บทที่ 3 ตอนที่ 16
「—-บางที นั่นอาจจะเป็นยูนิคลิงค์ของมาโร่ก็เป็นได้」
หลังการแข่งจบลง ในคืนนั้น พอผมกลับมาที่บ้านแล้ว ก็ได้คุยโทรศัพท์กับอาจารย์
หัวข้อก็คือ การที่สามารถเอาชนะการแข่งกลับมาได้อย่างปลอดภัย และแสดงความขอบคุณ แล้วก็ พลังใหม่ที่ตื่นขึ้นมาในตัวเอลิซ่า…..เกี่ยวกับทักษะอัตลักษณ์
สกิลใหม่ที่ไม่รู้จักถูกสลักลงบนสเตตัสของการ์ด ซึ่งไม่ใช่ทั้งทั้งทักษะติดตัวและทักษะเรียนรู้
แน่นอนว่าเก็บเรื่องที่รู้เกี่ยวกับความสามารถของ『My Fair Lady』เอาไว้เป็นความลับ
เกี่ยวกับความสามารถนั่น ถึงแม้ผมจะรับรู้มันได้ด้วยเพียงสัญชาตญาณ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นความสามารถที่ทำให้ผู้ใช้สามารถก็อปปี้สกิลเรียนรู้ของศัตรูหรือพรรคพวกได้เป็นการชั่วคราว
การก็อปปี้สกิลนั้น ถือเป็นการโกงที่มีเฉพาะจ้าวของเขาวงกตแบบพิเศษเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้
ต่อให้เป็นอาจารย์ก็ตาม ก็ไม่ใช่อะไรที่สามารถพูดออกมาได้ง่ายๆ
ทางอาจารย์เองก็ดูจะสนใจเกี่ยวกับรายละเอียดของความสามารถนั้น แต่ก็ไม่ได้เจาะลึกอะไรมาก ทำให้ผมโล่งใจอยู่บ้าง
หลังจากที่ได้ฟังทุกอย่างจากผมแล้ว อาจารย์ก็พูดประโยคเดียวนั้นกลับมา
「ยูนิคลิงค์ งั้นเหรอ…..」
คำพูดของอาจารย์ ก้องอยู่ภายในหัว
ยูนิคลิงค์…..ว่ากันว่าคือสิ่งที่อยู่ถัดไปเมื่อนักผจญภัยได้เชี่ยวชาญคุณลักษณะของตนเองแล้ว เป็นที่สุดของลิงค์อย่างหนึ่ง
การจะเรียนรู้มันนั้น ทางเดียวก็คือใช้งานการ์ดที่มีคุณสมบัติเข้ากับตัวเอง ซึ่งแทบทุกคนไม่เว้นแม้แต่มืออาชีพก็ยังไม่สามารถเรียนรู้มันได้
กับลิงค์แบบนั้น เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อได้ว่าผมที่มีประสบการณ์นักผจญภัยน้อยกว่า 1 ปีจะสามารถใช้งานมันได้…..
「สกิลของเอลิซ่าซังอันนั้น ในตอนนี้ไม่ปรากฏบนการ์ดแล้วสินะ?」
「อา หลังจบการต่อสู้แล้วตัดการเชื่อมต่อลิงค์ก็หายไปเลย」
ขณะที่ผมพูดไปก็มองไปที่การ์ดของเอลิซ่า ที่ตรงนั้นที่น่าจะมีชื่อของสกิลที่เธอเพิ่งได้รับกลับไม่มีอยู่ตรงไหนแล้ว
ในขณะเดียวกัน สกิลที่ได้หายไปอย่าง เชื่อฟังเด็ดขาด, เอนกประสงค์, และหัวใจเยือกเย็น กลับคืนมาที่ทักษะเรียนรู้แทน
「แล้ว ตอนขากลับได้ไปหยุดแวะเขาวงกตแล้วพยายามเชื่อมต่อลิงค์อีกครั้ง แล้วมันก็โผล่มาอีก」
「บางครั้งก็โผล่ บางครั้งก็ไม่โผล่…..สินะ แบบว่ารู้สึกไม่ค่อยเสถียรเท่าไหร่…..」
ตอนขากลับขณะอยู่บนรถไฟ ได้เอาการ์ดของเอลิซ่ามาดูเล่นๆ แล้วสังเกตุเห็นว่าทักษะอัตลักษณ์ได้หายไป ผมก็เลยรีบไปยังเขาวงกตที่อยู่ใกล้ๆ พยายามทำหลายๆอย่างเพื่อที่จะให้ทักษะอัตลักษณ์ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
แล้วก็สามารถเข้าใจได้ว่า เฉพาะตอนที่ได้ซิงโครกับเอลิซ่า ในกรณีหายาก ทักษะเรียนรู้จะหายไปแล้วกลายไปเป็นทักษะอัตลักษณ์
「การปลุกตื่น มันอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ แต่ไม่ว่าจะยังไง การที่มันปรากฏเฉพาะระหว่างการลิงค์ นั่นก็แปลว่ามันจะต้องได้รับอิทธิพลมาจากคุณลักษณะของมาโร่ล่ะนะ」
การปลุกตื่น…..บางทีอาจจะเป็นการที่ยูนิคลิงค์ที่เริ่มหยั่งรากภายในตัวของผม ก่อตัวเป็นรูปร่างเพื่อตอบสนองต่ออารมณ์ที่พุ่งสูงของเอลิซ่าก็เป็นได้
「แล้วก็การเติบโตของเอลิซ่าซัง เทียบกับการ์ดอื่นของมาโร่แล้วมีความไวมากกว่า」
「อะ ครับ」
「เธอเอง บางทีอาจจะกิฟท์(gifted)ด้วยก็ได้…..」
「กิฟท์…..?」
「ดูเหมือนว่าจะหาได้ยากเอามากๆเลยนะ การ์ดที่สามารถเรียนรู้สกิลได้รวดเร็วอย่างน่าประหลาด มีความแข็งแกร่งเกินไปกว่าพลังต่อสู้และสกิลที่มี ที่เรียกกันว่าอัจฉริยะในท่ามกลางการ์ดนั่นแหละ ที่จะพูดคือ มันราวกับเป็นของขวัญจากเขาวงกตเพราะงั้นก็เลยเรียกกันว่ากิฟท์การ์ด…..ก็นะ แค่ข่าวลือไม่มีอะไรยืนยันนั่นแหละ」
「เห~」
กิฟท์ งั้นเหรอ จริงอยู่ว่าผู้คนที่แสดงอัจฉริยภาพในด้านใดด้านหนึ่งก็ถูกเรียกกันแบบนั้น เอลิซ่าเองก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นกิฟท์ในหมู่การ์ด
ยูนิคลิงค์เองก็ด้วย เมื่อคำนึงถึงเร็นกะและยูคิที่มีความใกล้ชิดเช่นเดียวกับเอลิซ่า แต่ไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่าสามารถใช้งานออกมาได้เลยแล้วนั้น พอมาคิดดูสาเหตุน่าจะอยู่ที่ตัวเอลิซ่ามากกว่าพรสวรรค์ของผมก็ออกจะสมเหตุสมผลกว่า
「…..จะว่าไป ดูเหมือนระหว่างแข่งจะได้คาบังเคิลโกเมนมาไม่น้อยเลยนี่ จะทำยังไงกับมันล่ะ?」
「เอ๋…..?…..ก็วางแผนจะไปแลกเป็นเงิน ไม่ก็เอาเป็นของขวัญให้แม่กับน้องสาวน่ะ」
「หืม…..งั้นเหรอ」
「ทำไมถึงถามแบบนั้นเหรอ?」
「ก็เปล่า? ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษหรอก…..แค่คิดว่าบางที อาจจะมีแผนจะให้เป็นของขวัญกับโอริเบะซังอะไรแบบนั้นรึเปล่าก็เท่านั้นเอง~」
「ไม่ไม่ไม่ ทำไมซาโยะถึงโผล่มาตรงนี้เนี่ย」
พอผมตอบด้วยความเร่งรีบ อาจารย์ก็พูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
「อาเร๊ะ? แต่ว่าวางแผนจะไปเดทดูหนังกันคราวหน้าไม่ใช่เหรอ?」
「ไม่ล่ะ ไม่ใช่เดทหรอกนะ ก็แค่วางแผนจะไปดูหนังหรืออะไรแบบนั้นกันในวันที่มีเวลาว่างเท่านั้นเอง」
「อะฮะฮะ ก็นะ ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไปล่ะกัน…..ก็ เดี๋ยวผมจะคอยดูเรื่องอัตลักษณ์อะไรนั้นให้เอง」
「อ-เอ๋…..ขอฝากด้วยครับ」
「ยังไงก็แล้วแต่…..ยินดีด้วยที่ชนะ มาโร่ แล้วเจอกันนะ」
「ครับ แล้วเจอกัน」
ด้วยเสียง-กริ๊ก- เป็นอันสิ้นสุดการโทร
「ฟู่…..」
ผมทิ้งตัวไปบนเตียง
ท้ายที่สุด แม้แต่อาจารย์เองก็ยังไม่รู้เกี่ยวกับทักษะอัตลักษณ์…..
แต่ว่า ยูนิคลิงค์ งั้นเหรอ
ถ้าหากว่านี่เป็นผลจากยูนิคลิงค์ของผม นี่หมายความว่าความสามารถของผมคือ『ลิงค์ที่เพิ่มทักษะอัตลักษณ์ให้การ์ด』อย่างงั้นเหรอ?
…..นั่นมัน แบบว่ารู้สึกมันไม่ใช่ยังไงอยู่
แน่ใจว่าทักษะอัตลักษณ์ เป็นระบบที่การ์ดทุกใบมีในตัวเองอยู่แล้ว
เพราะแบบนั้น มันจึงถูกแสดงในแถวของสเตตัสแบบเดียวกันกับทักษะติดตัว
ถ้างั้นแล้ว ก็คิดได้ว่าทักษะอัตลักษณ์คือทักษะอันเป็นผลที่เกิดจากการพัฒนาการ์ด
ถ้างั้น ยูนิคลิงค์ของผมคือ『ลิงค์ที่ช่วยให้การ์ดปลุกตื่นทักษะอัตลักษณ์ได้ง่ายขึ้น』อย่างงั้นเหรอ?
…..รู้สึกว่าจะแตกต่างไปนิดหน่อย แต่แนวทางน่าจะถูกต้องแล้ว
ก่อนหน้านี้อาจารย์บอกว่าการ์ดของผมพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว เพราะงั้นบางทียูนิคลิงค์ของผมคงจะเป็นประเภทที่ช่วยการ์ดเติบโต
…..ไม่สิ ต้องใช่แน่ๆ
เชี่ยวชาญในการพัฒนาการ์ด นั่นคือคุณสมบัติของนักผจญภัยของผม เป็นจุดแข็ง
ในที่สุดผมก็ค้นพบเส้นทางที่ต้องการเดินไปในฐานะนักผจญภัยแล้ว -กึด-กำหมัดอย่างแรง
—-จากนั้น 2 วันให้หลัง
ผมได้มาถึงสระว่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว
วันนี้เป็นวันมาสระว่ายน้ำที่ได้สัญญาเอาไว้ตอนวันสุดท้ายของโรงเรียน
「ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ดีแล้วล่ะนะที่งานของคิทากาว่าเสร็จเร็วกว่าที่คาดไว้」
ขณะกำลังเปลี่ยนชุดอยู่ในห้องเปลี่ยนชุด ชินโดก็พูดแบบนั้นมา
「คิทากาว่าที่จู่ๆก็บอกว่าอาจจะไม่ได้ไปสระว่ายน้ำเพราะว่าติดงานในการแข่งมอนโคโล ตอนนั้นคิดว่าเรื่องสระว่ายน้ำที่ให้สัญญาไว้คงต้องยกเลิกแน่ๆเลยล่ะ」
「ขอโทษที ข้อเสนอมันมาแบบฉับพลันน่ะ แต่ว่าก็ทำมันเสร็จได้พอดีวันมาสระว่ายน้ำใช่ไหมล่ะ?」
ผมตอบกลับชินโด
「นั่นล่ะที่แปลก การแข่งมันกำหนดตารางเวลาเอาไว้เป็นอาทิตย์ แต่นี่เข้าเส้นชัยในเวลาไม่ถึง 24 ชม.ซะงั้น」
ได้ยินการพูดตบมุขมาจากทางด้านข้างของชินโด
ผมถอนหายใจแล้วหันหน้าไปทางนั้น
「…..แล้ว ทำไมโอโน่ถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ」
「อาจารย์จะไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอครับ? เมินลูกศิษย์แสนน่ารักแล้วไปสระว่ายน้ำกับสาวๆแบบนี้…..」
「ลูกศิษย์แสนน่ารักอะไรกัน」
-ฮือฮือฮือ-…..โอโน่แกล้งทำเสียงร้องไห้ ผมก็ชำเลืองมองไปทางชินโด
เขาก็「’โทษที」พร้อมพนมมือเข้าหากัน
「แบบว่า ดูเหมือนจะไปได้ยินมาจากที่ไหนซักแห่งเรื่องที่พวกเราจะไปสระว่ายน้ำกันน่ะสิ ก็เลยปฏิเสธไม่ลง」
「ก็นะ ไม่เป็นไรหรอก」
ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ติดค้างอะไรกับโอโน่เลย แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะคัดค้านอะไรจริงจัง
ก็แค่ พอมาถึงสถานที่ในวันที่นัดกันไว้ แล้วมาเจอกับชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้นราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ ก็เลยรู้สึกอยากจะถามคำถามขึ้นมาบ้างนิดหน่อย
「ใช่ใช่ หยุดคิดเรื่องหยุมหยิมไปแล้ววันนี้มาสนุกกัน! ไม่ได้จะมีโอกาศแบบนี้บ่อยๆหรอกนะ!」
แต่ว่า อย่างที่คิดว่ามันรู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี เพราะงั้นผมกับชินโดจึงเตะไปที่ก้นของโอโน่แล้วออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด
เมื่อออกมาที่ริมสระ สระว่ายน้ำก็เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก
ตัวสระนั้นมีขนาดใหญ่ มีทั้งสระคลื่น, สระน้ำวน, วอเตอร์สไลเดอร์ มีจำนวนสระที่แตกต่างกันมากกว่า 10 ประเภท แถมยังมีสระเพื่อความบันเทิงขนาดใหญ่ที่เอาไว้แสดงโชว์อีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นด้วยจำนวนแขกที่มาใช้งานจำนวนมากก็ทำให้รู้สึกว่ามันคับแคบอยู่นิดหน่อย
「โว้ว~ คนเยอะจริงๆ มู…..เจอ F แล้ว」
「ที่วอเตอร์สไลเดอร์มีแถวยาวเลย ถ้างั้นคงอีกซักพักกว่าจะได้ไปเล่นกันล่ะนะ อะ เจอ G แล้ว」
「นั่นไม่ใช่ G หรอก แต่เป็น H ต่างหาก~ …..เดาว่าคงได้เล่นอยู่ในสระน้ำวนไปก่อนจนกว่าคนจะซาลงไปนั่นแหละ」
ขณะที่กำลังรอพวกผู้หญิงมาถึงก็ทำการชื่มชมเหล่าพี่สาวในชุดว่ายน้ำกัน
「ขอโทษที่ให้รอ~」
ในที่สุด ช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง
พวกผมทั้ง 3 คนต่างก็หันหน้าไปพร้อมๆกัน
『โอ้~』
พากันชูมือส่งเสียงเชียร์
ชุดว่ายน้ำของชิโนมิยะซังเป็นแบบบิกีนี่ไขว้สีดำ เป็นดีไซน์ที่ผู้มีความมั่นใจในเรือนรางของตนเองเท่านั้นที่จะสวมมัน
สมแล้วที่เป็นนางแบบนิตยสาร….. พอเห็นแบบนี้แล้วก็เห็นได้ชัดเลยว่ามีไสตล์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
หน้าอกขนาดพอประมาณและเรียวขายาวสีขาวเหยียดออกมาจากเอวเพรียวบางช่างน่าตื่นตาสุดๆ
ผมที่ปกติมัดเป็นปมอยู่ต่ำๆ ในตอนนี้กลายเป็นทรงหางม้าให้บรรยากาศกระปรี้กระเปร่า
อุชิคุระซังที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้พูดก็ ทางด้านนี้สวมเป็นแทงกินี่ลายทางสีขาว-ดำ เป็นชุดว่ายน้ำประเภทที่ปกปิดเรือนร่าง
ส่วนบนเป็น Tank Top เสื้อตัวยาวที่ปิดซ่อนหน้าอกขนาดใหญ่นั้นเอาไว้ไปจนถึงเอว แล้วยังมีผ้าพารีโอผูกเอาไว้รอบเอวที่ปกปิดลงไปจนถึงต้นขา
…..หรือว่าบางที อาจจะกังวลเรื่องที่ร่างกายไม่เพรียวบางเหมือนอย่างชิโรมิยะซังงั้นเหรอ?
เป็นตัวเลือกที่ทำให้เห็นถึงส่วนปลายของความลับปมด้อยของอุชิคุระซัง
แต่ว่า เพื่อปกป้องเกียรติของเธอ อุชิคุระซังน่ะไม่ได้อ้วนเลยซักนิด
ท่ามกลางผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่ มีจำนวนมากที่ร่างกายไม่สามารถอธิบายออกมาด้วยคำว่าอ้วนได้ ซึ่งอุชิคุระซังเองก็ไม่ได้มีน้ำหนักเกินเมื่อเทียบกับผู้หญิงอายุเท่าๆกัน
อันที่จริงถ้านำขนาดของหน้าอกมาคิดด้วยแล้ว สามารถพูดได้ว่าค่อนข้างผอมด้วยซ้ำ
ปมด้อยของเธอ บางทีคงจะมาจากที่มักจะอยู่ข้างๆชิโนมิยะซังที่มีรูปร่างตามอุดมคติของผู้หญิง
เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องอายไปหรอก สวมบิกินี่ที่มันหวือหวาไปเลย…..!
ผมตะโกนก้องในหัว(เพราะจะให้เปิดปากตะโกนคงไม่ได้)
แล้วก็ มีอีก 1 คน ผมหันสายตาไปทางคนที่ 3
ที่ตรงนั้น มีอิจิโจซังในชุดบิกินี่คาดอกสีขาวอยู่
แม้จะไม่ได้ใหญ่เท่าอุชิคุระซัง แต่ก็มีหน้าอกขนาดใหญ่ที่น่าจะถึง F ไม่ก็ G ได้เลย มีเอวที่แคบเป็นแนวตรง และต้นขาอวบอิ่มเรียวยาว…..
พร้อมด้วยผิวสีแทนตัดกันกับชุดว่ายน้ำอันหวือหวาซึ่งไม่พยายามผิดบังเรือนร่างอันยั่วยวนเอาไว้เลย
น-นี่มัน อีโรติกเกินไปแล้ว….. หยั่งกับว่าเป็นตัวละครจากไลท์โนเวลผสมกับเกม 18+ เลย
ผมเกือบจะกลืนน้ำลายลงไปตามสัญชาตญาณแต่ก็ยังพอจะฝืนเอาไว้ได้
จะมาแสดงรีแอคชั่นแบบนั้นที่นี่ก็ออกจะโจ่งแจ้งเกินไป
แต่ว่า กลับได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังมาจากข้างๆผม
ต่างจากผมที่พอจะสร้างภูมิต้านทานมาจากเหล่าการ์ดแล้วบ้าง แต่ดูเหมือนเจ้าพวกนี้จะไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้
พอได้เห็นปฏิกริยาของพวกผู้ชาย ชิโนมิยะซังก็ถอนหายใจ ส่วนอุชิคุระซังก็ยิ้มแห้งๆ
「เห็นไหม ก็บอกไปแล้วไง คาโอริ ชุดว่ายน้ำนั่นน่ะมันล่อแหลมเกินไป」
「เหรอ? ออกจะธรรมดานี่นา?」
พอพูดไปแบบนั้น อิจิโจซังก็สะบัดผมสีดำด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนอะไร
แม้แต่ท่วงท่าปกติในตอนนี้ก็ยังดูอีโรติก
「อาจารย์ Nice」
「ขอบคุณมากที่ชวนอิจิโจซังมา」
โอโน่และชินโดพากันกระซิบบอกผมมาลับๆ
สาเหตุที่อิจิโจซังอยู่ที่นี่ทั้งๆที่แต่เดิมเธอไม่ได้มีแผนจะมาด้วยก็เพราะว่าผมชวน
ในตอนที่เจอกันครั้งก่อนตอนเธอเดินพาหมาไปเดินเล่น ผมได้ทำสัญญาเพื่อจะให้เช่าการ์ดเอาไว้
พื้นฐานของสัญญาคือ ค่าเช่า 5หมื่นต่อเดือนและได้มากสุด 2 ใบ ในกรณีที่ลอสจะต้องชดใช้ตามราคาตลาด และวางหลักประกันเอาไว้ในตอนแรกเริ่ม 5แสน
อันนี้ได้อ้างอิงตามสัญญาเช่าของชมรมนักผจญภัยในมหาวิทยาลัย แต่จะแตกต่างไปจากของมหาวิทยาลัยที่จำเป็นต้องมีเงินจำนวนหนึ่งเอาไว้เป็นหลักประกัน และไม่มีระบบพี่เลี้ยง
ระบบพี่เลี้ยงคือระบบที่รุ่นพี่ซึ่งทำการให้ยืม ช่วยการชี้นำ(หรือกำกับดูแล) เมื่อไปเขาวงกต โดยแลกกับส่วนแบ่งจำนวนหนึ่งจากรางวัลที่พิชิตเขาวงกตได้ แม้ระบบนี้จะช่วยให้ได้รับความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉินด้วยการชี้นำของรุ่นพี่ แต่มันก็มีข้อเสียตรงที่สมาชิกใหม่จะไม่สามารถไปเขาวงกตได้ถ้าหากรุ่นพี่คนนั้นไม่อยู่
ด้วยระบบพี่เลี้ยงนี้ก็มีปัญหาอยู่บ้างอย่าง ชมรมไม่ดีที่อาศัยประโยชน์ที่สมาชิกใหม่จะไม่สามารถเข้าเขาวงกตได้คนเดียว ทำการโก่งค่าเช่าจนเกิดเป็นหนี้ ทว่ามันก็เป็นหนทางรับมือกับอิเรกูล่าห์เอ็นเคาเตอร์แล้วก็ยังมีข้อดีอยู่อีกมาก
ดังนั้นแล้ว เนื่องจากผมไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงให้ จึงตกลงกันว่าจะเพิ่มคุณภาพของการ์ดให้มากกว่าของมหาวิทยาลัย และใช้เงินค้ำประกันป้องกันการขโมยที่ 5 แสน
อีกทั้ง จุดตัดสินที่ทำให้เกิดสัญญาเลยมาจากที่อิจิโจซังพูดถึงรูปแบบการชดใช้ในกรณีที่การ์ดลอสว่า「ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นล่ะก็ จะจ่ายคืนด้วยร่างกายเอง」
…..และแล้ว ด้วยเหตุนั้น รายละเอียดของสัญญาก็เป็นที่ตกลงกันเรียบร้อย ปัญหาก็คือ「จะให้การ์ดใบไหนไปดี」
ผมเองในหน้าร้อนนี้ก็มีเรื่องยุ่งๆอยู่ ทำให้ไม่ค่อยมีโอกาศจะเอาการ์ดให้ เพราะแบบนั้นผมก็เลยบังเอิญชวนเธอมาที่สระว่ายน้ำด้วยกันในวันนี้
เดี๋ยวครั้งหน้าจะไปสระว่ายน้ำด้วยกันกับชินโดแล้วก็ชิโนมิยะซัง จะมาด้วยกันไหม? แบบนั้นแหละ
แล้วพออิจิโจซังตกลง ส่วนสมาชิกคนอื่นๆเองก็เห็นด้วย เพราะงั้นอิจิโจซังจึงได้มาอยู่ที่นี่ในวันนี้
แม้แต่ตัวเองก็ยังคิดเลยว่าทำได้ไม่เลวจริงๆ
「เอาล่ะ จะไปที่ไหนกันก่อนดี?」
ผมถามคนอื่นๆขณะมองไปรอบๆสระว่ายน้ำ
สระว่ายน้ำแห่งนี้ นอกเหนือไปจากสระคลื่นกับสระน้ำวนแล้วก็ยังมี วอเตอร์สไลเตอร์ 4 อัน, สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ราวกับทะเลสาป, สระว่ายน้ำเขาวงกตที่ออกแบบตามถ้ำใต้น้ำ, สระผจญภัยที่มีเรือโจรสลัดจำลอง, และสระน้ำอุ่น
…..ก็ จากที่มองไปรอบๆตอนนี้ สระคลื่นและสระน้ำวนนั้นคนแน่นและเล็กเกินกว่าจะลงไปว่ายน้ำได้ ส่วนวอเตอร์สไลเดอร์ทั้ง 4 อันก็มีคิวยาว
「วอเตอร์สไลเดอร์ไม่น่าจะว่างไปถึงเที่ยง…..ชั้นไม่คิดจะต่อแถวท่ามกลางอากาศร้อนแบบนี้ โดยที่ยังไม่ได้แม้แต่จะลงสระเลยหรอกนะ」
「ชั้นด้วย」
「แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น จะให้ไปสระว่ายใหญ่หรือสระน้ำอุ่นเลยแต่แรกก็คงไม่ใช่ นั่นน่ะเป็นที่เอาไว้ลอยสบายๆหลังจากที่เหนื่อยจากการเล่นมาแล้วนะ」
ด้วยความคิดเห็นของกลุ่มผู้หญิงทั้ง 3 คน กลุ่มผู้ชายก็ทำการสรุปออกมา
「ถ้างั้นก็เป็นถ้ำใต้น้ำหรือไม่ก็เรือโจรสลัดล่ะนะ」
「อืม เรือโจรสลัดคนข้างจะมีเด็กๆอยู่เยอะ…..ถ้างั้นถึงแม้จะต้องแยกไปเป็นคู่ๆ แต่ไปเริ่มกันที่ถ้ำใต้ทะเลกันไหม?」
「เอางั้นละกัน …..จะจับคู่ยังไงล่ะ?」
พอผมพูดขึ้นมา โอโน่ก็ตอบในทันที
「เป่ายิ้งฉุบอะไรแบบนั้นไปก็ได้เอาไหม?」
「ก็ดีนะ」
「อืม เห็นด้วย」
สมกับที่เป็นโอโน่ ผมกับชินโดพยักหน้าเห็นด้วย
ในเวลาแบบนี้ ถ้า「เอาตามใจก็ได้」แล้วเสนอชื่อกันออกมาจะเป็นความคิดที่ไม่ดี
ถ้าหากว่าทั้ง 3 คนเลือกจับคู่ไปคนละคนมันก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าเกิดเลือกชนกันล่ะก็ มันจะเกิดมีผู้หญิงที่ถูกเหลือทิ้งไว้ 1 คนอย่างช่วยไม่ได้
หากเป็นเช่นนั้นขึ้นมา ผู้หญิงทุกคนที่อยู่ที่นี่ซึ่งน่าจะมีความมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง จะต้องเกิดเสียศักดิ์ศรีของผู้หญิงจากการที่ไม่ถูกเลือกเป็นแน่
ซึ่งนั่นเป็นสถานการณ์ที่สุภาพบุรุษจะต้องหลีกเลี่ยงให้ได้อย่างที่สุด
…..ก็นะ นั่นก็แค่ข้ออ้าง ความจริงก็คือพวกเด็กผู้ชายหน้ามนคงจะเศร้ามาก ถ้าเกิดถูกเด็กผู้หญิงที่เลือกปฏิเสธเข้าให้ก็เท่านั้นเอง
——–ทว่า
「อะ ชั้น ขอเลือกไปกับคิทากาว่าดีกว่า」
『!?』
คำพูดของอิจิโจซังสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว
โอโน่กับชินโดนั้นแน่นอน แต่ว่าแม้แต่ชิโนมิยะซังกับอุชิคุระซังก็ยังเปิดตากว้างมองมาที่ผม
ไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกเลือกโดยฝ่ายหญิง…..ค-คาดไม่ถึงเลย จะว่าไป เอ๋ ทำไมเป็นผมล่ะ? ร-หรือว่าอิจิโจซังกับผมแล้ว…..?
ก็ขณะที่ความหนุ่มสาวภายในตัวของผมเริ่มจะคลุ้มคลั่งอยู่นั้น
「เอาจริงๆแล้วสาเหตุหลักที่มาในวันนี้ก็เพราะอยากจะคุยกับคิทากาว่าเรื่องเช่าการ์ดล่ะนะ ก็เลยอยากจะรีบคุยให้มันเสร็จๆไป จะได้ไปเล่นได้โดยไม่ต้องกังวล」
อะ หมายถึงงั้นหรอกเหรอ…..
ความหนุ่มสาวภายในตัวดับมอดลงในพริบตา
ไม่หรอก ก็ไม่ได้หดหู่อะไรซักหน่อย ผมน่ะ มั่นคงต่ออุชิคุระซังอยู่แล้ว อื้ม จริงๆนะ ไม่เคยคิดว่าจะสามารถไปได้กับอิจิโจซังเลย
ขณะที่ผมกำลังหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองอยู่นั้น โอโน่ก็ใช้ศอกเข้ามาสะกิดที่ด้านข้าง
「อะไรเนี่ยอาจารย์ ไอ้เช่าการ์ดนี่มันคืออะไร」
「หืม? ก็ไม่มีอะไรนี่ อิจิโจซังบอกว่าอยากจะเป็นนักผจญภัย ก็เลยให้เช่าการ์ดโดยมีค่าธรรมเนียมก็เท่านั้นเอง」
「เห~ ถ้าเริ่มทำอะไรแบบนั้นก็น่าจะบอกผมซักหน่อยนา แล้วให้เช่าการ์ดแบบไหนล่ะ? ให้เช่าแรงค์ C ด้วยรึเปล่า?」
「แรงค์ C เนี่ยยังมีไม่พอจะให้เช่าหรอก ก็นะ…..ค่อยคุยกันทีหลังละกัน」
「ทีหลัง แน่นอนเลยนะ」
ดวงตาของโอโน่เปล่งประกาย แล้วก็ยอมถอยไปก่อน
…..แบบว่า หมอนี่เองก็ดูจะเอาจริงเอาจังขึ้นมาแล้ว ในวันหยุดหน้าร้อนนี้เองก็ดูจะสำรวจเขาวงกตอยู่เยอะ บางทีนะ แค่บางที พอเปิดเทอมแล้วก็อาจจะ…..
「อา~ อิจิโจซัง ไม่เอาไว้คุยเรื่องนั้นกันตอนกินข้าวเที่ยงล่ะ? ยังไงซะก็ต้องให้การ์ดตอนขากลับอยู่ดีนี่นา」
「อืม…..ก็นะ แบบนั้นก็ได้」
พอผมพูดไปแบบนั้น อิจิโจซังก็ยอมถอยไปง่ายๆ
ชิโนมิยะซังที่เห็นดังนั้นก็ถอนหายใจโล่งอกเบาๆ
「ถ้างั้น ตัดสินกันด้วยเป่ายิ้งฉุบง่ายๆ ตกลงนะ?」
『OK』
พวกเราตกลงแล้วพากันยื่นมือออกมา
และแล้ว—-
「—-สุดท้ายก็เป็นอิจิโจซังงั้นเหรอ」
ผมยิ้มแห้งๆ ขณะที่พวกเรากำลังล่องเรือยางไปตามทางน้ำที่มีสภาพคล้ายถ้ำส่องสว่างไปด้วยแสงราวกับเทพนิยาย
อิจิโจซังไม่พลาดเสียงบ่นเล็กๆของผม ทำการเลิ่กคิ้วสูงแล้วใช้เสียงดุพูด
「หา? อะไร? เป็นชั้นแล้วไม่พอใจงั้นเหรอ?」
「ไม่ไม่ไม่ ใช่ซะที่ไหน! เป็นเกียรติต่างหากครับ!」
พอผมรีบอธิบายตัวเอง อิจิโจซังก็-หึ-ฮึดจมูกด้วยท่าทางหงุดหงิด
「…..ก็นะ ไงก็ได้ ยังไงซะคิทากาว่าก็คงอยากจะไปกับอุชิคุระใช่ไหมล่ะ?」
「เอ๋!? …..ท-ทำไม」
「ก็เพราะคิทากาว่าชอบหน้าอกใหญ่น่ะสิ」
「…..!?」
บ-บ้าน่า…..ทำไมถึงรู้ได้…..!? หรือว่าจะเป็นอุปกรณ์เวทอ่านใจอะไรแบบนั้นงั้นเหรอ!?
ผมที่อึ้งค้างอยู่แบบนั้น อิจิโจซังก็มองมาด้วยสีหน้าเอือมระอาบวกกับสมเพช
「ไม่ล่ะ มันเข้าใจได้ชัดๆอยู่แล้ว ตอนที่คุยกับชั้นน่ะ รู้สึกได้ถึงสายตาชำเลืองมองตลอดเลย แต่ตอนที่คุยกับผู้หญิงอกเล็กกลับไม่มองเลยแม้แต่นิดเดียว….. บางที ผู้หญิงในห้องคงจะรู้ด้วยกันหมดแล้วล่ะมั้ง? 」
「เอาจริงดิ…..」
อู…..ย-อยากตาย…..ที่ผมจ้องหน้าอกพวกผู้หญิงทุกคนรู้กันหมดแล้วเหรอเนี่ย อ๊าก! แบบว่า รู้สึกไม่อยากจะไปโรงเรียนเทอมใหม่นี้ซะแล้ว…..
ผมคอตกด้วยความสมเพชและเกลียดตัวเอง
「ก็นะ ชั้นไม่ใช่คนประเภทที่จะมาสนใจอะไรแบบนั้น เพราะงั้นก็ไม่ว่าอะไรถ้าใครจะอยากมองหรอก」
「เอ๋!?」
ม-หมายความว่ามองได้ตามที่ต้องการเลยเหรอ!?
「แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะจ้องเขม็งมาได้หรอกนะ」
-กึก-จู่ๆ คอมันก็หันไป อุ เมื่อกี้เหมือนมีเสียงแปลกๆดังมาจากคอเลย…..
「แต่ถึงชั้นจะไม่ว่าอะไร สำหรับเด็กผู้หญิงที่โตแล้วมักจะมีปมด้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดก็อย่ามองให้มันประเจิดประเจ้อไปซะล่ะรู้ไหม? ที่เป็นตัวอย่างได้ก็อุชิคุระล่ะมั้ง」
「…..ครับ จะจำไว้ให้ขึ้นใจเลย」
ผมนั่งตัวตรงบนแพยางแล้วก้มหัวให้
นึกไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงจะสามารถบอกได้ว่าถูกจ้องอยู่…..นี่หรือว่า ที่ผมไม่เป็นที่นิยมทั้งๆที่ทำเงินได้มากแล้วก็ออกจะโด่งดังก็เพราะสาเหตุนี้งั้นเหรอ? อาจจะไม่ค่อยน่าฟัง แต่ก็ดีแล้วที่ได้ยินที่นี่วันนี้
จากนี้ต่อไปต้องระวังตัวให้ดี…..ต้องพัฒนาสกิลการมองเพื่อจะได้ไม่ถูกจับได้
「…..จะว่าไป มาเข้าเรื่องกันจะดีกว่า การ์ดแบบไหนที่จะให้เช่างั้นเหรอ?」
「อะ อา คิดว่าถ้าเป็นอันนี้น่าจะดีก็ได้」
พอผมพูดแล้วก็นำการ์ดหลายใบออกมาจากการ์ดโฮลเดอร์ที่อยู่ตรงเอว
「ก่อนอื่นที่อยากจะแนะนำเลยคือนี่ ลีพวิ่งอาร์มเมอร์」
【เผ่า】ลีพวิ่งอาร์มเมอร์
【พลังต่อสู้】170
【ทักษะติดตัว】
– ชุดเกราะมีชีวิต : ตัวตนของจิตวิญญาณอาฆาตที่สิงสู่ภายในชุดเกราะอัศวิน, จะไม่หายไปจนกว่าแกนกลางที่อยู่ภายในชุดเกราะตรงไหนซักแห่งจะถูกทำลายไป, ประกอบด้วยต้านทานสถานะผิดปกติ
– แปลงชุดเกราะ : สกิลแปลงอุปกรณ์ขั้นพื้นฐาน, ด้วยการผสานเข้ากับการ์ดใบอื่น หรือตัวมาสเตอร์ พลังต่อสู้ของตนเอง 1/4 จะถูกเพิ่มให้ (หากสวมให้กับมาสเตอร์ จะสามารถแบ่งฟันพลังต่อสู้และสกิลได้ทั้งหมด)
– ศิลปะการต่อสู้
【ทักษะเรียนรู้】
– หัวใจกลวง
– วิชาดาบ
– ปกป้อง
「ตามคาดว่าสกิลแปลงอุปกรณ์สร้างความแตกต่างด้านความมั่นคงอย่างชัดเจน แล้วลีพวิ่งอาร์มเมอร์ใบนี้ก็มีสกิลวิชาดาบนอกเหนือมาจากศิลปะการต่อสู้ด้วย เพราะงั้นในสถานการณ์ฉุกเฉินก็เป็นไปได้ที่มาสเตอร์จะสวมใส่พร้อมกับใช้อุปกรณ์เวทเพื่อสู้ด้วยตัวเองได้」
「เห…..ถ้ามาสเตอร์ใช้สกิลแปลงอุปกรณ์ก็สามารถต่อสู้ด้วยตัวเองได้ด้วยงั้นเหรอ?」
รู้สึกแปลกใจที่อิจิโจซังมีความกระตือรือร้นจากที่สามารถต่อสู้ด้วยตัวเองได้
「ทำหน้าแบบนั้นมันอะไร ถึงจะเห็นเป็นแบบนี้ แต่ตอนม.ต้นก็อยู่ชมรมเคนโด้แถมยังอยู่ดั้ง 1 ด้วยรู้ไหม?」
「จริงดิ!? สุดยอดเลย…..」
「ก็น้า~ ถึงแม้ว่าพักนี้จะห่างหายไปจากโรงฝึกอยู่ก็เถอะ…..」
「เห~…..ก็นะ ถ้าเป็นอย่างงั้นก็ยิ่งแนะนำลีพวิ่งอาร์มเมอร์มากกว่าเดิมเลย คนที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้หรือเคนโด้ จะสามารถใช้สกิลศิลปะการต่อสู้ได้ดียิ่งขึ้น เดี๋ยวจะให้ดาบเวทเป็นของแถมละกัน」
「จริงดิ? ใจปล้ำน่าดูเลยนะ」
ด้วยเจตนาดีแบบไม่มีอะไรแอบแฝง ผมก็ได้นำดาบยาวเงินศักดิ์สิทธิ์ออกมา อิจิโจซังได้แต่กระพริบตาปริบๆ…..
「…..นี่หรือว่า คาดหวังให้ชั้นตอบแทนด้วยร่างกายงั้นเหรอ?」
「ไม่ไม่ไม่ไม่! เป็นแบบนั้นซะที่ไหน! ก็แค่เจตนาดีเท่านั้นเอง!」
รีบส่ายหัวทำการปฏิเสธ
ที่ถูกตราหน้า(เป็นเรื่องจริง)ว่าเป็นผู้ชายที่ชอบมองหน้าอกตลอดเวลาก็ลำบากพอแล้ว ถ้าเกิดถูกหาว่าพยายามทำดีเพื่อหวังสิ่งตอบแทนเป็นร่างกายด้วยแล้วล่ะก็คงทนไม่ไหวแน่
จู่ๆ อิจิโจซังก็เอาตัวออกห่าง
「อ่อเหรอ? ทั้งๆที่คิดอยู่ว่าอย่างน้อยจะให้จับหน้าอกก็ได้แล้วเชียว」
「เอ๊ะ…..」
สายตาพุ่งไปที่หน้าอกของอิจิโจซังด้วยสัญชาตญาณทันที
ที่ตรงนั้น หน้าอกขนาดใหญ่ประมาณ F หรือ G กำลังส่ายไปมาอย่างเย้ายวน
「แต่ถ้าเป็นแค่เจตนาดีแล้วจะให้ทำแบบนั้นไปก็คงจะผิดล่ะนะ โทษทีโทษที」
「อา อืม…..」
「อาเร๊ะ? แบบว่าซึมๆไปรึเปล่า?」
「หืม? ก็ไม่นิ?」
ผมทำสีหน้าว่างเปล่าแล้วส่ายหน้า
อิจิโจซังเห็นผมเป็นแบบนั้นก็หัวเราะคิกคัก
ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกตัวว่าถูกแกล้งหยอก
โธ่เว้ย~…..อย่ามาหยามกันนะ! ถ้าเกิดว่าได้โอกาศอีกล่ะก็ จะนวดหน้าอกนั้นให้ได้แน่นอนเลย
ด้วยการตัดสินใจอันแน่วแน่ ก็นำการ์ดใบต่อไปออกมา
「ใบแรกเป็นลีพวิ่งอาร์มเมอร์แน่นอนแล้ว ดังนั้นที่เหลือก็จะต้องเป็นตัวสนับสนุนไม่ก็ตัวรุก คิดว่า 2 ใบนี้น่าจะเป็นตัวเลือกได้」
พอพูดจบผมก็ยื่นการ์ดยูนิคอร์นกับไบคอร์นไป
ถ้าหากเน้นความมีเสถียรภาพก็ต้องยูนิคอร์นที่ชำนาญการฟื้นฟูและสนับสนุน หรือหากต้องการชดเชยพลังโจมตีที่ลีพวิ่งอาร์มเมอร์ขาดหายไป ก็ต้องไบคอร์นที่ชำนาญการโจมตีและสถานะผิดปกติ…..
ตรงนี้ถือเป็นความชอบส่วนตัวของนักผจญภัยแต่ละคน การให้เธอเป็นคนเลือกเองจึงดีที่สุด
…..แต่นั่นมันแค่ข้อแก้ตัว ความจริงคือถ้าเกิดยื่นยูนิคอร์นไปแล้วถูกปฏิเสธกลับมาว่า「ชั้นขี่เจ้านี่ไม่ได้หรอก」 มันก็คงได้รู้สึกอึดอัดสุดๆ
พออิจิโจซังมองดูการ์ดทั้ง 2 ใบแล้ว…..
「…..นี่หรือว่า จะเป็นบททดสอบเฉพาะตัวของคิทากาว่า? จะแก้แค้นเรื่องเมื่อกี้งั้นเหรอ?」
「!? ไม่ไม่ไม่! ไม่ได้หมายความว่างั้นซักหน่อย! จริงๆนะ!」
พออิจิโจซังทำสายตารังเกียจ ผมก็รีบปฏิเสธทันที
พอมาคิดดูดีๆแล้ว ไอ้การที่ให้เด็กผู้หญิงมาเลือกระหว่างยูนิคอร์นและไบคอร์นแล้ว มันก็คือการคุกคามทางเพศดีๆนี่เอง ไม่ว่าจะมองท่าไหนมันก็เป็นการพยายามดูว่าเคยมีประสบการณ์มาแล้วหรือไม่
แน่นอนว่าไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรแบบนั้น แต่หากมองมาจากมุมมองภายนอกแล้วมันก็เห็นเป็นแบบนั้น
อิจิโจซังหรี่ตามองผมด้วยความสงสัย แล้วในที่สุด
「หื้ม~…..เอาเถอะ เป็นงั้นก็ดี ก็แค่ ไม่ว่าอันไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ」
「อะ งั้นเหรอ…..」
ผม-โฮ่-ถอนหายใจโล่งอกแล้วคิดในใจ
อันไหนก็ได้นี่มัน หมายถึงแบบนั้นงั้นเหรอ?…..เอาตามตรง ตกใจอยู่นิดหน่อย
「อาเร๊ะ? การ์ดนี่ดูคล้ายๆกันจัง เป็นพี่น้องอะไรแบบนั้นเหรอ?」
ขณะที่ผมเป็นแบบนั้น อิจิโจซังที่กำลังดูการ์ดอยู่ จู่ๆก็ชี้ไปที่การ์ด 2 ใบ
นั่นก็คือ การ์ดเฟเนียกับเมเนีย
「อ๋อ นั่นเป็นการ์ด 2 ใบรวมเป็น 1 คือการ์ดทั้ง 2 ใบถือว่าเป็นการ์ดใบเดียว สามารถอัญเชิญทั้ง 2 ใบออกมาได้ในช่องการอัญเชิญเพียงช่องเดียว แล้วพออัญเชิญออกมาพร้อมกันก็จะมีสกิลพิเศษด้วย」
「เห~…..」
ขณะที่ผมทำการอธิบาย อิจิโจซังก็หยิบการ์ดเฟเนียกับเมเนียมาแล้วจ้องมองด้วยความสนใจ
เห็นได้ชัดว่า มีความสนใจมากกว่าตอนยูนิคอร์นกับไบคอร์นซะอีก ผมก็-อุมุ-…..เอามือแตะคาง
ว่ากันตามตรง ไม่ได้คิดจะปล่อยเช่าการ์ดเฟเนียกับเมเนีย ก็แค่เอามาเพื่ออธิบายว่ามันมีการ์ดแบบนี้อยู่
อย่างที่คิดว่าการ์ด 2 ใบนี้เป็นการ์ด 2 ใบรวมเป็น 1 ที่หายาก แล้วก็มีสกิลบทเพลงแห่งกร็อตติที่น่าสนใจ จะปล่อยเช่าไปมันก็น่าเสียดาย…..
ในอีกด้านหนึ่ง ถ้าถามว่าจะมีโอกาศได้ใช้การ์ด 2 ใบนี้จริงๆไหม ก็คงได้แต่ส่ายหัว
จริงอยู่ว่าที่เป็นการ์ดหายากในหลายๆแง่ แต่พูดกันตามตรง ปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังต่อสู้ยังคงขาดไปเมื่อเทียบกับสมาชิกปัจจุบันของผม
ถ้างั้นล่ะก็ แทนที่จะปล่อยให้เป็นแค่ส่วนหนึ่งในชุดสะสมการ์ดสาวมอนของผมไปเฉยๆ ก็ควรจะ…..
「…..ถ้าชอบล่ะก็ เช่าไปกับลีพวิ่งอาร์มเมอร์ไหมล่ะ?」
「เอ๋? แต่ว่า ไม่ใช่บอกว่าเช่าได้แค่การ์ดแรงค์ D 2 ใบหรอกเหรอ?」
จริงอยู่ว่าแต่เดิมตกลงกันว่าจะปล่อยเช่าการ์ดแรงค์ D แค่ 2 ใบ
นั่นเพราะของรางวัลจากการสำรวจของนักผจญภัย 1 ดาวครอบคลุมได้อย่างมากที่สุดก็แค่การ์ด 2 ใบ
ตัวผม ต่อให้เป็นคนรู้จักกัน ไม่สิ ต้องบอกว่าเพราะเป็นคนรู้จักเลยไม่ยอมรับการจ่ายค่าเช่าล่าช้าแน่นอน
ในหมู่เพื่อนฝูง มารยาทถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นคนรู้จักกันจึงจำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเงิน ซึ่งนี่เป็นสาเหตุว่าทำไมจึงตั้งใจให้เช่าเท่าที่ตัวเธอสามารถจ่ายได้เท่านั้น
แต่ก็นะ…..
「…..มันเป็นการ์ดที่ถ้าไม่มีทั้ง 2 ใบแล้วจะไร้ประโยชน์ เพราะงั้นให้เช่าโดยคิดแค่ 1 ใบไปก็ได้」
ถ้าอยากจะเช่าอันนี้ จะประนีประนอมนิดหน่อยก็ได้
แทนที่จะปล่อยให้เฉาตายอยู่แบบนี้ คงจะดีกว่าถ้าปล่อยเช่าให้การ์ดได้ไปใช้งานซึ่งช่วยให้เกิดการเติบโต แล้วถ้าลงเอยด้วยการซื้อก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเหมือนกัน
…..ครู่หนึ่ง คำว่าดราโกเน็ตได้ลอยมา แต่ก็ทำการส่ายหัวสลัดมันทิ้งไป
—-เกี่ยวกับการเก็บการ์ดใบนั้นเอาไว้กับผม เดี๋ยวค่อยปรึกษาเรื่องนั้นด้วยกันกับเร็นกะ
「อืม…..」
อิจิโจซังดูลังเลอยู่พักหนึ่ง หรือไม่ก็รู้สึกผิดกับเป็นห่วงอยู่ และแล้ว
「…..ถ้างั้น ขอเอาเป็นแบบนั้นจะได้รึเปล่า?」
「เข้าใจแล้ว…..ก็ นั่นแหละนะ ถ้าช่วยเอาใจใส่ก็ดีใจแล้วล่ะ」
「แน่นอน สัญญาเลย」
อิจิโจซังพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วใช้นิ้วมือลูบไปที่การ์ดทั้ง 3 ใบอย่างนุ่มนวล
หลังจากนั้น ทำการสลับคู่หมุนเวียนกัน แข่งกันเพื่อหาว่าใครจะผ่านถ้ำใต้น้ำได้เร็วที่สุด แล้วก็เป็นเวลาเที่ยง
「ชักจะหิวขึ้นมาแล้ว กินข้าวเที่ยงกันไหม?」
ชินโดพูดขณะเอามือลูบท้อง โอโน่ก็ตอบกลับ
「ถ้างั้น มาแยกชาย-หญิงเป่ายิ้งฉุบ ผู้ชายที่แพ้ต้องไปซื้ออาหารเที่ยง ส่วนผู้หญิงที่แพ้ต้องไปช่วยถือ เอาไหมล่ะ?」
「ผมไม่ว่าอะไรหรอกแต่…..」
พยักหน้าแล้วมองไปที่ชินโด ผมกับโอโน่มีเงินอยู่แล้ว จะให้ซื้ออาหารเที่ยงก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ชินโดที่ยุ่งอยู่กับการเล่นเทนนิส น่าจะมีเงินไม่มาก…..
「ผมก็ OK」
ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ชินโดพยักหน้าตอบรับมาง่ายๆ บางทีอาจจะมีเงินเก็บเอาไว้จริงๆ หรือบางทีอาจจะเป็นแค่ศักดิ์ศรีของผู้ชายก็ได้
ไม่ว่าจะยังไงฝ่ายผู้ชายก็เป็นอันตกลง แล้วพอมองไปทางฝ่ายผู้หญิง ทางนั้นก็ดูจะไม่มีปัญหาเช่นกัน
และแล้วทั้งฝ่ายชาย-หญิงก็แยกกันไปเป่ายิ้งฉุบ…..
「งั้น ไปกันเลยไหมชิโนมิยะซัง」
「อือ」
ผมกับชิโนมิยะซังออกไปซื้อของ
「ทุกคนจะกินอะไรกับบ้างล่ะ?」
「เอ็ตโต~ ชินโดเป็นเคบับกับอควาเรียส*, โอโน่เป็นข้าวปั้น ยากิโซบะ ทาโกะยากิ กับโปเตโต้แฮมเบอร์เกอร์…..เจ้าอ้วนนั่นจะกินเยอะเกินไปแล้ว」
พอได้อ่านรีเควสของทุกคนที่เขียนบนกระดาษ ผมก็บ่นให้
เจ้าอ้วนนั่น บางทีคงเพราะรู้ว่าผมมีเงิน ก็เลยไม่ได้เกรงใจเรื่องแบบนี้เลย
「ช่วยไม่ได้ คงต้องเดินไปมาหลายรอบแล้วล่ะ」
「นั่นสินะ เอาเถอะ ของโอโน่ให้รอไปทีหลังละกัน」
「เห็นด้วยอย่างยิ่ง」
พวกเราตกลงกัน แล้วเดินคู่กันไปยังฟู้ดคอร์ท
「โว้ว~ อย่างที่คิดเลยว่าพอออกจากสระมาก็ร้อนน่าดูเลย~」
「จริงด้วย ตอนนี้ผิวแห้งไปหมดเลย」
เราทั้งคู่เงยหน้าขึ้นไปมองพระอาทิตย์ที่ส่องแสงจ้าแล้วบ่นกัน
ถึงจะขึ้นจากสระว่ายน้ำมาแค่ไม่กี่นาที ร่างกายมันก็เริ่มแห้งแล้ว
ในแง่หนึ่งมันก็ถือเป็นอากาศที่เหมาะในการว่ายน้ำ แต่อย่างที่คิดว่าแสงอาทิตย์นี้มันก็น่ารำคาญจริงๆ
「แต่ว่า รู้อะไรไหม ช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้ว ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาสระว่ายน้ำกับมาโร่ด้วยกันแบบนี้」
「นั่นสินะ…..สำหรับผม พวกชิโนมิยะซังน่ะไกลเกินเอื้อม ราวกับว่าอยู่เหนือเมฆยังไงหยั่งงั้นเลย」
「ปุ อะไรล่ะนั่น」
ชิโนมิยะซังหัวเราะคิกคักถึงสิ่งที่ผมพูด
「ไม่ไม่ จริงๆนะ ผมเนี่ย แค่ได้แลกเปลี่ยนคำพูดกับพวกชิโนมิยะซังก็ถือว่าเป็นเกียรติสุดแล้วล่ะ」
「หื้ม แปลกคนจริง ไม่เหมือนกับชมรมหรืองานพาร์ทไทม์ ทุกคนต่างก็มีอายุเท่ากัน เป็นนักเรียนเหมือนกัน แล้วก็อยู่ห้องเรียนเดียวกันเท่านั้นเอง」
「ก็นั่นสิน้า…..ในตอนนี้ผมเองก็คิดแบบนั้น แต่เมื่อตอนนั้นคิดต่างออกไปจริงๆนะ」
กับชิโนมิยะซังที่เอียงคอด้วยความสงสัย ก็พยักหน้าให้อย่างจริงจัง
ด้วยการก้าวเท้าออกมาจากโลกของโรงเรียนที่มีเพียงเด็กๆ ก้าวเข้าสู่สังคมของผู้ใหญ่แม้เพียงเล็กน้อย ผมก็รู้สึกตัวได้ว่ามันไม่ได้มีความแตกต่างระหว่างเพื่อนร่วมชั้นอะไรมากมายเหมือนอย่างที่คิดไว้ ก็แค่…..ในเวลานั้น ความแตกต่างในระบบชนชั้นของห้องมันดูยิ่งใหญ่มากสำหรับผม
โดยเฉพาะ ความแตกต่างด้านรูปลักษณ์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความพยายาม เป็นความแตกต่างอย่างเด็ดขาดสำหรับผม
「…..งั้นเหรอ ถึงจะไม่ค่อยจะเข้าใจซักเท่าไหร่ก็เถอะ」
พอพูดจบชิโนมิยะซังก็มาคว้ามือของผม
ผมที่ตกใจ เธอก็ยิ้มออกมาด้วยความซุกซน
「แต่ว่าตอนนี้ก็ได้มายืนอยู่ข้างๆกันแล้ว แค่นั้นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?」
「…..นั่นสินะ」
แล้วพวกเราก็เดินไปทั้งๆที่จับมือกันอยู่แบบนั้น
เงยหน้าขึ้น ท้องฟ้าที่อยู่สูงขึ้นไปราวกับไร้ที่สิ้นสุด สายลมอันสดชื่นพัดผ่านเข้าลูบไล้ผิว
มันเป็นเพียงแค่วันที่ 18ของวันหยุดหน้าร้อน หน้าร้อนยังคงดำเนินต่อไป
【Tips】กิฟท์การ์ด (gifted card)
แม้แต่การ์ดเองก็มีของอย่างความเหมาะสมและพรสวรรค์อยู่
เช่นเดียวกับการที่การ์ดเผ่าพันธุ์เดียวกันมีรูปลักษณ์และลักษณะนิสัยแตกต่างกัน พรสวรรค์เองก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก
พรสวรรค์ของการ์ด ส่งผลต่อความยากง่ายในการเรียนรู้สกิล รวมถึงจำนวนสูงสุดที่จะสามารถเรียนรู้สกิลเรียนรู้ได้ ในหมู่นั้นการ์ดที่สามารถอธิบายได้ด้วยคำว่าอัจฉริยะจะถูกเรียนกว่ากิฟท์การ์ด
เอลิซ่าและซิลกี้เมดมาสเตอร์เองก็ถือว่าเป็นกิฟท์การ์ดเช่นกัน
กิฟท์การ์ดและการ์ดที่มีพรสวรรค์สูง ไม่สามารถถูกตรวจสอบได้จากรูปลักษณ์หรือสเตตัส ลักษณะที่โดดเด่นของกิฟท์การ์ดนั้นคือ มักจะมาพร้อมกับสกิลหายากตั้งแต่แรกเริ่ม
ซิลกี้เมดมาสเตอร์ถือว่าเป็นหนึ่งในประเภทนั้น แต่บ่อยครั้งที่อัจฉริยะของแท้…..『อัจฉริยะในความพยายาม』ไม่ได้มีลักษณะที่สามารถเข้าใจได้ง่ายแบบนั้น
ข้อมูลเพิ่มเติม
อควาเรียส / Aquarius
เครื่องดื่มในเครือของโคคา-โคลา
https://www.coca-cola.com/kh/en/brands/aquarius
https://www.brandbuffet.in.th/2015/09/aquarius-coca-cola-thailand-drink/
MANGA DISCUSSION