เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 165 นักฆ่าพิเศษคนหนึ่ง
โครม
แผงขายมันเทศถูกเตะครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระจัดกระจายไปทุกที่
“เร็วเข้า คนพวกนี้โหดร้ายมาก”
ผู้คนที่อยู่รายรอบเห็นเช่นนี้ก็ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ รีบวิ่งหนีไป
ส่วนฉินเฟิงมองไปยังชายขากะเผลก ความแปลกประหลาดฉายผ่านดวงตา พลันเดินเข้าไปหาทันที
“ไอ้หนู แกเข้ามาทำไม พวกเราบอดี้การ์ดมังกรกำลังทำงาน แกกล้ามาหาเรื่องเหรอ?”
ชายสวมต่างหูด่าทอทันทีเมื่อเห็นฉินเฟิงเดินเข้ามา ดูท่าทางเขาโกรธมากอย่างเห็นได้ชัดและพูดต่อไปว่า “ไอ้หนู แกอย่าคิดว่าพวกเราเป็นฝ่ายรังแกเขาฝ่ายเดียว เขายังเป็นหนี้เราอยู่ก้อนหนึ่งเหมือนกัน หนึ่งแสนหยวน ผัดผ่อนมาสามปีแล้ว”
“ใช่แล้ว แม้ว่าพวกเราบอดี้การ์ดมังกรต้องเรียกเก็บค่าคุ้มครองจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าจ่ายมาแล้ว พวกเราจะไม่ทำร้ายใคร กุญแจสำคัญคือชายคนนี้”
“จะไปอธิบายให้มันฟังทำไม แค่เล่นงานมันก็พอแล้ว”
หลายคนในนั้นทยอยพูดขึ้นมา
พวกเขาอธิบาย ซึ่งเป็นการบอกว่า เป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ต่อมาพอพวกเขาเห็นว่าฉินเฟิงไม่เพียงแต่ไม่ไปไหน ตรงกันข้ามกลับนั่งยองๆ อยู่บนพื้น มองไปยังชายขากะเผลก ที่ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น พวกเขาทำร้ายคนอื่นก็ไม่เข้ามายุ่ง
“บัดซบ! ไอ้หนู แกหมายความว่ายังไง แกมาทำอะไรที่นี่! มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหรือไง ฉันจะบอกแกให้นะ วันนี้จะตีเขาให้ได้
ชายสวมต่างหูเห็นฉินเฟิงไม่ไปไหน ก็ตวาดขึ้นมาอีกครั้ง
“อย่าเข้าใจผิด พวกคุณตีต่อไปได้ตามสบายเลย”
ฉินเฟิงโบกมือ ไม่เข้ามาห้ามพวกเขา
“ประสาทหรือเปล่า”
ชายสวมต่างหูด่ากราดในใจ แล้วไม่สนใจเจ้าหนูคนนั้นอีก เตะเข้าไปที่ตัวคนขากะเผลกอีกครั้ง “ไอ้แก่ เอาเงินมา ได้ยินหรือเปล่า หนึ่งแสนหยวน ติดมาสามปีแล้ว ควรคืนได้แล้ว”
“ถูกแล้ว ค่าคุ้มครองตลอดหลายปีที่ผ่านมาสะสมได้หลายหมื่นใช่ไหม ของแกรวมทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่นแล้วกัน”
“ได้ยินว่าช่วงนี้แกหาเงินได้ รีบจ่ายเงินมา”
เตะเขาซ้ำอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ในเวลานี้เขาขดตัวอยู่บนพื้นซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่น อยู่ในสภาวะจนตรอก แต่ไม่มีเลือดเลยสักนิด ในเวลานี้เขาได้ยินเสียงของฉินเฟิง จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วพูดด้วยความตกใจ “คุณมาที่นี่ได้ยังไง? เทพสงครามอีสเตอร์แลนด์”
“เทพสงครามอีสเตอร์แลนด์? เทพสงครามอีสเตอร์แลนด์คืออะไร ฉันเกิดภาพลวงตาอีกแล้วเหรอ?” ชายสวมต่างหูเตะอีกครั้งแล้วด่าทอ
เขาไม่ตระหนักถึงความสั่นสะเทือนของชื่อเทพสงครามอีสเตอร์แลนด์เลย
“ที่จริงผมสงสัยมากกว่า คุณมาที่นี่ทำไม? มีภารกิจลอบสังหารอีกแล้วเหรอ? ครั้งนี้ลอบสังหารใครล่ะ?”
ฉินเฟิงนั่งยองๆ อยู่บนพื้น มองดูชายวัยกลางคนที่กำลังจนตรอก ไม่เคลื่อนไหวใดๆ
เพราะชายวัยกลางคนคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นฆาตกรที่มีชื่อเสียงในกาฬโลกแห่งตะวันตก ติดอันดับที่ 11 ของบัญชีดำและเป็นครูทหารด้วย
ตอนนั้นด้วยกำลังของตัวเอง ได้ทำลายประเทศเล็กๆ ด้วยตัวเอง
ในแผ่นดินใหญ่ตะวันตก แม้ว่าจะอยู่ในอันดับที่สิบเอ็ดเท่านั้น แต่ก็ถือว่ามีชื่อเสียงมาก บางครั้งก็เทียบได้กับปาซาง ซึ่งเคยเป็นอันดับหนึ่งในบัญชีดำ
เพียงเพราะว่าบุคคลนี้แตกต่างจากนักฆ่าทั่วไป คนคนนี้ชอบสั่งสอนบทเรียนให้คนอื่นเหมือนกับชื่อของเขา ในสนามรบ เขาจะชี้ให้เห็นปัญหาของศัตรูทีละขั้น จากนั้นค่อยฆ่าศัตรูในนาทีสุดท้าย
นั่นคือเหตุผลที่เขามีฉายานามว่าครูทหาร
แต่คนคนนี้มีความสามารถในการฝึกอบรมที่ดี เขาถูกคัดเลือกจากทุกประเทศ แต่มักจะไม่สนใจไยดี ทำตัวลึกลับ ให้คนเข้าไม่ถึง
ส่วนแผลที่ขาของเขานั้น เป็นฝีมือของฉินเฟิง
ย้อนกลับไปในตอนนั้น ครูทหารได้รับภารกิจมาหนึ่งงาน ภารกิจ SSS เป็นภารกิจที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ คือการลอบสังหารเทพสงครามของประเทศต้าหัว เทพสงครามอีสเตอร์แลนด์ และฉินเฟิง
เขาใช้เวลาหนึ่งปีในการแอบเข้าไปในอีสเตอร์แลนด์ จับพลัดจับผลูกลายเป็นนายพัน จากนั้นก็เข้าไปลอบสังหาร
ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป เขาต้องตายในสถานการณ์เช่นนี้อย่างแน่นอน น่าเสียดายที่ฉินเฟิงก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน การลอบสังหารล้มเหลว ฉินเฟิงก็หักหาครูทหารข้างหนึ่งเช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วครูทหารก็ย่อมมีความสามารถและหลบหนีไปได้ในที่สุด
จนถึงตอนนี้ เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกเลย
แต่ฉินเฟิงนึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับผู้ชายคนนี้ในสถานที่เล็กๆ อย่างเมืองเจียงเฉิง แถมยังเห็นเขาถูกแก๊งอันธพาลทุบตี ซึ่งคนพวกนั้นเขาสามารถทุบให้ตายได้ด้วยมือเดียว
มันแย่กว่าการเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านอย่างเขาเสียอีก
“ไม่ใช่ธุระอะไรของคุณ”
ชายวัยกลางคนหันหน้าหนี ยังคงถูกตีต่อไป เขาไม่ต้องการให้ฉินเฟิงเข้ามาเกี่ยวข้อง
“อ้าว ที่แท้คนกระจอกอย่างพวกคุณก็รู้จักกันด้วยเหรอ?”
ชายสวมต่างหูเพิ่งสังเกตเห็นว่าชายชรารู้จักฉินเฟิง เขายิ้มมุมปากทันที หยิบไม้เบสบอลขึ้นมาแล้วหันกลับมายืนหน้าฉินเฟิง
“ในเมื่อตอนนี้คุณรู้จักไอ้แก่นั่นแล้ว เขาคืนเงินให้ไม่ได้ คุณก็เอามาคืนแทน”
ชายสวมต่างหูสะบัดไม้เบสบอลในมือ
ลูกสมุน 5-6 คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา ตามเขาไปเพื่อข่มขู่คนอื่น
อันที่จริง เขาไม่ได้คาดหวังให้ชายชราจ่ายเงินคืน ปกติก็จ่ายไม่ไหวอยู่แล้ว วันนี้แค่มาขโมยเงินเท่านั้น อารมณ์ไม่ดี จึงมาระบายความโกรธกับชายชรา
ส่วนฉินเฟิง พวกเขาเตรียมขูดรีด
เงินแสนห้า จะเอาที่ไหนมาคืน แต่ถ้าเป็นเงินหมื่นก็คงจะไถได้ไม่ยากเย็นนัก
พวกเขาทั้งหมดรู้ว่า ในตอนแรกฉินเฟิงจะไม่ยอมให้เงินอย่างแน่นอน แต่หลังจากถูกพวกเขาทุบตี ก็จะยอมให้เงินพวกเขาแต่โดยดี ได้ตีคน ได้ระบายอารมณ์ แถมยังได้เงินอีก ชื่นอกชื่นใจ
แต่ทว่าเมื่อฉินเฟิงหยิบบัตรธนาคารออกมาแล้วโยนให้ชายสวมต่างหู “แสนห้าใช่ไหม นี่แสนห้าพอดี ให้คุณ ต่อเขาจะไม่ติดค้างเงินพวกคุณอีก”
“จริงเหรอ?”
ชายสวมต่างหูตกตะลึงอ้าปากค้าง ให้กันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ?
พวกเขายังสงสัยในความจริง ยังขอให้ลูกสมุนคนหนึ่งไปตรวจสอบ จากนั้นก็พบว่ามีเงินแสนห้าจริงๆ
“พี่ใหญ่ มีจริงๆ พวกเราไปกันเลยไหม?” ลูกสมุนผอมถามชายสวมต่างหู
“ไป? ไปทำบ้าอะไร ได้แสนห้ามาอย่างง่ายดายแบบนี้ นี่คือแกะเงินแกะทองชัดๆ จะไปง่ายๆ ได้ยังไง คอยดูนะ คราวนี้ฉันจะขูดรีดมาให้พวกแกห้าแสน คืนนี้ไปกินอาหารมื้อใหญ่กัน”
ความโลภฉายผ่านดวงตาของชายสวมต่างหู
แสนห้าเลยนะ เจ้าหมอนี่ควักมันออกมาได้อย่างง่ายดาย นั่นหมายถึงอะไร แสดงว่าเจ้าหมอนี่รวยจริง คาดว่าน่าจะมีเงินหลายสิบล้าน ถึงได้สบายๆ แบบนี้
ถ้าอย่างนั้น แกะเงินแกะทองแบบนี้ ถ้าไม่ขูดรีดสักหน่อยถือว่าเสียเปล่า อย่างน้อยต้องไถมาได้สักห้าแสน
“ไอ้หนู”
ชายสวมต่างหูสะบัดไม้เบสบอลเดินเข้าไปหาฉินเฟิง บุ้ยปากแสร้งทำเป็นพวกอันธพาลเลือดเย็น เหมือนกำลังจะฆ่าใครสักคน “ไอ้หนู ฉันรู้สึกว่าแกเหมาะมากที่จะมาเป็นลูกสมุนของฉัน ห้าแสน ขอแค่ห้าแสน ฉันจะรับแกเป็นลูกสมุน แต่ถ้าแกไม่ให้ วันนี้พี่จะสั่งสอนบทเรียนให้น้องเอง”
พวกเขาดูเหมือนกลุ่มคนใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต
อันที่จริงชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนพื้นได้มองมาทางนี้ แล้วมองชายสวมต่างหู ก่อนจะถ่มน้ำลายออกมา “ไอ้โง่”
เทพสงครามอันดับหนึ่งของประเทศต้าหัว ยอมให้รีดไถได้ตั้งแต่เมื่อไหร่