เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 169 ที่หนึ่งของการแข่งขันคิกบ็อกซิ่ง?
“คนไปหมดรึยัง?”
ฉางลี่เสวมองดูรอบด้าน พบว่าคนหนีไปหมดแล้ว ก็ยิ้มเยาะออกมาทันที แล้วก็หยิบปิ้งย่างขึ้นมากำหนึ่ง เริ่มทำการกิน “แต่ว่า แบบนี้เป็นไปตามที่ฉันต้องการพอดี”
“ไอ้หนุ่ม นายคิดว่าฉันเอาไม้ปิ้งย่างพวกนี้แทงเข้าไปที่ฝ่ามือของนายจะเป็นยังไง?”
ฉางลี่เสวโบกไม้ปิ้งย่างที่กินจนหมดแล้ว
แต่ว่า ตั้งแต่ต้นจนจบฉินเฟิงก็ยังนั่งอยู่กับที่ กินปิ้งย่างทีละไม้ ดื่มเหล้าทีละแก้ว ไม่เคยมองตรงมาที่ฝั่งนี้เลย
เหมือนกับว่าสิ่งที่อยู่ฝั่งนี้ ไม่คุ้มค่าที่จะทำให้เขาให้ความสำคัญ
“ไอ้หนุ่ม ฉันคุยกับนายอยู่”
ฉางลี่เสวเห็นว่าฉินเฟิงไม่สนใจ จึงขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ
“นาย ยังไม่มีสิทธิ์พอที่จะคุยกับใต้เท้า”
หวางเถ่ยืนอยู่ข้างกาย สีหน้าเย็นชา
“เหอะ ฉันไม่มีสิทธิ์ คนพวกนั้นที่ถูกฉันตีจนตาย ตีจนเข้าโรงพยาบาลถึงจะรู้ว่าฉันมีหรือไม่มีสิทธิ์ วันนี้ ฉันเองก็จะให้พวกแกลิ้มลองรสชาติที่สิ้นหวังดูบ้าง”
บนใบหน้าของฉางลี่เสวมีความชั่วร้ายแวบเข้ามา ทำเป็นมองไม่เห็นเขา?
เขาเป็นใคร
อันดับหนึ่งของคิกบ็อกซิ่ง
ปฏิกิริยาของคนธรรมดาทั่วไปควรจะเป็นการที่รีบหนี ไม่มีทางอยู่ แต่ฉินเฟิงคนนี้ ขอทานคนหนึ่ง แค่รปภ.คนหนึ่งกลับกล้าอยู่ต่อ แล้วยังทำเป็นไม่ให้ความสนใจกับเขาอีกด้วย
“ดูฉันพลิกหน้ากากของแกออกซะ เสแสร้งอะไรกัน”
ฉางลีเสวเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นสองเท้าเขย่งขึ้น ร่างกายพุ่งทะยานออกไป หมุนตัว เตะขาออกไปที่บนหัวของฉินเฟิง ครั้งนี้ลงมืออย่างหนัก
ถ้าหากว่าเตะโดน ฉินเฟิงจะต้องหัวแตกเลือดไหลแน่นอน
และเขาก็จะต้องเตะโดนแน่นอน!
นี่คือผลที่ทำให้เขาโมโห!
“ฉันฉางลี่เสว เป็นคนที่นายมีปัญหาด้วยไม่ได้….”
เสียงพูดถึงนี่ ก็หยุดลงกะทันหัน เพียงเพราะว่าข้างกายของฉินเฟิง หวางเถ่ที่เหมือนกับทหารที่ทำหน้าที่อยู่ออกมือ แม้ว่าจะมีรูปลักษณ์ที่เป็นแรงงานข้ามชาติใส่เสื้อผ้าขาดรุ่ย แต่เมื่อลงมือ ก็เฉียบขาดมาก
ต่อยเข้าไปที่ขาของฉางลี่เสว จากนั้นก็ใช้แรงกำลังสู้กลับไป ทำให้ฉางลี่เสวกระเด็นออกไป เสียงดังปึก ชนเข้ากับโต๊ะอีกโต๊ะหนึ่ง
“สมควรตาย”
ฉางลี่เสวยื่นมือสองข้างออกมา กดลงที่โต๊ะ ถึงได้ค่อยๆพยุงตัวไว้ได้ แต่ว่าดวงตากลับจ้องอยู่ที่หวางเถ่ ในแววตามีความหนักแน่นอยู่
ลูกเตะนั้นของเขา แม้ว่าจะอยู่ในอากาศไม่มีจุดที่รับแรงกำลัง สามารถถูกตีให้หักได้อย่างง่ายดาย
แต่ว่าสามารถตอบสนองได้ภายในระยะเวลาสั้นๆขนาดนี้ แล้วยังหาจุดสมดุลได้ สามารถนึกคิดได้ ว่าจะดูถูกไม่ได้
“แกเป็นใคร”
ฉางลี่เสวถามหวางเถ่
เขารู้สึกว่า ไม่ใช่คนธรรมดา มีโอกาสมากที่จะเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่
“ทหารเล็กๆคนหนึ่งภายใต้บัญชาของเจ้าพระคุณ” หวางเถ่พูดด้วยสีหน้าตรงไปตรงมา
เขาไม่ได้โกหก ที่ผ่านมาสามารถพูดได้ว่าเป็นนายพล แต่ว่าตั้งแต่ที่ทำการหักหลังแล้ว ตำแหน่งนั้นก็ได้ถูกลบล้างไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้ทำได้เพียงแค่เริ่มเป็นตั้งแต่ทหารเล็กๆเท่านั้น
“ทหารเล็กๆ!”
แต่ว่าคำนี้ กลับทำให้ฉางลี่เสวไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่คนหนึ่ง ตาแก่คนที่เก่งกาจ แต่กลับบอกมาว่าเป็นทหารเล็กๆที่อยู่ภายใต้บัญชาของคนอื่น
ทหารเล็กๆคนหนึ่ง ในสายตาของหวางเถ่ คือทหารคนหนึ่ง เป็นทหารที่เคยเข้าอยู่ในกองทัพอย่างแท้จริง
แต่ในสายตาของฉาวลี่เสว นั่นก็คือความหมายที่เป็นแค่ลูกน้องคนหนึ่ง
ความหมายนี่ก็หมายความว่า ยอดฝีมือที่เขาคิดไว้เป็นแค่ลูกน้องคนหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นฉินเฟิงคนนั้นก็คือลูกพี่ ท่าทางดูเก่งกาจมาก ทำให้เขารู้สึกได้ถึงการถูกเหยียบย่ำอย่างชัดเจน
“นี่ วันนี้ฉันจะจัดการไอ้นี่ทิ้ง ไม่ใช่เรื่องของนาย ไปให้พ้นซะ” ฉางลี่เสวชี้หวางเถ่
“นายยังไม่มีสิทธิ์พอที่จะต่อสู้กับเจ้าพระคุณ”
หวางเถ่โบกมือ “ยิ่งกว่านั้นคือ สู้กับนาย ฉันแค่คนเดียวก็พอแล้ว”
“อวดเก่ง งั้นฉันจะจัดการนายซะ แล้วคอยไปจัดการไอ้ฉินเฟิงนั่น”
ฉางลี่เสวโมโห ร่างกายขยับเคลื่อนไหว เตะเข้าไปใส่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง เตะโต๊ะไปทางฉินเฟิง นี่ก็คือความฉลาดของเขา เขาดูทักษะของหวางเถ่ออกก็พอ
แต่ว่าร่างกายไม่ไหว ทำได้เพียงยืมใช้แรงอย่างอื่น
ถ้าเตะออกไปอย่างนี้ ถ้าหากว่ามีเพียงแค่หวงเถ่คนเดียว หวางเถ่ก็จะต้องหลบแน่นอน แต่ว่าเขาพูดมาแล้ว ว่าจะปกป้องฉินเฟิงไว้ นั่นก็แสดงได้ว่าเขาจะไม่หลบ
ร่างกายแก่พิการ จะขวางไว้ได้ยังไง
สามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้ เคล็ดลับที่ร้ายกาจ เคล็ดลับที่ร้ายกาจเขาล้วนใช้หมด
“เหอะ ไอ้หนุ่ม ฉันจะให้แกตาย”
หวางลี่ยังล้มนอนอยู่ด้านข้าง บนขายังมีตะเกียบแท่งหนึ่ง กำลังเลือดไหลทะลัก แต่ว่เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะเรียกรถพยาบาล แต่กลับมองดูสถานการณ์นี้ด้วยสีหน้าชั่วร้าย
เขาจะต้องได้เห็น พี่ชายของเขาตีฉินเฟิงนั่นจนตาย
ตีหนักๆให้ตาย
ถึงจะระบายอารมณ์โมโหของเขาไปได้
เพียงแค่ตีจนตาย หรือทำให้พิการ ถ้าอย่างนั้นอิ่นซินก็จะต้องหย่าร้างกับเขา ตัวเองก็จะมีโอกาส ก็แค่ฉินเฟิงจะคู่ควรกับอิ่นซินได้ยังไง
แต่ว่า
ในเวลานี้ ได้ยินเพียงแค่เสียงหนึ่งของฉินเฟิง “พวกนาย ดูถูกนายพลใต้บัญชาของฉันมากไปหน่อยแล้วมั้ง แม้ว่าจะมีร่างกายพิการก็เถอะ”
โครม
เห็นเพียงหวางเถ่ยื่นมือสองข้างออกมา จับโต๊ะตัวนั้นไว้ จากนั้นก็กดลงกับพื้น
จากนั้น หวางเถ่ก็มองไปยังฉางลี่เสว ในแววตามีความโหดเหี้ยมปรากฏขึ้น ความโหดเหี้ยมที่หายไปนาน จากนั้นก็พูดว่า “ตอนนี้ ถึงทีฉันแล้ว”
ฟุบ
หวางเถ่รวดเร็วอย่างมาก วินาทีต่อมาก็ปรากฏตัวอยู่ที่ข้างกายของฉางลี่เสว เกือบจะทำให้ฉางลี่เสวตอบสนองไม่ทัน รีบยกแขนข้างหนึ่งขึ้น เสียงดังโครมทีหนึ่ง ขวางไว้ได้
“สมควรตาย แกขนาดนี้แล้ว ขาพิการแล้วไม่ใช่รึไง ทำไมถึงได้รวดเร็วขนาดนี้”
ฉางลี่เสวแอบด่าออกมา
“ก็แค่พิการข้างเดียวก็เท่านั้น”
หวางเถ่ยิ้มเยาะ จากนั้นก็ต่อยออกไปทีละหมัดรัวๆ
“ใช่แล้ว ข้างเดียว”
ฉินเฟิงนั่งอยู่ด้านข้าง ดื่มเหล้า เขาดูทักษะของหวางเถ่ออก มีเพียงขาข้างเดียวที่พิการ แต่ว่ายังเหลือขาอีกข้าง ออกแรงแค่ขาข้างเดียวก็ได้แล้ว
และยังสามารถแสดงกำลังออกได้อย่างแข็งแกร่ง
แม้ว่าการทำแบบนี้จะยากมาก แต่สำหรับคนที่เคยเป็นนักฆ่าระดับสูงแล้ว ไม่ได้มีความยากเย็นอะไร
“ไอ้แก่ แกทำให้ฉันโมโหจริงๆแล้ว”
ฉางลี่เสวเองก็ไม่สนใจอะไรแล้ว และก็ถีบขาข้างหนึ่งออกไป จากนั้นก็ต่อยหมัดรัวออกมา “กูเป็นถึงที่นึ่งของการแข่งขันคิกบ็อกซิ่ง เชี่ยวชาญการชกมวยกว่าสิบแบบ ฝึกฝนมาทั้งชีวิต ก็แค่ไอ้แก่อย่างแก ยังจะอยากมาสู้กับฉัน? รนหาที่ตาย ดูสิวันนี้ฉันจะต่อยแกให้ตายเลย”
เขาถูกต่อยจนโมโหอย่างแท้จริงแล้ว
อันดับหนึ่งของคิกบ็อกซิ่ง ตอนนี้มาเสียแรงกับไอ้แก่คนหนึ่ง พูดออกไป อับอายขายหน้าฉางลี่เสวอย่างเขา
ดังนั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เขาก็จะไม่ออมมือ ออกแรงกำลังทั้งหมด ยังไงซะถึงจะตีตายไปก็มีหวางลี่ที่อยู่ด้านข้างคุ้มไว้ ฐานะทางบ้านของไอ้นั่นไม่ธรรมดา ตีตายไป ก็ไม่มีปัญหาอะไร
“ไอ้แก่? ไอ้หนู คนที่กูเคยฆ่าเยอะมากกว่าข้าวที่แกเคยกินซะอีก การต่อสู้ที่เคยเจอ เยอะมากกว่าทั้งชีวิตนี้ของแกอีก ใช่สิ ขอเตือนสักคำ การชกมวยพวกนั้นที่แกเชี่ยวชาญ สำหรับฉันแล้ว ก็คือข้อบกพร่องอย่างหนัก”
“เพราะว่า ฉันเคยเป็นหนึ่งในสิบนายพลใหญ่ใต้บัญชาของใต้เท้า ฉายาคือครูทหาร”
หนึ่งหมัด
หนึ่งหมัดของหวางเถ่ ต่อยเข้าที่คางของฉางลี่เสวพอดี ต่อยเขาลอยขึ้นบนท้องฟ้า ส่วนฉางลี่เสวที่อยู่บนท้องฟ้าดวงตาหดตัว มีความไม่น่าเชื่อแวบเข้ามา
เขาไม่เข้าใจ ทำไม มวยแบบหนึ่งที่เขาเชี่ยวชาญมากที่สุดถึงได้มีข้อบกพร่อง