เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 170 ผับนิพพานเกิดเรื่องแล้ว
ปัก
เมื่อฉางลี่เสวตกลงมาจากบนท้องฟ้า ตกลงกับพื้นอย่างหนัก กระแทกฟันหลุดหลายซี่ แล้วยังมีเลือดด้วย แต่เขากลับแข็งทื่อไปทั้งตัว ในสมองเต็มไปด้วยความคิด
ทักษะมวยของตัวเองมีข้อบกพร่องได้ยังไง
นั่นเป็นถึงทักษะมวยที่ตัวเองภูมิใจมากที่สุด
นั่นเขาฝึกฝนมาสิบกว่าปี และเป็นทักษะมวยที่ทำให้สามารถสะท้านคิกบ็อกซิ่งได้ แต่ว่าทำไมตอนนี้ถึงได้มีข้อบกพร่อง เขาไม่กล้าเชื่อ แต่ก็ไม่เชื่อไม่ได้
ตัวเองแพ้แล้ว แล้วยังแพ้อย่างราบคาบด้วย
“พี่ชาย”
หวางลี่มองดูฉางลี่เสวที่นอนอยู่บนพื้นและเห็นได้ชัดว่าถูกต่อยจนมึนไปแล้ว ด้วยสีหน้าน่าเหลือเชื่อ พี่ชายของตัวเอง เป็นถึงที่หนึ่งของคิกบ็อกซิ่ง ตอนนี้มันสถานการณ์อะไรกัน
ถูกหมัดเดียว ต่อยล้มลงกับพื้น
“พี่ชาย รีบลุกขึ้นสิ ก็แค่ไอ้แก่นี่ จะต่อยนายแพ้ได้ยังไงกัน” หวางลี่คลานมาด้วยสีหน้าไม่ยอมแพ้ เตรียมจะพยุงฉางลี่เสวขึ้น
เพียงแต่ว่า ฉินเฟิงมองดูแล้วพูดว่า “ซี่โครงหักสามท่อน ทางที่ดีรีบส่งโรงพยาบาลให้เร็ว ไม่อย่างนั้นจะไม่รอดชีวิต”
“อะไรนะ!”
หวางลี่ตกใจ
“ที่เขาพูด…..เป็นความ…จริง…”
ฉางลี่เสวหายใจเข้า บนใบหน้ามีความเจ็บปวด เขาสามารถรู้สึกได้ ว่าตัวเองซี่โครงหัก แต่ว่าตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่ฉินเฟิงนั่นกลับมองออกได้อย่างชัดเจน
“หา…ไปโรงพยาบาล”
หวางลี่เองก็ได้รับบาดเจ็บ เตรียมตัวจะจากไปพร้อมกลับฉางลี่เสว แต่ถึงแม้ว่าจะจากไป ก่อนจะจากไปก็ยังพูดขู่ออกไปประโยคหนึ่ง “ไอ้หนุ่ม เรื่องนี้ไม่ง่ายขนาดนั้น”
เห็นได้ชัด ว่าแค้นนี้ เขาจำไว้แล้ว
“หยุด”
และในเวลานี้ ฉินเฟิงออกคำสั่ง
ตรงหน้าของพวกเขา ก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งปรากฏตัว นั่นก็คือหวางเถ่ มีสีหน้าจริงจัง ขวางพวกเขาไว้
“ทำไม จะฆ่าทิ้งให้หมด? แม้แต่ความกล้าที่จะปล่อยพวกเราไปก็ไม่มี?”
หวางลี่หันหลัง ยิ้มเยาะออกมา
เพียงแต่ว่าต่อหน้าแสดงออกอย่างดุดัน แต่ความเป็นจริงในใจ กลับรู้สึกร้อนรนอย่างมาก แม่เอ้ย รู้แต่แรกก็ไม่อวดเก่งอย่างนี้แล้ว จะขู่อะไรกัน ดูหนังเยอะไปรึไง
จากไปดีๆ แค่นั้นก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง
ยังจะพูดขู่อีก ขู่ออกไป ไม่แน่ว่าขู่ออกไปอย่างนี้ ก็จะไปไม่พ้นแล้ว
“คือ….พี่ชาย….พวกเรา….”
เมื่อกี้หวางลี่อยากจะอ่อนข้อลงแล้วยอมรับผิด
แต่ว่าเวลานี้ ฉินเฟิงกลับลุกขึ้นยืน เดินไปที่ข้างตัวพวกเขา เอียงคอพูดว่า “ร้านนี้ ทำอะไรเสียไปบ้าง ชดเชยคืนสามเท่า ขาดแม้แต่นิดเดียว ซี่โครงหักอีกสามท่อน”
พูดจบ ก็จากไปพร้อมกับหวางเถ่
“ตกลง”
หวางลี่โล่งอกไปที ยังดี ที่ไม่ได้จะคิดบัญชีกับเขา
แต่ในเวลานี้ ฉางลี่เสวที่เจ็บหนักกัดฟัน ในสายตามีความไม่พอใจ “ไอ้นี่ ตั้งแต่เริ่มจนจบ ไม่ได้วางพวกเราไว้ในสายตาเลยสักนิด”
เวลาไหน ที่ฉางลี่เสวอย่างเขาไม่ถูกวางไว้ในสายตา
แต่ว่า ความจริงในตอนนี้ก็คือ เขาสู้ไม่ได้แม้แต่ลูกน้องของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
และเมื่อฉินเฟิงและหวางเถ่จากไป ก็แยกทางกัน หวางเถ่เตรียมจะพาลูกสาวของเขาไปที่วิลล่าหยุนติ่ง ใช้ชีวิตอยู่กับฉินเฟิง ปลอดภัยที่สุด
ตั้งแต่นั้น เขาก็จะได้ทำงานใต้บัญชาให้กับฉินเฟิงแล้ว
ส่วนฉินเฟิง ได้กลับไปยังวิลล่าหยุนติ่งก่อน
“เจ้านายคะ”
โหวเมิ่งหยาวยืนอยู่หน้าประตู ทำความเคารพฉินเฟิง
ตอนนี้ในวิลล่าหลังนี้ ไม่มีคนอื่นอยู่ ฉินเฟิงเองก็ไม่ชอบให้คนอื่นมารับใช้ ดังนั้นเวลาปกติที่ทำกับข้าวก็ให้โหวเมิ่งหยาวเป็นคนทำ ถือเป็นตัวแทนและเป็นแม่บ้านไปพร้อมกัน
และที่บังเอิญคือ โหวเมิ่งหยาวเองก็ไม่มีเรื่องอะไรจริงๆ
ภายใต้ของฉินเฟิง ตอนนี้ก็ไม่ได้มีบริษัทอะไรที่จะดูแลโดยตรง
“เจ้านายคะ คือว่า….หนิงหยู่อยากจะลองมาดูค่ะ”
โหวเมิ่งหยาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง หลังจากที่ลังเลไปสักพัก ถึงได้ค่อยๆพูดออกมา
คำพูดนี้ ในฐานะของตัวเองถ้าพูดออกมานั้นไม่เหมาะสม ยังไงซะก็เป็นตัวแทนคนหนึ่ง อยากจะพาเพื่อนมายังที่พักของเจ้านาย พูดเพราะหน่อย ก็เรียกว่าไม่ถูกต้อง
พูดได้ไม่น่าฟังหน่อย คือไม่รู้จักทำตัว
แต่ว่า ถ้าหากว่าเพื่อนคนนั้นคืออิ่นหนิงหยู่ก็ไม่เหมือนกันแล้ว ยังไงวะอิ่นหนิงหยู่ก็เป็นน้องสาวภรรยาของฉินเฟิง หรือก็คือ Mr.X ตรงหน้าที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
บางที ความสัมพันธ์ก็ไม่เหมือนกันแล้ว
“ได้สิ แต่ว่า เพียงแค่คืนนี้เท่านั้น”
ฉินเฟิงตกลงแล้ว ยัยหนูอิ่นหนิงหยู่นั่น ก็ถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเอง และยิ่งกว่านั้นคือคืนนี้ตัวเองก็ไม่อยู่ที่นี่ วันนี้กว่าหวางเถ่และฉีหยุนจะได้อยู่ด้วยกัน
ไปผับของเฉินจื่อซวน ดื่มสักหน่อย
เพียงแต่ว่า เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีสายโทรเข้ามาสายหนึ่ง ฉินเฟิงรับสาย เมื่อรับสายแล้วก็รู้ว่าเป็นต้าตาว “ฮัลโหล ต้าตาว”
“ลูกใหญ่ครับ…ฝั่งผมติดกับแล้ว….ผับถูกล้อมไว้…อ๊า….”
ในสายโทรศัพท์มีเสียงแหบแห้งดังเข้ามาขาดๆหายๆ แล้วยังมีเสียงกรีดร้องหนึ่งดังขึ้น
“โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
ฉินเฟิงขมวดคิ้ว
เขารู้ ครั้งนี้จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน ตามนิสัยของต้าตาวแล้ว นอกจากว่าจะถูกกดดันจนหมดหนทางแล้ว ไม่อย่างนั้นจะไม่มีทางโทรมาหาเขาแน่นอน
ที่ผับมีอันตราย
“จื่อซวน เสี่ยวเสี่ยว”
ฉินเฟิงยังมีเพื่อนอีกสองคนอยู่ที่นั่น จึงรีบโทรหาหวางเถ่ “ทำงานก่อนเวลา ผับนิพพาน ถนนตงเจียหมายเลข234 ให้ไว”
“ครับ”
หวางเถ่รีบตอบรับ
จากนั้น ฉินเฟิงเดินไปด้วย แล้วก็โทรหาฉีหยุนไปด้วย “ผับนิพพาน ภายในสิบนาที อ้อใช่ ทุกอย่างทำตามคำสั่ง”
ฉินเฟิงเน้นย้ำคำว่าคำสั่ง
ฉีหยุนเป็นคนอารมณ์ร้อน ในตอนนั้นเรื่องครูทหาร ไม่รู้ว่าทำให้ฉีหยุนฆ่าศัตรูไปมากเท่าไหร่ ครั้งนี้ถ้าได้เจอกับหวางเถ่ ไม่แน่อาจจะตีกันขึ้นมา
ดังนั้น คำสั่งเป็นดั่งภูเขา
ฉันบอกว่าห้ามตี นั่นก็คือห้ามตี
หลังจากนั้นสิบนาที
ผับนิพพาน เป็นผับที่ค่อนข้างจะสง่างามที่พวกนักศึกษาชอบมา วันนี้กลับไม่มีลูกค้าเลยสักคน คนที่มาล้วนเป็นพวกคนที่สักร่างกาย
เยอะแยะมากมาย ล้อมรอบผับไว้หมด
และในโถงด้านใน พวกคนที่ล้มอยู่ตรงกลางต่างก็บาดเจ็บ ล้มนอนอยู่ตรงกลาง เหลืออยู่ไม่กี่คน ปกป้องต้าตาวอยู่ข้างกาย
ต้าตาวถือมีดผ่าแตงโมไว้ โชว์แขนไว้ สูบบุหรี่ม้วนหนึ่ง บนร่างกายมีรอยมีดหลายแห่ง
“เจ้าบาดแผล แกนี่มันหน้าไม่อายเลยจริงๆ ถึงได้ใช้แผนชั่วร้ายแบบนี้ มาคำนวณกู”
ต้าตาวพ่นควันบุหรี่ออกมา ยักคิ้วใส่เจ้าบาดแผลที่อยู่ตรงข้าม สีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก
“แผนชั่วร้ายอะไรกัน นี่คือกลยุทธ์ต่างหาก ช่างเถอะ พูดพวกนี้กับคนโง่อย่างนายไปก็ไม่มีประโยชน์ บอกกับพวกนายตรงๆได้เลยว่า ครั้งนี้พวกนายจบเห่แน่”
เจ้าบาดแผลไม่ได้พูดอะไร จางว่านที่อยู่ข้างกายของเขาก้าวออกมา ใส่แว่นตาไว้ ใส่เสื้อคลุมยาวสีดำ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร
คนชั่วร้าย เหลือแค่เพียงแขวนติดหน้าของเขาก็เท่านั้น
“เหี้ย”
ต้าตาวแอบด่าทีหนึ่ง วันนี้มีสายหนึ่งโทรเข้ามา บอกว่าที่แห่งหนึ่งของพวกเขาเกิดปัญหาขึ้น สั่งให้พวกเขารีบส่งคนไป ดังนั้นต้าตาวจึงได้ส่งลูกน้องของตัวเองออกไปมากกว่าครึ่ง
แต่ไม่คิดเลยว่า นี่คือกลยุทธ์ล่อลวงออกไปแล้วโจมตี ความเป็นจริง หลังจากที่เขาส่งคนออกไปแล้ว เจ้าบาดแผลกับจางว่านก็พาคนเข้ามาทำร้าย สองหัวหน้าใหญ่ รวมตัวกัน มีอยู่หลายร้อยคน
คนมากมาย มองดูแล้วน่าหวาดกลัว
ต่อหน้าเขาดูแล้วนิ่งเฉยสูบบุหรี่ แต่ความเป็นจริงในใจรู้ว่าครั้งนี้อันตรายแน่ จึงได้หันหลังเหลือบไปมองเฉินจื่อซวนและเสี่ยวเสี่ยว พูดเสียงทุ้มว่า “พวกเราปกป้องพวกคุณไว้ รีบหนีไป”