พาเธอออกไปเที่ยวเล่น เดี๋ยวพวกเราจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะไปหาเอ็งเอง” ฉินเฟิงพูดไป ก็เอามือของเสี่ยวหยู ไปใส่มือของฉีหยุนไว้
“ห้ะ!”
แต่ฉีหยุนก็อึ้งไป คนที่อยู่ในสงคราม ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูนับหมื่น แล้วยังไม่มีความเกรงกลัวอะไรอย่างเขา ตอนนี้กลับอึ้งไป
เขาเป็นคนผู้ชายกระโชกโฮกฮาก แต่ว่าชอบเด็ก แต่เลี้ยงเด็กไม่เก่ง
ยิ่งกว่านั้น นี่ยังเป็นลูกสาวของหวางเถ่อีกด้วย
บอกได้ว่า นี่เป็นลูกสาวของคู่ศัตรู
“นี่คือคำสั่ง”
ฉินเฟิงสั่งด้วยความเยือกเย็น
“ครับ”
สุดท้ายฉีหยุนก็ฟังคำสั่ง แต่ว่าจับมือน้อยๆ อ่อนโยนเหมือนไร้กระดูกนั้น มองใบหน้าอันน่ารักเหมือนตุ๊กตานั้น ก็เดินตามเขาไปอย่างเชื่อฟัง ไม่ร้องไห้ไม่งอแงเลย
เฮ้อ
หวางเถ่ ถือว่ามึงโชคดี เห็นแก่ลูกสาวมึง เลยปล่อยมึงรอดไปก่อน
“หนูจ๋า ลืมตาได้แล้ว กินไก่เคเอฟซีไหม? ”
“กินค่ะ”
หวางเสี่ยวหยูลืมตาขึ้น ดวงตาน้อยๆ นั้น เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา