บทที่ 4 ตอนที่ 3.1
『—-10, 9, 8, 7, 6 !』
ณ สนามกีฬาโตเกียวโดม ที่จุดออกตัวของการแข่ง ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่พิธีกรยืนอยู่บนเวทีเริ่มทำการนับถอยหลัง
ที่ด้านหลังของเขามีหน้าจอขนาดใหญ่ตั้งอยู่ 10 จอที่ทำการฉายภาพขนาด 1 ต่อ 10 ของเหล่าผู้แข่งขันในการแข่ง
ขณะที่ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่แสดงอาการยอมแพ้แล้วทรุดลงไปกับพื้น สายตาทั้งหมดต่างก็จับจ้องไปยังกลุ่มของนักผจญภัยที่กำลังวิ่งตาลีตาเหลือกไปยังเขาวงกตแห่งที่ 3
จ้าวของเขาวงกตพิเศษแห่งสุดท้าย ได้ถูกจัดการลงไปแล้วด้วยสต็าฟของทางฝ่ายดูแลจากรางวัลของภารกิจ
ด้วยเหตุนี้ ที่เหลือก็แค่ไปให้ถึงเส้นชัย
แต่ถึงแม้เกทของศาลเซย์โดคิชิโมจินจะอยู่ตรงหน้า เวลาก็ยังนับถอยหลังอย่างไร้ความปราณี
และแล้ว—-
『3, 2—-1! Time Up! การแข่งสิ้นสุด~~!』
เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงจากตัวการ์ดเกียร์ของผู้เข้าแข่งขันทุกคน
กลุ่มนักผจญภัยที่เข่าทรุดไปกับพื้น
เท่านี้ การแข่งขันแคทไฟท์・แบทเทิลรอยัล ครั้งที่ 1 ก็เป็นอันสิ้นสุด
「——–อืม ยืนยันการโอนเป็นที่เรียบร้อย」
「งั้นก็เพียงเท่านี้ ข้อตกลงที่ทำไว้ตอนการแข่งก็เป็นอันสิ้นสุดแล้วล่ะนะ」
หลังจากแลกเปลี่ยนดาวเป็นของรางวัล ผมก็นัดพบกับชายจมูกโด่ง ทานากะซัง ที่ร้านกาแฟใกล้กับโตเกียวโดม
จุดประสงค์นั้นก็แน่นอน เกี่ยวกับการชำระเงินค่าดาวระหว่างการแข่ง
「ขอบคุณมาก ช่วยไว้จริงๆ เท่านี้ก็พอจะสามารถชดใช้เรื่องการ์ดของสมาชิกคนอื่นๆได้บ้างแล้วล่ะ」
「ไม่ไม่ ทางนี้ต่างหากที่ต้องขอบคุณ」
「แต่ถึงงั้นก็เถอะ พอมาคิดๆดูแล้ว ไอ้การที่นักเรียนม.ปลายเพิ่งจะจ่ายเงินมาเป็น 100 ล้านเนี่ย แบบว่าสุดยอดน่าดู」
ทานากะซังพูดด้วยน้ำเสียงเชิงหยอกล้อ ผมก็「อา~…..」เกาแก้มแล้วพูด
「ก็นะ แต่มันก็ไม่ค่อยจะรู้สึกอะไรซักเท่าไหร่ เพราะพอทำเงินได้มาก็เอาไปใช้กับการ์ดและอุปกรณ์เวทซะหมด จะบอกว่ามาง่ายไปง่ายก็ได้…..」
「นั่นน่ะสินะ….. จริงอยู่ว่านักผจญภัยทำเงินได้เยอะ แต่ก็ใช้เงินเยอะด้วยเช่นกัน」
「ใช่แล้วล่ะ แล้วพอพูดถึงทำเงินได้เยอะ พอมันเกิน 10 ล้านไป ในหัวมันก็ทำความเข้าใจได้ไม่ทันแล้ว…..」
「อืม ชั้นเองตอนแรกก็เป็นเหมือนกัน ก็นะ พอได้เรียนรู้วิธีการใช้เงิน มันก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นเอง แต่…..ในกรณีของนายที่ยังอยู่ม.ปลายก็นะ」
「วิธีการใช้เงิน?」
พอผมถามคำถาม ทานากะซังก็เกาหัวด้วยท่าทางเขินอาย
「อืม ก็ ของอย่างการเอาไปใช้เที่ยวกลางคืน, ส่งของขวัญแพงๆให้กับผู้หญิง…..นั่นล่ะที่อยากบอก」
「อ่อ…..」
ดูจะเป็นวิธีการใช้เงินที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ทำการหัวเราะกลบเกลื่อนไป
「ก็นะ เดาว่าเรื่องพวกนั้นเองก็คงไม่ได้ทำไปซักพักนั่นแหละ….. ขลุ่ยของฮาเมลินเองก็ไม่มีแล้วด้วย」
「ขลุ่ยของฮาเมลิน, เหรอครับ…..」
「อา เป็นอะไรที่ได้มาตอนที่เจอกับอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์เมื่อนานมาแล้ว เป็นสุดยอดอุปกรณ์เวทที่ทำให้สามารถใช้เวทเคลื่อนย้ายได้ไม่จำกัด สาเหตุที่สามารถเป็น 3 ดาวมาได้ ส่วนใหญ่ก็เพราะพลังของอุปกรณ์นั้น สมาชิกของทีมเองก็มารวมตัวกันเพราะขลุ่ยของฮาเมลิน…..」
ทานากะซังอื่มกาแฟเย็นลงไปอึกหนึ่ง แล้ววางแก้วลงกับโต๊ะค่อนข้างแรง
「แต่ว่าในการแข่งครั้งนี้ ได้ไปเจอกับอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ตัวเดิมอีกครั้ง แล้วขลุ่ยของฮาเมลินก็ถูกยึดคืนไป บางที คงจะถูกคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดก็ได้…..」
「ยึดคืน, เหรอครับ?」
「อา….. ระหว่างการต่อสู้ได้เก็บมันเอาไว้ในการ์ด แต่พอหลังจากถูกช่วยเอาไว้แล้วพยายามจะใช้ มันก็ได้สูญเสียพลังไปแล้ว ตอนนี้กลายเป็นแค่ขลุ่ยธรรมดาๆ…..」
…..ถ้าหากว่าทำได้ไม่เข้าเกณฑ์ของชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลิน ถึงแม้จะรอดชีวิตมาได้ก็จะสูญเสียดรอปไอเทมไป จะบอกว่างั้นสินะ
ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าอุปกรณ์เวทชนิดใช้แล้วไม่หมดไป จู่ๆจะสูญเสียประสิทธิภาพของมัน อย่างที่คิด แม้แต่ดรอปไอเทมของอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ก็ยังมีความแตกต่างออกไป
บางที อาจจะเป็นการดีกว่าถ้าหากจะไม่พึ่งพาขลุ่ยของฮาเมลินมากเกินไปก็ได้…..แต่ก็ได้แค่คิด พลังของขลุ่ยมันได้ฝังราก ถือเป็นแกนกลางในกลยุทธของผมไปแล้ว
จะให้ปล่อยมือจากขลุ่ยตอนนี้ก็สายไปแล้ว
เป็นอุปกรณ์อันชั่วร้าย*ที่ไม่สามารถทิ้งไปได้ถึงแม้จะรู้ถึงความอันตรายของมัน….. สมแล้วที่เป็นอุปกรณ์เวท*
「การ์ดที่ได้รับจากสมาชิกทีมเองก็ลอส, ขลุ่ยของฮาเมลินก็เสียไป ทีมก็ถูกยุบ…..ที่ยังมีเหลือก็แค่การ์ดแรงค์ D สำรอง ถึงแม้ว่าแรงค์จะยังคงอยู่ที่ 3 ดาว แต่มันก็ถือว่าร่วงมาเป็น 2 ดาวแล้วดีๆนี่เอง」
เป็นเรื่องน่าเศร้า…..
จะบอกว่าเป็นความผิดของเขา…..น่าจะเรียกว่าโชคร้ายซะมากกว่า อดไม่ได้ที่จะเห็นใจ
ก็นะ ได้เจอกับอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ในเขาวงกตแรงค์ D แล้วยังมีชีวิตอยู่ก็สามารถพูดได้ว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่งก็ได้
ถ้าหากว่ายังมีการ์ดแรงค์ D อยู่ ก็มีโอกาศที่จะหาทางกลับมาได้ ยังสามารถหาเงินมาใช้ชีวิตตามปกติได้อยู่
…..ถ้าหากว่ายังคงตั้งใจจะเป็นนักผจญภัยต่อไปอยู่ล่ะนะ
「งั้น ชั้นไปก่อนล่ะ」
「ครับ แล้วพบกันใหม่」
「อือ」
ผมนั่งลงไปกับเก้าอี้ มองส่งทานากะซัง จากนั้นก็นำสมาร์ทโฟนออกมาอย่างรวดเร็ว ทำการโทรติดต่อคนต่อไป
『ครับ โทโน่ครับ』
「อะ คิทากาว่านะครับ ธุระของทางนี้เสร็จแล้ว」
『เข้าใจแล้วครับ เช่นนั้นเดี๋ยวจะตรงไปหาทางนั้น น่าจะถึงในอีกประมาณ 15 นาทีครับ』
「ครับ จะรอนะครับ」
15 นาทีงั้นเหรอ…..ขอเติมน้ำชาอีกแก้วละกัน…..แล้วก็ทำการเรียกคุณพนักงานเสริฟมา
「ขอโทษนะครับ ขอเติมน้ำชาด้วยครับ」
「ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ ต้องการสั่งอย่างอื่นเพิ่มรึเปล่าคะ?」
「เอ」
ในตอนที่กำลังจะพูดออกไปนั้นเอง
『ทาร์ตสตรอเบอร์รี่!』
จู่ๆ เสียงของเร็นกะก็ดังก้องมาจากภายใน
『จ-จู่ๆก็อะไรกันเนี่ย』
『ช่วยสั่งทาร์ตสตรอเบอร์รี่ให้ที อันที่จำนวนจำกัดนี่เลย!』
『ไม่สิ ต่อให้สั่งมาเธอก็กินไม่ได้อยู่ดีนี่นา』
『ของแค่นั้นให้นายแกล้งทำเป็นกินก็ได้แล้วใช่ไหมล่ะ นะ? ขอร้องล่ะ…..คำขอร้องชั่วชีวิตเลย อยากจะกินมันตั้งแต่ที่ได้เข้ามาที่ร้านนี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็อุตส่าห์อดทนตั้งนานเพราะเจ้าจมูกโด่งนั่นยังอยู่น่ะสิ!』
『ชั่วชีวิตของหล่อนนี่มันมีกี่ครั้งเนี่ย』
แล้วก็พูดออกไป
「อา~ ขอโทษครับ ขอทาร์ตสตรอเบอร์รี่ 1 ที่」
รู้สึกใจอ่อนกับคำขอของเร็นกะยังไงไม่รู้
จากนั้นผมก็แกล้งทำเป็นกินทาร์ตแล้ว「อ้า~ม」ป้อนเร็นกะ พอผ่านไป 15 นาทีพอดิบพอดี โทโน่ซังก็ปรากฏตัวที่ตรงทางเข้า
ทำการโบกมือเพื่อให้รู้ตำแหน่งที่อยู่ แล้วโทโน่ซังก็เดินมาหาพร้อมกับรอยยิ้ม
「แหม ขอโทษที่ทำให้รอครับ ที่สละเวลามาให้ในวันนี้ ต้องขอบคุณมากจริงๆครับ」
「ไม่หรอกครับ ทางนี้ต่างหากที่ต้องขอโทษที่เรียกให้มาหาที่นี่」
โทโน่ซังดูจะสุภาพมากกว่าทุกที ทำให้ทางนี้เองโค้งหัวตอบสนองตาม
「เอาล่ะ ก่อนอื่นก็คิทาคาว่าซัง ที่ได้ชนะในการแข่งครั้งนี้ ต้องขอแสดงความยินดีด้วยครับ」
「อา~ อะฮะฮะ…..ขอบคุณครับ」
「แต่แหม~ ล้ำหน้ากว่าคนอื่นไปไกลน่าดูเลย~ นึกไม่ถึงว่าจะเข้าเส้นชัยได้ภายในวันเดียว…..สมแล้วจริงๆครับ」
「เพราะโชคเข้าข้างนั่นแหละครับ บางที คงทำอีกเป็นครั้งที่ 2 ไม่ได้แน่」
「ถ่อมตัวอีกแล้วนะครับ จะว่าไปแล้วเรื่องของรางวัล อย่างที่คิดว่าเลือกคิมาริสสินะครับ?」
「เอ ก็ครับ เป็นพระเอกหลักของงานนี่นา」
「โอ้ โล่งอกไปที…..ความจริงแล้ว สาเหตุที่เรียกมาในวันนี้ ก็เพื่อคุยเรื่องคิมาริสนั่นล่ะครับ」
โอ๊ะ เข้าเรื่องทันทีเลยงั้นเหรอ
จากนั้นสีหน้าที่ดูยิ้มแย้มของโทโน่ซังก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง ทางนี้เองก็นั่งตัวตรงขึ้น
「ความจริงแล้ว มีใครบางคนที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องการคิมาริสของคิทากาว่าซังอยู่ครับ」
「คิมาริส งั้นเหรอครับ…..」
ผมกอดอก ทำท่าใช้ความคิด
อย่างที่คิด ต้องการอันนั้นจริงๆด้วย
ตอนที่ถูกติดต่อมาทันทีหลังจากจบการแข่ง บอกว่าต้องการพบในทันทีก็เดาเอาไว้อยู่แล้ว…..
แต่ว่า คิมาริส…..บอกตามตรง ไม่อยากจะปล่อยให้หลุดมือเลย
ราวกับว่าจะอ่านออกถึงความคิดนั้นของผม โทโน่ซังก็นำแฟ้มออกมาจากกระเป๋าแล้วพูด
「เผื่อเอาไว้ก่อน ผมได้จัดเตรียมการ์ดที่คิทากาว่าซังน่าจะชอบมา คิดว่าไงบ้างครับ ลองดูในรายการนี้ก่อนทำการตัดสินใจเป็นยังไงครับ…..」
「…..จะลองดูก่อนละกันครับ」
ไม่ค่อยรู้สึกอยาก แต่จะปฏิเสธไปโดยไม่แม้แต่จะดูเลยก็จะหยาบคายไป…..เพราะยังไงซะ โทโน่ซังก็ช่วยเหลืออะไรมาหลายต่อหลายอย่างแล้ว
ขณะที่ในใจคิดเช่นนั้นแล้วทำการมองดู ผมก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
นี่มัน…..ไม่ว่าจะการ์ดไหนก็มาราคาตลาดที่สูงกว่าคิมาริสทั้งนั้นเลย
ในหมู่นี้ยังมีการ์ดบางใบที่ราคาสูงกว่า 3 พันล้าน แล้วบางใบก็หายากซะยิ่งกว่านั้นและไม่ค่อยโผล่มาในตลาดด้วย…..
เพราะยื่นข้อเสนอมาถึงเรื่องการแลกเปลี่ยน ก็เลยคิดว่าน่าจะนำการ์ดที่มีมูลค่ามากกว่าคิมาริสอยู่เล็กน้อยมาให้ แต่…..นี่มันเกินกว่าที่คาดเอาไว้เสียอีก
「เป็นยังไงบ้างครับ คิดว่าได้รวบรวมมามากพอที่จะทำให้พอใจกับการแลกเปลี่ยนคิมาริสอยู่นะครับ」
「นั่นมัน ก็จริง…..ถ้าเป็นพวกนี้ แต่ว่า แบบนี้จะไม่ขาดทุนเหรอครับ?」
ราคาตลาดโดยประมาณของคิมาริสอยู่ที่ 1.5 พันล้าน ต่อให้เป็นราคาสูงสุด ก็ยากที่จะมากเกินไปกว่า 1.8 พันล้าน ไม่ว่าจะเลือกอันไหนจากในรายการนี้ก็เป็นการขาดทุนแน่นอน
「ไม่หรอกครับ นี่แหละคือมูลค่าของคิมาริสนั้น」
ด้วยคำพูดชวนให้สงสัยของโทโน่ซังทำให้ต้องเอียงคอ
「นั่น หมายความว่ายังไงครับ?」
「พูดอีกอย่างคือ…..คิทากาว่าซังเป็นนักผจญภัยที่มีการ์ดซึ่งได้รับความนิยมจนเป็นของพรีเมี่ยมไปแล้ว ตามนั้นเลยครับ」
ย-อย่างงี้นี่เอง…..หมายถึงอย่างนั้นสินะ พรีเมี่ยม งั้นเหรอ
การ์ดที่เหล่ากราดิเอเตอร์นำไปใช้งานจริงในการต่อสู้ ส่วนใหญ่มักจะมีราคาที่สูงกว่าราคาตลาดปกติ
มูลค่าที่เพิ่มขึ้นก็มาจากความโด่งดังของตัวผู้เข้าแข่งขันนั้นๆ รวมไปถึงว่าการ์ดนั้นถูกใช้งานดีมากแค่ไหน ถ้าหากว่าการ์ดนั้นถูกมองเป็นตัวแทนของผู้เข้าแข่งขัน หรือเป็นของรางวัลจากการแข่งแล้วล่ะก็ บางครั้งมูลค่าของมันก็มากกว่าราคาตลาดไปได้ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว
「ถึงแม้ว่าคิทากาว่าซังจะยังอยู่ในระดับมือสมัครเล่น แต่ก็ถือเป็นนักผจญภัยดาวรุ่งที่มั่นใจได้ว่าจะก้าวไปสู่มืออาชีพได้แน่ๆ ได้สร้างความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เอาไว้แล้วด้วยหลายอย่าง ทั้งการค้นพบหวนคืนจิตวิญญาณและจับกุมอาชญากรอันตราย มาคราวนี้ก็ได้พิสูจน์ความสามารถและการเติบโตในการแข่งอีก ถึงแม้ว่าจะได้สู้ในมอนโคโลเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็เอาชนะมาได้ทั้งหมด แถมด้วยแนวทางในการตั้งชื่อให้กับการ์ด ทำให้การ์ดยิ่งมีโอกาศที่จะหลุดมาสู้ตลาดยิ่งน้อยลงตาม…..ก็ มีตัวแปรหลายๆอย่างที่ทำให้เป็นการ์ดพรีเมี่ยมน่ะครับ」
โทโน่ซังพูดยกยอผมอยู่แบบนั้น แต่แทนที่มันจะเป็นของพรีเมี่ยมจากเหตุผลส่วนตัวอะไรแบบนั้น มันน่าจะมาจากที่ว่าคิมาริสนี้เป็นของรางวัลจากการชนะการแข่งมอนโคโลครั้งที่ 1 เสียมากกว่า
ตอนที่อันนาบริจาคเงินรางวัลจากเรื่องผู้ใช้หมาล่าเนื้อเองก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน นั่นก็เพราะความนิยมของตัวผมในระดับมือสมัครเล่นมันไม่ได้เพิ่มมามากมายอะไรขนาดนั้น
เอาเถอะ เดาว่าเป็นการลงทุนเล็กๆน้อยๆ โดยหวังเอาไว้ว่าจะได้กลายเป็นมืออาชีพแล้วได้ประสบความสำเร็จอะไรบางอย่างในอนาคตไปละกัน
「แล้ว คิดว่ายังไงบ้างครับ? มีการ์ดใบไหนที่สนใจรึเปล่า?」
「นั่น, สินะครับ…..ในตอนนี้ก็มีสนใจอยู่ 2 ใบนี้ครับ」
พูดแล้วผมก็ชี้ไปที่การ์ด 2 ใบ ใบหนึ่งเป็นเทพธิดาในชุดกรีกโบราณพร้อมถือคันธนู, กับอีกใบเป็นนักรบหญิงที่มีขนหมาป่าคลุมศรีษะอยู่
ด้านหนึ่งเป็นสาวงามพอมีอายุ มีผมยาวสลวยสีทองเป็นเงางาม มีร่างกายอันอวบอิ่ม พร้อมทั้งขี่รถม้าสีเงิน
ด้านหนึ่งเป็นเป็นสาวงามที่มีร่างกายดูแข็งแรงและฝึกฝนมากอย่างดี ท่าทางดูองอาจ ความสวยงามของใบหน้ายังสามารถมองเห็นได้แม้จะถูกขนสัตว์ที่สวมไว้ปิดบังใบหน้าครึ่งบนก็ตาม
นี่ก็คือ เซลีนี(Selene) เทพีแห่งดวงจันทร์จากเทพปกรณัมกรีก, กับเบอร์เซิร์ก(Berserkr) นักรบจากเทพปกรณัมนอร์ส
【TIPS】ของขวัญจากยมทูต
อุปกรณ์เวทพิเศษที่อิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์เหลือทิ้งเอาไว้ ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือแสนสะดวกเท่านั้น แต่มันยังทำหน้าที่เป็นป้ายบอกหรือเครื่องหมายที่พวกมันได้ยอมรับว่าเป็นเหยื่ออีกด้วย
ผลของมัน ผู้ที่ถือครองของขวัญจากยมทูตจะมีโอกาศสูงที่จะได้เจอกับอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์มากกว่าปกติ และได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าจะได้พบกับผู้ที่มอบของขวัญนั้นอีกครั้ง
ต่อให้จะทิ้งของขวัญนั้นไป, หรือเลิกเป็นนักผจญภัย, หรือไม่เข้าไปในเขาวงกตอีกเลย ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงโชคชะตานี้ไปได้
แล้วในตอนที่ได้มาพบกันอีกครั้ง หากยมทูตนั้นผิดหวัง พลังที่อยู่ในตัวของขวัญก็จะถูกริบคืน ต่อให้ผู้ที่รับมันจะสามารถเอาชีวิตรอดไปได้ก็ตาม
หากว่าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นล่ะก็ คนๆนั้นจำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองว่ามีความคู่ควรในการเป็นเหยื่อ และได้รับการยอมรับจากยมทูตอยู่ต่อไปเรื่อยๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม
魔 สามารถแปลได้ทั้ง ปีศาจ, มารร้าย, เวทมนตร์
คำว่าอุปกรณ์เวท(魔道具) จึงสามารถแปลได้เป็นอุปกรณ์ปีศาจเช่นกัน
MANGA DISCUSSION