บทที่ 4 ตอนที่ 2
—–วันต่อมา วันที่ 20 ของวันหยุดหน้าร้อน
ตอนบ่ายด้านหน้าสถานีทาชิกาว่า ผมมีนัดมาเจอกับโอริเบะ
เป้าหมายก็แน่นอนว่าคือการเลือกซื้ออุปกรณ์สำหรับการท้าทายเขาวงกตสุดทรหดที่จะเริ่มในวันมะรืน …..นั่นก็แค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ
เป้าหมายที่แท้จริงก็คือ 『ระหว่างนั้น』ก็ไปเดทดูหนังกันด้วยเลย
แน่นอนว่าในบทสนถนากับโอริเบะไม่ได้มีคำว่าเดทหลุดออกมาแม้แต่คำเดียว
ก็แค่ในระหว่างที่เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ก็ตัดสินใจไปดูหนังที่ได้ให้สัญญาว่าจะไปดูด้วยกันเมื่อครั้งก่อน
ก็ ไอ้การที่ไปช็อปปิ้งแล้วดูหนังกับเด็กผู้หญิงกันแค่ 2 คน ภายในใจของผมมันก็คือการเดทดีๆนี่แหละ ดังนั้นแล้ว นี่ก็คือเดทแรกในชีวิตของผม
…..ที่น่าเศร้าคือ ที่คิดว่ามันคือการเดทคงจะมีแค่ฝ่ายนี้ฝ่ายเดียว
ขณะกำลังรอเวลาโดยการจิ้มสมาร์ทโฟนไปพลางๆ ก็สังเกตุเห็นว่าเรื่องการแข่งเมื่อวันก่อน….. หรือให้ตรงคือการ์ดเกียร์ ได้กลายเป็นประเด็นร้อนบน SNS ไปแล้ว
การแข่งได้ถูกถ่ายทอดบนอินเตอร์เน็ตสำหรับการพนัน แต่สำหรับรายการบันเทิงสำหรับประชาชนทั่วไปนั้นยังไม่ถูกออกอากาศ (อันที่จริง การแข่งก็ยังดำเนินอยู่ด้วย)
แม้จะเป็นเช่นนั้น มันก็ได้เป็นประเด็นร้อนบน SNS ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าการเปิดตัวของอุปกรณ์เวทใหม่การ์ดเกียร์ ทำให้การแข่งในครั้งนี้ดึงดูดความสนใจจากประชาชนมากกว่าที่คาดเอาไว้
—-ต่อให้อยู่นอกเขาวงกต ก็สามารถพูดคุยกับการ์ดได้
ฟังก์ชันนี้ ดูจะเป็นที่สนใจแก่คนทั่วไปมากกว่านักผจญภัยเสียอีก
การเป็นนักผจญภัยแล้วเข้าไปในเขาวงกตมันน่ากลัว แต่ก็อยากจะได้คุยกับการ์ดน่ารักๆ(เท่ห์ๆ)บ้าง! ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดแบบนั้น
ที่เว็ปไซต์หลักของเอเมอรัลแท็บเล็ตได้มีกระทู้คำถามถูกสร้างขึ้นมามากมายจนทำให้เซิพเวอร์ล่ม ส่วนวิดีโอที่ถูกอัพโหลดโดยผู้เข้าแข่งขันเพื่อรีวิวประสบการณ์ที่ได้ใช้อุปกรณ์ ก็ได้กลายเป็นไวรัลและกระแสกันทั้งหมด
แม้แต่ผมเอง พอถึงบ้าน ได้อ่านคู่มือ แล้วลองเล่นดู ก็พบว่าตัวการ์ดที่ลงทะเบียนสามารถสับเปลี่ยนได้, มุมมองของการ์ดสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระในระยะ 10 ม.จากตัวการ์ดเกียร์ เห็นได้ชัดว่ามีความยืดหยุ่นมากกว่าที่คาดเอาไว้
แต่เดิมที การติดต่อสื่อสารจากภายในสู่ภายนอกเขาวงกต จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีการติดตั้งตัวส่งต่อสัญญาณ เอาไว้ในพื้นที่ปลอดภัยแต่ละชั้น แต่ตอนนี้การ์ดเกียร์สามารถติดต่อหากันได้อย่างปกติ บนภาคพื้นดินยังสามารถต่อสายและส่งข้อความหากันได้จากทุกที่ในญี่ปุ่น ตั้งแต่ฮอคไกโดจนถึงโอกินาว่า รู้สึกได้ว่ามันคือโทรศัพท์พกพายุคต่อไปไปแล้วจริงๆ
ต่อจากนี้ อุปกรณ์เสริมอื่นๆที่ถูกใช้ในการแข่งอย่างคาเมร่าอายจะทยอยถูกปล่อยออกมา เหล่าดันเจี้ยนทูเบอร์ก็พากันชื่นชมฟังก์ชันใหม่ๆในวิดีโอว่า ทำให้การถ่ายภาพการสำรวจในเขาวงกตเป็นเรื่องง่ายขึ้น
ถึงแม้ความสนใจทั้งหมดจะมุ่งเป้าไปที่การ์ดเกียร์แทบทั้งหมด ตัวผมที่เป็นผู้ชนะก็มีถูกพูดถึงบ้างพอประมาณ…..
『จบการแข่ง 1 อาทิตย์ได้ภายใน 1 วันเชียว』
『เร็นกะจังยังคงเท่ห์และสุดยอดเหมือนเคย~ เมอาจังที่ได้แรงค์อัพก็ยินดีด้วย~! จะเอาเงิน 5 หมื่นเยนที่ชนะมาในครั้งนี้ไปหาอะไรดีๆกินล่ะ!』
『แค่บังเอิญได้การ์ดเก่งๆมาก็ทำตัวกร่างซะ เห็นแล้วน่ารำคาญสุดๆ แถมใช้แต่การ์ดสาวมอนมาสร้างฮาเร็มก็น่าขยะแขยง แล้วถ้าได้ของที่ต้องการมาตอนครึ่งทางแล้วก็น่าจะถอนตัวไปซะให้พ้นๆ เอาแสนเยนของตูคืนมาเลย ไอ้เด็กเหลือขอ!』
『ทั้งเด็คและความสามารถอยู่ในระดับมืออาชีพไปแล้ว การที่มาเข้าร่วมการแข่งสำหรับมือใหม่นี่มันอยู่ในระดับหลอกลวงชัดๆ จะว่าไป ได้โปรดละเว้นด้วยเถอะครับ(เสียงสั่น)』
เป็นต้น ถึงแม้โดยรวมแล้วจะเป็นด้านบวก แต่ก็มีคอมเมนต์ด้านลบอยู่บ้างประปราย
แล้วอันสุดท้ายนั่นก็ ถูกโพสโดย 『ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ 4 จตุรเทพโรงเรียนที่ผู้คนไม่สามารถจำชื่อหรือหน้าตาได้』
ดูเหมือนว่าเขาคนนั้นก็จะเข้าร่วมด้วย แต่ไม่รู้สึกตัวเลยจริงๆ สงสัยจะผ่านเขาไปทันทีโดยที่ไม่รู้ตัว ถึงจะสายไปหน่อยแต่「ไอ้นั่น」ที่เขาพูดถึงเมื่อวันก่อนทีไ่ด้เจอหน้ากันคงจะหมายถึงการแข่งนี้
ก็นะ เนื่องจากว่ามันยังไม่ถูกออกอากาศทาง TV หัวข้อหลักในบทสนทนาก็เลยเป็นเกี่ยวกับการ์ดเกียร์มากกว่าการแข่ง
แค่ในวันนี้ ระหว่างทางที่มาที่นี่ พอมีคนได้เห็นว่ากำลังพูดอยู่กับพวกการ์ด ก็มี『ช่วยขายให้ที』ไม่ก็『ขอหน่อยเถอะ』หรืออย่างแย่ๆ『มีแค่ตัวเองที่มีนี่มันขี้โกง! ไปบอกเอเมอรัลแท็บเล็ทให้แจกชั้นฟรีมาเลย!』ถูกพูดใส่
มีการประกาศกันอย่างชัดเจนว่ามีเพียงผู้ครอบครองเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ แต่ทว่าในหมู่คนที่รู้ถึงการมีอยู่ของการ์ดเกียร์แล้ว จะมีอยู่ไม่น้อยที่ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
ส่วนใหญ่พออธิบายไปแล้วก็จะถอยกลับไปกัน แต่กับคนสุดท้ายที่ดูจะมีสภาพจิตหรืออารมณ์ที่ไม่ค่อยปกติดี ก็ทำให้『รู้สึกไม่เป็นสุขเล็กน้อย』ไป แล้วถือโอกาศชิ่งหนีออกมา
ในตอนนี้ เพื่อที่จะกันคนแปลกๆให้อยู่ห่างๆ คงต้องพักการพูดคุยกับเหล่าการ์ดแล้วเก็บการ์ดเกียร์ไปก่อน
จะว่าไปแล้ว ทุกคนที่โรงเรียนมีติดต่อมาแล้วก็『ยินดีด้วยที่ชนะ~! ตอนแรกที่ได้เห็นข่าวในอินเตอร์เน็ตนี่ตกใจน่าดูเลย~』ไม่ก็『ถ้าบอกกันไว้ก่อน ทุกคนก็คงได้ช่วยเชียร์แล้ว』มีบ่นมาบ้างนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วก็ได้รับข้อความแสดงความยินดีมามากมาย
แล้วขณะที่จิ้มมือถือรออยู่นั้นเอง…..
「ขอโทษที่ให้รอค่ะ รุ่นพี่」
ในที่สุดคนที่รอคอยก็มาถึง
พอมองดูเวลา ก็เป็นก่อนเวลานัดพบ 5 นาทีพอดี เป็นการมาอย่างเหมาะเจาะตามแบบของเธอจริงๆ
เก็บสมาร์ทโฟนไปแล้วยกมือขึ้นเล็กน้อย
「โย่ ซาโยะ」
「สวัสดีค่ะ นี่หรือว่าทำให้ต้องรอนานรึเปล่าคะ?」
「ไม่หรอก เปล่าเลย」
ที่สำคัญกว่านั้น…..ผมมองไปที่โอริเบะ
「ชุดนั้น ดูเหมาะดีนะ」
ใช่แล้ว พูดชม
ชุดของเธอวันนี้ แตกต่างไปจากปกติที่เป็นแฟชั่นจูนิเบียวสไตล์พังค์ ชุดที่สวมมีดีไซน์ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ประกอบด้วยเสื้อเชิ้ตแขนกุสีขาวและชุดสูทกางเกงสีดำ
ชุดแฟชั่นจูนิเบียวตามปกตินั่นดูเข้ากันดี แต่ชุดวันนี้ดูเหมาะที่สุดสำหรับเธอที่ทั้งดูเท่ห์และเป็นผู้ใหญ่ เหมาะสุดๆ
ด้วยคำชมอย่างจริงใจของผม โอริเบะก็ตอบสนองด้วยอาการเขินอาย เล่นกับปลายผม และกรอกสายตาไปรอบๆ
「ข-ขอบคุณมากค่ะ รุ่นพี่เองก็ดูเหมาะ….. ดูเหมาะ…..ไม่สิ ดูธรรมดาค่ะ」
「…..ใช่ม้า? ไม่ว่าจะของถูกหรือของแพง พอผมได้ใส่ไปมันก็ลงเอยที่ดูธรรมดาไปซะหมดเลย」
ผมใช้นิ้วจับเสื้อทีเชิ้ตที่มีราคาค่อนข้างแพงขึ้นมาแล้วหัวเราะเบาๆ
…..อุตส่าห์ใช้ความพยายามสุดๆเพื่อใส่ชุดนี้ แต่คราวหน้าคงได้ใส่ UNIQ〇〇 ซะล่ะมั้ง
「ล-แล้วจะทำอะไรกันดีคะ? ไปซื้ออุปกรณ์กันก่อน? หรือว่าจะไปดูหนังกันก่อน? ดูเหมือนจะยังมีเวลาก่อนที่หนังจะเริ่มฉายอยู่อีกหน่อยนะคะ」
ราวกับว่าเพื่อจะกลบเกลื่อนบรรยากาศที่อึดอัด โอริเบะถามคำถามด้วยการพูดค่อนข้างเร็ว
ผมมองดูนาฬิกา พยายามทำเสียงให้ดูเหมือนว่าเพิ่งจะเอามาคิด…..
「อืม นั่นสินะ…..ถึงอุปกรณ์ส่วนใหญ่จะถูกส่งไปที่บ้านได้ ก็คงจะถือกลับไปบางอย่างอยู่ แล้วมันก็คงเกะกะ ถ้างั้นคงต้องไปดูหนังกันก่อน กว่าจะถึงเวลา…..ไปที่คาเฟ่ใกล้ๆแล้วหาอะไรกินกันเถอะ ตอนที่ดูหนังคงกินป็อปคอร์นไปด้วยเพราะงั้นหาอะไรเบาๆกินกันดีไหม?」
โอริเบะพยักหน้ายิ้มรับ ผมจึงถอนหายใจโล่งอกแล้วนำทางเธอไปคาเฟ่ที่『ค้นคว้ามาล่วงหน้า』แล้วว่าเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิง
「———-จะว่าไปแล้ว รุ่นพี่ได้แลกของรางวัลจากการแข่งไปรึยังคะ?」
ขณะที่พวกเรา 2 คนคุยกันไประหว่างทานอาหารเที่ยง บทสนทนาก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นหัวข้อเกี่ยวกับการแข่ง
ผมตอบขณะใช้ส้อมม้วนเส้นคาโบนาร่า
「ก็ไม่ การแลกเปลี่ยนของรางวัลจะมีหลังจากพิธีมอบรางวัลในวันพรุ่งนี้ เพราะงั้นก็ยังหรอก」
「อย่างงี้นี่เอง แต่ว่าก็ตัดสินใจว่าจะเลือกอะไรไปแล้วใช่ไหมคะ?」
「แน่นอน」
ท้ายที่สุด ในการแข่งครั้งนี้ ผมได้รับดาวมาทั้งหมด 725 ดวง
เริ่มด้วย 600 ดวง เอาไปใช้กับคิมาริสที่เป็นชิ้นหลัก
เนื่องจากว่าเป็นชิ้นหลัก ในขณะที่ราคาตลาดของการ์ดและอุปกรณ์เวทอื่นๆ จะมีค่าต่อดาว 1 ดวงประมาณ 1.5 ~ 2.5 ล้าน อัตราการแลกเปลี่ยนของคิมาริสจะมีมากที่สุดเมื่อเทียบกับของชิ้นอื่นๆ โดยใกล้กับ 3 ล้านต่อดวง
มีสกิลที่หายากทั้งการอัญเชิญกองทัพและแปลงอุปกรณ์ ไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปแน่
คิมาริสนั้น เหมือนกันกับการ์ดปีศาจระดับสูงหลายๆใบ จะมีคุณสมบัติเป็นทั้ง 2 เพศ ซึ่งเหมาะกับผมที่มีความเข้ากันได้กับการ์ดผู้หญิง (ในทางกลับกันจะเข้ากันไม่ค่อยได้กับการ์ดเทพที่ส่วนใหญ่เป็นไร้เพศ อาจจะไม่มากเท่าการ์ดผู้ชาย แต่ก็เข้ากันได้ไม่ดีนัก)
สามารถใช้ไปทั้งๆแบบนั้นคู่กับดูลลาฮานเลยก็ได้ หรือจะใช้เป็นเป้าหมายในการแรงค์อัพของดูลลาฮานก็ได้เหมือนกัน
ส่วนที่เหลืออีก 125 ดวง ตัดสินใจเอาแค่การ์ด 1 ใบ กับอุปกรณ์เวทเป็นหลัก
ตัวการ์ดนั้น ใช้ 25 ดวง เลือกเป็นการ์ดแรงค์ C มาโยยกะ*
ด้วยสกิลมิติคู่ขนานที่หายากและไม่ค่อยจะได้เห็นในตลาด เป็นการ์ดประเภทที่ภายในตัวมันเองเป็นอีกมิติหนึ่ง
เทียบได้กับตัวตนที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศอย่าง Tír na nÓg* หรือแดนสุขาวดี
ลักษณะเด่นอย่างแรกของมอนสเตอร์ประเภทนี้เลยก็คือ ไม่ว่าจะโจมตีใส่มิตินั้นๆไปมากแค่ไหนก็ไม่สามารถจัดการได้ จำเป็นจะต้องจัดการร่างจริง(แกนกลาง) ที่ซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งร่างจริงไม่ได้มีความแข็งแกร่งซักเท่าไหร่
ด้วยเหตุนี้ การต่อสู้ของร่างจริงจึงมักเป็นการใช้สกิลปริศนาใส่ศัตรูที่ถูกล่อเข้ามาภายใน ในขณะที่ทำการดูดพลังชีวิตไปเรื่อยๆ หรือไม่ก็มอบการสนับสนุนแก่พรรคพวกภายใน แล้วมอนสเตอร์ประเภทต่างมิติก็ยังมีประโยชน์นอกเหนือไปจากการต่อสู้อีกด้วย
นั่นก็คือ ต่างมิตินั้นสามารถใช้เป็นฐานปฏิบัติการที่สะดวกและปลอดภัยได้
ภายในของมอนสเตอร์ต่างมิติจะถูกตัดขาดอย่างสมบูรณ์จากภายนอก เพราะงั้นต่อให้เป็นฝนกระหน่ำหรือพายุหิมะบนภูเขาน้ำแข็ง ก็สามารถพักผ่อนร่างกายได้อย่างสบายใจโดยไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมรอบนอก
ในเขาวงกตที่สภาพแวดล้อมของแต่ละชั้นที่มากขึ้นจะทวีความโหดร้ายมากขึ้นตาม สำหรับนักผจญภัยระดับมืออาชีพแล้วว่ากันว่าเป็นสิ่งจำเป็นเคียงคู่มากับสกิลแปลงอุปกรณ์เลย
อย่างไรก็ดี มาโยยกะถือเป็นผีบ้านผีเรือน—-ถึงมันจะเหมือนบ้านมากกว่าจะเป็นผีบ้านผีเรือนก็เถอะ—- แล้วเพราะว่ามันมีคุณสมบัติแบบนั้น ซิลกี้เองก็สามารถแรงค์อัพเป็นได้ด้วยเช่นกัน
ส่วนของอุปกรณ์เวท เลือกเป็นไดซุเร็น*, บังเหียนทองคำ, แล้วก็คีย์ไอเทมของดราโกเน็ต 5 อย่าง
ไดซุเร็นนั้น เป็น 1 ในดาบซันเมย์* ที่ว่ากันว่ามอบพลังเหนือธรรมชาติให้แก่ผู้ถือครอง การ์ดที่สวมใส่จะเพิ่มพลังต่อสู้ขึ้น 200 และได้รับสกิลพลังเทวะเป็นการชั่วคราว
ว่ากันว่าพลังที่แท้จริงของดาบซันเมย์จะเผยออกมาก็ต่อเมื่ออยู่พร้อมกันทั้ง 3 เล่ม ด้วยการซ้อนทับกัน 2 หรือ 3 ขั้นตัวสกิลพลังเทวะก็จะมีความแข็งแกร่งและหลากหลายมากยิ่งขึ้น
ด้วยแค่ไดซุเร็นเล่มเดียวถ้าพูดในแง่ของสกิลอื่นๆ ก็คงจะได้เป็นขั้นพื้นฐาน แต่เพราะว่าพลังเทวะเป็นสกิลหายากและทรงพลัง ต่อให้เป็นแค่ขั้นพื้นฐานก็อย่าได้ดูถูกเชียว
โดยเฉพาะพลังเทวะที่ไดซุเร็นมอบให้ยังกว้างมาก รวมไปด้วย「พลังจิต(อิทธิวิธิ)」「หูนรก(ทิพพโสด)」「รับรู้มุ่งร้าย(เจโตปริญาณ)」「รำลึกความทรงจำ(ปุพเพนิวาสานุสติญาณ)」「เห็นกรรม(ทิพพจักขุ)」「ขจัดมาร(อาสวักขยญาณ)」 *
เพราะแบบนั้นอุปสงค์ของมันจึงสูง ใช้ดาว 70 ดวง ถือว่ามีราคาแพง
หากพูดในแง่ของการ์ดล่ะก็ จะมีราคาเทียบเท่ากับการ์ดแรงค์ B เลย
แต่ยังไงซะ มันเป็นอุปกรณ์เวทที่ไม่ค่อยได้เห็นในตลาดและได้มายากเกินกว่าราคาของมันเอง ก็ถือได้ว่ายังอยู่ในฝั่งราคาถูก
ถ้าหากว่าดาบ 2 เล่มที่เหลือมีอยู่ในรายการล่ะก็ คงได้ยอมปล่อยคิมาริสเพื่อไปเอามันแน่ๆ
บังเหียนทองคำ เป็นอุปกรณ์เวทมอบสกิลสัตว์พาหนะเป็นการชั่วคราวให้กับสัตว์ที่ทำการสวม และมอบสกิลขี่สัตว์เป็นการชั่วคราวให้กับผู้ที่ถือบังเหียน
บางทีคงจะมีต้นกำเนิดมาจากตำนาน ที่อาเธน่ามอบบังเหียนทองคำให้แก่วีรบุรุษบิลเลโรฟอนเพื่อช่วยให้เขาขี่เพกาซัสได้
อันนี้เลือกเพื่อเป็นรางวัลให้เอลิซ่าที่ต้องการเรียนรู้สกิลขี่สัตว์ กับยูคิที่ต้องการเรียนรู้สกิลสัตว์พาหนะ มีราคาเป็นดาว 10 ดวง
สุดท้าย เกี่ยวกับคีย์ไอเท็ม 5 อย่างของดราโกเน็ต เป็นความคิดง่ายๆว่าถ้าพยายามลองใช้มันไปทีละอย่าง มันก็น่าจะได้ซักอัน
จากการค้นคว้าในปัจจุบัน ดราโกเน็ตมีคีย์ไอเท็มอยู่ทั้งหมด 6 อย่าง ดังนั้นถ้าลองใช้ 5 อย่างดู ก็มีโอกาศสูงที่จะเป็น 1 ในนั้น แต่ถ้าไม่ ก็จะเป็นการยืนยันว่าคืออันที่เหลือ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดล่ะนะ
「…..อย่างงี้นี่เอง ดูจะเลือกของดีน่าดูเลยนะคะ」
พอได้รู้ของที่ผมเลือก โอริเบะก็ดูอิจฉาเล็กน้อย
「ใช่ม้า? ถ้าเป็นมาโยยกะล่ะก็ จะต้องมีประโยชน์ในการพิชิตเขาวงกตคราวนี้แน่นอนเลย」
「น่าอิจฉาจริงๆค่ะ…..แต่ว่า รุ่นพี่เองก็ได้กลับมาจากการแข่งครั้งนี้เยอะน่าดูเชียวนะคะ」
「ก็นะ」
「ทั้งๆที่เป้าหมายดั้งเดิมคือซัคคิวบัสที่มีสกิลร่วงหล่น แล้วนี่ทั้งคิมาริส, มาโยยกะ, อุปกรณ์เวทมากมาย, และเหนือสิ่งอื่นใด —-ที่ได้จากคิชโชเต็งและโคคุอันเท็นด้วย」
「เอ…..」
-ตึกตัก- หัวใจเต้นแรง
ทำไม…..หรือว่า…..!?
「ในการต่อสู้นั้น รุ่นพี่ได้เรียนรู้กลยุทธ รู้สึกได้ว่าได้กะเทาะเปลือกออกมาแล้ว…..แบบนี้ช่องว่างก็ดูจะกว้างขึ้นอีกแล้วสินะคะ」
「อ-อา…..」
อย่างงี้นี่เอง ไอ้นั่นหรอกเหรอ…..ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอยู่ข้างใน รู้สึกกลัวไปแว่บนึง นึกว่าจะความแตกเรื่องการ์ดดรอปซะแล้ว
「…..ไม่หรอก ยังไม่ถึงขั้นได้เรียนรู้กลยุทธอะไร ตรงนั้นยังคงต้องเรียนรู้ต่อไปอยู่นั่นแหละ ยังไม่ถึงระดับของซาโยะหรอก」
จะว่าไปแล้ว สำหรับการ์ดคิชโชเต็งและโคคุอันเท็น ในตอนนี้พักเรื่องการแรงค์อัพเอาไว้ก่อน
จุดแข็งที่สุดของแอดแวนเทจการ์ดก็คือ ค่าใช้จ่ายในการชุบชีวิตที่ต่ำ
จริงอยู่ที่ว่าการแรงค์อัพจะทำให้ความแข็งแกร่งมีความเสถียรขึ้น และถ้าหากโชคดีสกิลร่วงหล่นก็จะยังคงอยู่ เป็นการเปิดทางไปยังหวนคืนจิตวิญญาณถัดไป แต่ถ้าเกิดลอสล่ะก็ การชุบชีวิตก็ได้เป็นอะไรที่สิ้นหวังแน่
การแรงค์อัพจะทำตอนไหนก็ได้ แล้วยังมีสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อแม่เรื่องที่ต้องเตรียมพร้อมชุบชีวิตเร็นกะอยู่เสมออีก
ด้วยเหตุนี้ ณ ปัจจุบันที่กำลังรบยังไม่มีปัญหาซักเท่าไหร่ จึงพักเรื่องการตัดสินใจเอาไว้ก่อน
「……………ถ่อมตัวน่าดูเลยนะคะ …..จะว่าไปแล้ว รุ่นพี่ได้ซื้อดาวมาระหว่างการแข่งด้วยเงินเป็นจำนวนมาก แน่ใจนะคะว่าไม่เป็นอะไรที่จะจ่าย? คิดว่าเสียเงินไปเยอะแล้วกับการ์ดแพ็คด้วย…..」
「อา เรื่องนั้นอะนะ…..」
ยิ้มแห้งๆ แล้วพยักหน้า
「ได้คนรู้จักที่อยากจะซื้อการ์ดอยู่ ก็คงไม่เป็นอะไรหรอก」
ระหว่างการแข่ง ได้ซื้อดาวมาจากชายจมูกโด่งเป็นเงิน 145 ล้าน เป็นจำนวนที่เกินกว่าเงินเก็บทั้งหมดที่ผมมีนิดหน่อย
ตอนแรกผมมีแผนที่จะจ่ายด้วยการเอาดาวไปแลกเป็นเงิน แต่ขณะทำการเลือกของรางวัลมันดันเกิดโลภขึ้นมา
แบบไม่ว่าจะมองยังไง การเอาดาวไปแลกเงินมันก็ราวกับเอาเงินไปโยนทิ้ง
อยากจะแลกดาวเป็นของรางวัลให้ได้มากเท่าที่จะทำได้…..แล้วตอนนั้นก็นึกขึ้นมาได้ เรื่องซูนาฮาร่าซัง
เฮเคต เป็นการ์ดที่ได้มาจากแพ็คก่อนหน้านี้ ได้ไปถามซูนาฮาร่าซังให้ช่วยซื้อ
การซื้อขายการ์ดกันระหว่างบุคคล ไม่สามารถถูกบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายได้ จะส่งผลให้ภาษีในปีนั้นพุ่งสูง แต่หลังจากซูนาฮาร่าซังได้ฟังเรื่องราว ก็ทำการตอบตกลงทันที
ยิ่งกว่านั้น ยังได้ราคาที่แพงกว่าราคารับซื้อของกิลล์พอตัว แต่ก็ต่ำกว่าราคาตลาดอยู่นิดหน่อย
การจัดส่งของถูกพักเอาไว้ก่อนเนื่องจากติดตารางกำหนดการ แต่ตัวเงินได้ทำการโอนมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เท่านี้ก็สามารถจ่ายเงินให้กับชายจมูกโด่งได้ แต่ก็ถือเป็นการติดหนี้ใหญ่กับซูนาฮาร่าซัง
ด้านเจ้าตัวหัวเราะร่าแล้วบอกว่าไม่ต้องห่วง เพราะแต่เดิมมันเป็นการ์ดที่เขาอยากได้อยู่แล้ว แต่คงจะได้ใช้หนี้คืนกับบางอย่างไม่ช้าก็เร็ว
「งั้นเหรอค่ะ…..」
พอได้ยินเรื่องที่ผมสามารถหาทางออกมาได้ โอริเบะก็พึมพำและทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย
「คิดว่าถ้ารุ่นพี่มีปัญหาด้านการเงิน ชั้นก็สามารถช่วยให้ยืมเงินไปก่อนก็ได้ทั้งที」
「จะให้ไปยืมเงินจากรุ่นน้องนี่คงไม่ไหวหรอกน้า ถ้าแบบนั้นเอาดาวไปแลกเป็นเงินจะดีกว่า แบบว่า ทำไมทำหน้าตาดูผิดหวังแบบนั้นล่ะ」
「ก็นั่นไงค่ะ」
โอริเบะอมยิ้มแล้วพูด
「เป็นโอกาศดีที่จะทำให้รุ่นพี่ต้องติดหนี้ทั้งที」
「ดอกเบี้ยดูแล้วคงจะสูงกว่าพวกปล่อยเงินกู้แน่ๆเลยสิเนี่ย」
「ดอกเบี้ยอะไรกันค่ะ ได้โปรดวางใจได้เลยว่าไม่ต้องจ่ายคืนแม้แต่เยนเดียวเลยล่ะ」
「นั่นมันยิ่งน่ากลัวกว่าอีก」
สงสัยจริงๆว่าจะให้ทำอะไรเป็นการแลกเปลี่ยนกับเงิน…..
แล้วขณะที่กำลังคุยกันอยู่แบบนั้น สมาร์ทโฟนของโอริเบะก็ส่งเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา
「อะ…..ดูจะได้เวลาแล้วล่ะค่ะ」
ถึงเวลาแล้วเหรอเนี่ย ทำการมองไปที่นาฬิกา
「…..ไม่ใช่ว่าเร็วไปหน่อยเหรอ? ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 30 นาทีนี่นา?」
「จากที่นี่ไปถึงโรงหนังใช้เวลาประมาณ 5 นาที แล้วเนื่องจากว่าเป็นวันหยุดหน้าร้อน ร้านขายขนมจึงน่าจะมีคนเยอะ ไปก่อนแต่เนิ่นๆจึงไม่น่าจะเป็นอะไรค่ะ」
เป็นงั้นหรอกเหรอ พอหยักหน้าเห็นด้วย จู่ๆโอริเบะก็ยิ้มให้
「อีกอย่าง…..ชั้นชอบช่วงเวลาก่อนที่หนังจะเริ่มด้วยค่ะ」
「อา…..」
แบบว่าพอจะเข้าใจความรู้สึกนั้นอยู่ บรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ก่อนที่หนังจะเริ่มฉายที่แสงไฟค่อยๆมืดลง เป็นความตื่นเต้นที่หาได้จากแค่ที่โรงภาพยนต์ ไม่สามารถสัมผัสได้จากการดู DVD ที่บ้าน
อันที่จริง จะบอกว่าผู้คนมาดูหนังกันก็เพื่อสมัผัสกับสิ่งนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยไปนัก
「อย่างงี้นี่เอง งั้นก็ไปกันเถอะ」
「ค่ะ」
พวกเราส่งยิ้มให้กัน แล้วมุ่งหน้าไปโรงหนังด้วยกัน
【TIPS】สกิลต่างมิติ
ดินแดนภูติ, โลกแห่งเทพ, ยมโลก สกิลของการ์ดที่ทำให้สามารถเข้า-ออกมิติเหล่านี้ได้ หรือแม้กระทั่งการสร้างมิติคู่ขนานขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง
สกิลเหล่านี้ ที่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมิติที่อยู่เหลื่อมล้ำไปจากโลก จะถูกเรียกว่าสกิลต่างมิติ
ภายในต่างมิตินั้น จะถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิงกับภายนอก ทำให้ขณะที่การโจมตีจากภายในไม่สามารถส่งไปไม่ถึงภายนอกได้ การรบกวนจากภายนอกเองก็ส่งมาไม่ถึงเช่นกัน(เว้นเสียแต่จากสกิลต่างมิติอื่น)
ในระดับมืออาชีพ จะอาศัยประโยชน์จากคุณสมบัตินี้ และใช้งานพวกที่มีสกิลต่างมิติเป็นฐานที่มั่นปลอดภัยภายในเขาวงกต
เคียงคู่มากับสกิลแปลงอุปกรณ์ ถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ระดับมืออาชีพต้องมี
ข้อมูลเพิ่มเติม
มาโยยกะ / Mayoiga / マヨヒガ
จากตำนานญี่ปุ่น, บ้านลึกลับที่มอบความมั่งคั่งให้แก่ผู้มาเยือน
https://en.wikipedia.org/wiki/Mayoiga
Tír na nÓg
จากตำนานไอริช, ดินแดนแห่งเยาวชน ที่ซึ่งไม่มีความเจ็บป่วย, ความตาย, หรือเวลา แต่มีเพียงความสุขและความงามเท่านั้น
https://en.wikipedia.org/wiki/Tír_na_nÓg
https://th.eferrit.com/tir-na-nog-ตำนานชาวไอริชของ-tir-na-nog/
ไดซุเร็น / Daitsuren / 大通連
จากตำนานญี่ปุ่น, ดาบของยักษ์ซุซุกะ โกเซ็น
https://typemoon.fandom.com/wiki/Talk:Suzuka_Gozen
ดาบซันเมย์ / 三明の剣
จากตำนานญี่ปุ่น, ชุดดาบ 3 เล่มที่ว่ากันว่าฟันไปครั้งก็สะบั้นคอคนได้พันคน
https://ja.wikipedia.org/wiki/三明の剣
อิทธิฤทธิ์ 6 อย่างในอภิญญา
จากศาสนาพุทธ, อิทธิฤทธิ์ 6 อย่างที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน
https://en.wikipedia.org/wiki/Abhijñā
MANGA DISCUSSION